หลังจากร่างใหญ่ของลูเซียนหย่อนลงมานั่งกับฉันในอ่าง ทั้งน้ำและโฟมก็เอ่อล้นออกมาและทำให้อ่างอาบน้ำดูเล็กลงไปทันที“ลูเซียน…ทำอะไรของคุณน่ะ!” ฉันถามด้วยความตกใจแล้วรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอก อะไรดลใจให้เขาทำอย่างนี้?เราไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเลยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่อยู่ด้วยกัน ฉันโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก“นาตาลีถูหลังให้อาหน่อย” เขาอ้อนวอนพลางหันหลังเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อให้ฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ฉันจะปฏิเสธเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาขอร้องมาแบบนี้?ความร้อนจากร่างกายของเขาปะทะกับฝ่ามือของฉันลูเซียนทำเสียงพอใจ…เป็นสถานการณ์ที่ดูแปลกมาก แต่เขากลับทำตัวเป็นปกติและดูผ่อนคลายมาก การเปลือยกายในอ่างอาบน้ำพร้อมกับลูเซียน ทำให้ร่างกายของฉันรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อยๆสักพักลูเซียนก็หันกลับมาพร้อมกับเอื้อมมือมาจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ ตัวฉันแข็งเกร็ง ตาของเขาเลื่อนลงมามองที่หน้าอกจนหัวนมของฉันลุกชัน เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันอย่างช้าๆ ฉันรู้สึกถึงลมหายใจอันร้อนระอุที่ข้างหูตอนเขากระซิบว่า “ให้ฉันถูหลังให้เธอนะ”เขายิ้มก่อนที่จะใช้ฟองน้ำถูหลังให้ฉัน มันรู้สึกดีมาก มือของเขา
“อา…อา…เพราะ…เรา…อา…คุณคือ…พ่อเลี้ยงของฉัน” ฉันพูดจบประโยคท่ามกลางเสียงครางที่เร้าร้อน ลูเซียนเป็นพ่อเลี้ยงของฉันถึงแม้ฉันไม่อยากให้เขาเป็นก็เถอะ“ถ้าอาไม่เป็นพ่อเลี้ยงของเธอ แปลว่าอาทำแบบนี้ได้ใช่มั้ย?” ลูเซียนถาม ฉันพูดไม่ออก ถ้าเขาไม่ได้เป็นพ่อเลี้ยงฉัน มันหมายความว่ายังไง?เราจะยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมไหม?ฉันจะได้เจอเขาอีกหรือเปล่า“ไม่…ได้โปรด…ฉันไม่อยากเสียคุณอาไป” ฉันหันไปมองเขาขณะที่น้ำตาคลอเบ้า“เธอจะไม่เสียอาไปอย่างแน่นอน อาไม่ไปไหนหรอก และอาก็จะไม่ให้เธอไปไหนด้วย” ลูเซียนกระซิบตอบอย่างเร่าร้อนริมฝีปากที่ร้อนเหมือนเปลวไฟเริ่มจูบฉัน มือหนาประคองใบหน้าของฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหน ลิ้นร้อนตวัดกวัดแกว่งอยู่ในช่องปากที่เปียกชื้น ฉันกับเขาออกเสียงครางร่วมกันด้วยความยินดี ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าการจูบกับลูเซียนจะเร้าใจได้ถึงขนาดนี้ ฉันดึงศีรษะของเขาเข้ามาใกล้ขึ้นอีก อยากให้เราจูบกันแบบนี้ตลอดไปฉันแน่ใจว่าหน้าของฉันคงแดงไปหมดเมื่อริมฝีปากของเราแยกจากกัน ฉันยังต้องการมากกว่านี้ ตัวของฉันสั่นด้วยความอยาก อยากได้ร่างกายของเขา อยากได้ความรักของเขา หว่างขาของฉันแฉะชื้นขึ้นเรื่อย ๆ“นาตาลี อาขอ
ลูเซียนจูบลงที่ต้นคอพร้อมขยำหน้าอกของฉันผ่านชุดนอน ฉันเสียวซ่านไปทั้งตัว อยากให้เขาสอดมือเข้าสัมผัสร่างฉันโดยตรงมากกว่าในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นฉันรู้สึกเหมือนร่างกายยังคงถูกลูบไล้ไปทั่ว เซ็กซ์แบบไม่สอดใส่ในอ่างอาบน้ำทำให้ร่างกายของฉันโหยหาเขามากขึ้นฝ่ามือหนากอบกุม บีบเค้นหน้าอกหนักขึ้น ทำไมเขารุนแรงกับฉันจัง ฉันคิดในใจแล้วครางออกมาเบา ๆ เมื่อเขาเลื่อนมือลงมาที่หน้าท้องและหยุดตรงหว่างขา เคล้นคลึงปุ่มกระสัน“ขนาดหลับ ก็ยังอยากอยู่อีกเหรอ?” เสียงหัวเราะเบา ๆดังขึ้นข้างหูฉันฉันลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ“แซค!” ฉันอ้าปากค้างเมื่อเห็นแซคนอนอยู่ข้างๆรอบห้องมืดสนิทเพราะดึกมากแล้ว แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนกับโครงหน้าอันหล่อเหลาและผมสีบลอนด์อ่อนเป็นลอนของแซค“ว่าไงซินเดอเรลล่า เที่ยงคืนแล้ว เจ้าชายมาแล้วนะ” แซคกระซิบเบาๆ ที่หูของฉันก่อนจะกัดเบาๆ บนต้นคอ“เนื้อเรื่องในเทพนิยายไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย” ฉันตอบแบบประชดประชัน“พอเป็นเรื่องของเราก็ต้องมีหักมุมนิดหน่อยสิ ก็ดีไม่ใช่เหรอ” แซคยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบผ้าปิดตาที่เตรียมไว้ออกมา"พร้อมยัง?" เขาถามยกยิ้มอย่างคนขี้เล่นเขาไม่รอคำตอบแต
ในที่สุดทริปล่องเรือวันหยุดก็สิ้นสุดลงซะที ฉันกลับมาพักผ่อนที่บ้านอย่างเงียบสงบโดยไม่ต้องเห็นหน้าแองเจลาอีก ผ่านไปสองสามวันแล้ว ชีวิตฉันกับลูเซียนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างน่าประหลาดใจ เขาไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอ่างอาบน้ำและไม่แตะต้องตัวฉันแบบนั้นอีกเลย ส่วนหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจ แต่อีกส่วนก็กังวลและสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้“คุณผู้ชายต้องการพบคุณหนูที่ห้องหนังสือค่ะ” แม่บ้านเก่าแก่ยืนพูดอยู่ที่ประตู"ขอบคุณค่ะ” สงสัยจังว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไร ฉันกังวลนิดหน่อยระหว่างเดินไปหาเขา“ลูเซียน แม่บ้านบอกว่าคุณต้องการพบฉัน?” ฉันทักทายด้วยรอยยิ้มแล้วเขาก็ผายมือให้ฉันไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม"ใช่. ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ” ลูเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เอ็ดเวิร์ดบอกว่ามีคนสะกดรอยตามเธอ ....ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะมีบอดี้การ์ดเป็นของตัวเองซักที” ลูเซียนอธิบาย เขาดูจริงจังกับเรื่องนี้มากบอดี้การ์ด?ฉันจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดด้วยเหรอ?ความจริงฉันไม่เคยถูกดักทำร้ายหรอก” การมีบอดี้การ์ดเป็นของตัวเองดูจะเกินไปหน่อย ฉันรู้ว่าลูเซียน เอ็ดเวิร์ดแล
**สัปดาห์ก่อน**ชายร่างสูงใหญ่ ผมสีแดงสด และดวงตาสีฟ้าใส ยืนอยู่กลางห้องทำงานของเอ็ดเวิร์ด“ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง ไรเนอร์” เอ็ดเวิร์ดทักทาย“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง” ไรเนอร์ทักทายกลับอย่างล้อเลียน…“ผู้หญิงคนนั้นน่าจะหมายถึงคุณหนูนาตาลี หรือคุณนาตาลีสำหรับคุณ” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างติดตลก“ยัยแห้งคนนั้นโตแล้วเหรอ? ผมไม่ได้เจอเธอมาเป็นสิบปีแล้ว” ไรเนอร์นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับนาตาลี ก่อนที่เธอจะถูกรับมาเลี้ยงในครอบครัวโรเซนฮอลในฐานะลูกสาวของลูเชียน“คุณมีอะไรจะบอกผมมั้ย?เรื่องที่จะให้ผมไปเป็นบอดี้การ์ดของเธอ” ไรเนอร์ถามตรงประเด็น“นาตาลีมีคู่รักอย่างน้อยหนึ่งคน ผมต้องการให้คุณจับตาดูเธอและสืบว่าเขาเป็นใคร” เอ็ดเวิร์ดอธิบาย“รวมตัวคุณด้วยหรือป่าว” ไรเนอร์ถามอย่างมีวาทศิลป์สัญชาตญาณไรเนอร์สัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนไปทันทีจนน่ากลัว“แทงใจดำล่ะสิ คุณดูหมกมุ่นกับเธอหลังจากเหตุการณ์นั้น” ไรเนอร์พูดขณะยิ้มให้เอ็ดเวิร์ด“ผมต้องการให้คุณดูแลเธอให้ปลอดภัย นาตาลีโตแล้วและผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกผู้อาวุโสมีแผนอะไรกับเธอ หรือมีอันตรายอะไรรอเธออยู่รึป่าว” เอ็ดเวิร์ดอธิบาย“คุณคิดจะทำอะไรก
“คู่เดตของอาสวยสง่ามาก!” เอ็ดเวิร์ดอุทาน ขณะที่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าพวกเราต้องไปร่วมงานกาล่าดินเนอร์กับหุ้นส่วนทางธุรกิจคืนนี้ ฉันจึงต้องแต่งชุดราตรีแบบเป็นทางการ เอ็ดเวิร์ดเจ้ากี้เจ้าการเลือกชุด หาช่างแต่งหน้า ช่างทำผม สั่งให้ทุกอย่างออกมาสวยงามหรูหราที่สุด ส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่ามันมากไปหน่อยแต่งตัวไปงานแค่งานกินเลี้ยงกาล่าดินเนอร์ ครั้งสุดท้ายที่ฉันแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้คือตอนที่ฉันไปงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่องที่แซคเป็นสปอนเซอร์ชุดที่ฉันใส่เป็นเดรสยาวสีชมพูกุหลาบผ่าสูงตั้งแต่ต้นขาซ้ายจนเกือบไปถึงสะโพก รองเท้าส้นสูงหัวหมุดสีทองและกระเป๋าคลัตช์คาเวียร์สีดำใบโปรดของฉัน ผมถูกมัดเป็นมวยอย่างมีสไตล์พร้อมกับการแต่งหน้าในโทนสีโรสโกลด์ ตอนเห็นตัวเองในกระจกฉันยังคิดว่ามันดูดีมากทั้งเอ็ดเวิร์ดและอาร์อยู่ในชุดทักซิโด้ งานนี้คงยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าที่คิดไว้ ฉันกับเอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่ด้านหลัง ขณะที่อาร์ขับรถเบนท์ลีย์พาเราไปที่งาน ฉันกังวลกับการสะดุดรองเท้าส้นสูงหกล้มมากกว่าการจะได้พบปะกับลูกค้าในงานซะอีก เอ็ดเวิร์ดต้องเป็นคนเลือกให้แน่ ๆ เลย“ลูกค้าในงานวันนี้เป็น CEO หุ้นส่วนรายใหญ่ของ
มื้อค่ำจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ อาหารอร่อยและเอ็ดเวิร์ดก็เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่ดี ไรเนอร์ยืนห่างจากเราพอสมควร ฉันเหลือบมองเขาสองสามครั้งระหว่างนั้น แต่เขากลับไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อยสมเป็นมืออาชีพมาก และตอนนี้เห็นทีฉันต้องกลับบ้านได้แล้ว“เอ็ดเวิร์ด ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับแล้ว” ฉันเอ่ยปากขอตัว“จะรีบไปทำไม อายังมีเรื่องจะคุยกับเธออีก” เอ็ดเวิร์ดตีหน้าเศร้า“ขอโทษทีครับคุณเอ็ดเวิร์ด อย่างที่คุณนาตาลีบอก นี่มันก็ดึกมากแล้ว” ไรเนอร์พูดขณะที่มายืนข้างฉัน“ไปรอข้างนอก 20 นาที ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาตาลีตามลำพัง” เอ็ดเวิร์ดกึ่งพูดกึ่งสั่ง ไรเนอร์หันมามองหน้าฉันเพื่อขออนุญาตความจริงฉันเองก็มีเรื่องจะถามเขาเป็นการส่วนตัวเหมือนกัน ฉันพยักหน้าให้ไรเนอร์เล็กน้อยเป็นสัญญาณให้เขาปล่อยเราไว้ตามลำพัง ไรเนอร์ยอมเดินออกจากห้องโดยไม่พูดอะไร“อาอยากคุยเรื่องอะไร” ฉันเอ่ยปากถามแบบไม่อ้อมค้อม ฉันก็มีเรื่องสองสามอย่างที่อยากจะถามเขาเหมือนกัน“ไม่ได้มีเรื่องอะไรสำคัญหรอก อาแค่คิดถึงเธอ...” เอ็ดเวิร์ดตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะพาฉันไปนั่งที่โซฟา“ไม่ต้องมาปากหวาน ความจริงอาคงไม่มีเรื่องอะไรจะคุยก
พระอาทิตย์กำลังตกดิน ทำให้ความมืดปกคลุมแผ่นฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย?คนอื่นไปไหนกันหมด? ฉันหลงทางอยู่เหรอ?รอบตัวมีแต่ต้นไม้ใหญ่ลักษณะเหมือนกันเต็มไปหมด ฉันควรเดินไปทางไหนดี?แล้วฉันกำลังจะไปไหนล่ะความมืดครอบคลุมจนมองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงแสงจันทร์ที่ช่วยนำทางน้ำหยดลงบนผมฉัน ฝนตก?ฉันต้องรีบออกจากป่าแห่งนี้ฉันวิ่งเร็วที่สุดท่ามกลางความมืด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังมุ่งหน้าไปถูกทางหรือเปล่า กิ่งไม้และใบไม้ขีดข่วนตามตัว ขณะที่วิ่งผ่านมันไป ฉันรู้สึกกลัวมาก…ฝนตกหนักมากจนตัวฉันเปียกโชกไปหมด พื้นดินลื่นมากขึ้น"ใครก็ได้…ช่วยฉันด้วย!” ฉันกรีดร้องจนสุดเสียง เสียงสะอื้นของตัวเองทำให้รู้ว่ากำลังร้องไห้อยู่เสียงฝนและฟ้าร้องจากเบื้องบนกลบเสียงร้องขอความช่วยเหลือจนหมดสิ้นใครก็ได้ช่วยฉันที ช่วยฉันด้วย ฉันได้แต่อธิษฐาน.ตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะวิ่งหรือเดินอีกต่อไป สายฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไร้ความปรานี ฉันล้มลงกับพื้น ความมืดรอบตัวทำให้ฉันกลัวไปหมด แถวนี้ต้องมีสัตว์ป่าแน่ๆ นี่ฉันจะ…ตายที่นี่เหรอ?หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย“นาตาลี!” เสียงชายคนหนึ่ง กับมืออุ่นๆ เขย่าเบาๆ บนแขนฉัน