“ฉันตบถังเชี่ยน” หลีเสี่ยวเถียนกล่าวต่อ “ฉันรู้ว่าฉันหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่ถ้าย้อนเวลากลับไป ฉันก็ยังจะตบเธอเหมือนเดิมอยู่ดี! เธอไม่ใช่เจ้านายหญิงของเอสทีกรุ๊ปสักหน่อย! เธอจงใจแกล้งฉัน!” ฉินอันอันยังคงรู้สึกโกรธหลังจากฟังคำพูดของเธอ จริงอยู่ที่หลีเสี่ยวเถียนผิดตรงไปทำร้ายถังเชี่ยนก่อน แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับถังเชี่ยน ในฐานะผู้ชาย ฟู่สือถิงสมควรเข้ามายุ่งเหรอ? “ฟู่สือถิงสารเลวคนนี้ ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด! แน่นอน เขาก็ไม่สนใจเหมือนกันว่าจะฉันจะให้อภัยหรือไม่!” หลีเสี่ยวเถียนกล่าวขณะมองฉินอันอัน “อันอัน ความแค้นระหว่างฉันกับฟู่สือถิงไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เธออย่าปล่อยให้ฉันมีอิทธิพลต่อเธอ ฉันโดนตบเพราะฉันปากไม่ดีเอง เขาไม่ได้ทำเพื่อถังเชี่ยนทั้งหมดหรอก” “เสี่ยวเถียน ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรกับเขา เขาไม่ควรตบตีใคร” ฉินอันอันจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ “เขาบีบคอเสี่ยวหานเกือบตาย เสี่ยวหานยังเกลียดเขาจนถึงทุกวันนี้ ฉันสงสัยว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวหานเป็นลูกชายของเขาเอง แต่เพราะความผิดพลาดของเขา เขาจึงทำเป็นไม่รู้จักเสี่ยวหาน เพราะเขารู้ว่าเสี่ยวหานไม่รู้จักเขาแน
หลังจากที่โจวจื่ออี้ส่งเธอไปที่ห้องทำงานของฟู่สือถิง เขาก็รินน้ำอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว “คุณอยากกินอะไรไหม? ฉันจะไปซื้อให้” โจวจื่ออี้พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอัน “ไม่เป็นไร คุณไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวจื่ออี้ยังคงอยู่ “ตอนนี้ผมไม่มีอะไรต้องทำ ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง!” ฉินอันอันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “อันอัน เมื่อวานนี้เจ้านายผมตบเสี่ยวเถียนไป ตอนนั้นผมได้ยินเรื่อวราวมา ผมขออธิบายให้คุณฟังก่อนนะ! เจ้านายของผมไม่ได้ตบเสี่ยวเถียนเพราะถังเชี่ยน แต่เพราะเสี่ยวเถียนพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสมมาก อย่างเช่นว่า เธอบอกว่าเจ้านายของผมเป็นสวะและสมควรแล้วที่จะถูกคุณทิ้ง…” ฉินอันอันมองโจวจื่ออี้ด้วยสายตาเย็นชา โจวจื่ออี้สับสนกับสิ่งที่เขาเห็น และพูดโดยไม่ลังเล “เอ่อ… เจ้านายของผมน่าจะอธิบายเรื่องนี้ชัดเจนกว่า” “ยิ่งคุณอธิบายมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้น” ฉินอันอันวางแก้วน้ำลง โจวจื่ออี้หุบปากลง “งั้นผมขอไปรอข้างนอกนะ” เขาออกมาจากออฟฟิศและถอนหายใจอย่างแรง ครู่ต่อมา ฟู่สือถิงก็เดินออกมาจากลิฟต์ โจวจื่ออี้ก้าวไปสองสามก้าวเพื่อทักทายเขาและเต
ถังเชี่ยนคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาก็ยังคงปกป้องฉินอันอันอยู่! จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจ และน้ำตาก็ไหลออกมาเอง โจวจื่ออี้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและดึงฉินอันอันออกจากโซฟา “ผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถังเชี่ยนถึงเข้ามาได้” โจวจื่ออี้อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมไปส่งคุณข้างล่างก่อน!” “ไม่ต้อง” เธอผลักมือของโจวจื่ออี้ออก แล้วก้าวขากว้างไปที่ลิฟต์ ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมาก จริง ๆ แล้วเธอมาหาฟู่สือถิงเพราะหลีเสี่ยวเถียน แต่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรเขาเลย แม้ว่าเขาจะบังคับ แต่ถ้าเขาลงมือไปแล้วก็ปก้ไขอะไรไม่ได้ เขาเป็นคนอารมณ์ร้ายและทะเลาะกับเธอบ่อย ๆ แต่เขาไม่เคยตบตีเธอเลย หลังจากออกจากลิฟต์ เธอก็เดินไปที่ลานจอดรถด้านนอก หลังจากขึ้นรถแล้วเธอก็ขับรถไปที่บริษัท ระหว่างทาง เธอได้รับสายจากหลีเสี่ยวเถียน “อันอัน ฉันได้ยินมาว่าเธอตบฟู่สือถิงเพราะฉัน... ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปหาเขา?” หลีเสี่ยวเถียนตกใจมากจนใบหน้าของเธอหายเจ็บเมื่อได้ยินข่าว “ท้องเธอโตขนาดนั้นแล้ว เธอไม่กลัวเขาจะทำร้ายเธอเหรอ?” ในสายตาของหลีเสี่ยวเถียน ผู้ชายที่กล้าทำร้ายผู้หญิงและเด็ก ล้วนไม่มีขีดกำจัด ฉินอันอันโกหก
เธอครุ่นคิดเรื่องนี้ครู่หนึ่ง ถ้าวันนี้ฟู่สือถิงตบเธอ เธอคงจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิตแน่นอน อาจไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งลูกด้วยความโกรธ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอคิดกับตัวเองว่าเขาอาจจะไม่มาหาเธออีกต่อไปแล้วจริง ๆ หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ร้านอาหารหรูในเมือง อาการบาดเจ็บบนใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนหายดีแล้ว และวันนี้เธอก็ชวนฉินอันอันไปทานอาหารเย็นมื้อใหญ่ เดิมทีหลีเสี่ยวเถียนขอให้ฉินอันอันพาเด็กทั้งสองคนมาด้วย แต่อิ๋นอิ๋นกับเว่ยเจินพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวซะก่อน “อันอัน ช่วงนี้ฟู่สือถิงไม่ได้มาหาเธอใช่ไหม?” หลีเสี่ยวเถียนพูดน้ำเสียงกังวล “อืม” ฉินอันอันสั่งอาหารสองสามอย่างแล้วยื่นเมนูให้เธอ “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาอยู่แต่บ้าน ไม่ออกไปข้างนอกเลย” หลีเสี่ยวเถียนอดหัวเราะไม่ได้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ฉันไม่ได้เกลียดเขาแล้ว จริง ๆ ...ฉันคิดว่าเขาอาจจะเซ็งมากกว่าฉันด้วยซ้ำไป ฉันอยากจะหัวเราะ ยังไงเสีย ตระกูลของเขาก็รวยกว่าฉัน ไหนจะสถานะของเขาก็สูงส่งกว่าฉันอีก ฮ่า ๆ ๆ!” ฉินอันอันหัวเราะไม่ออก แต่เมื่อเห็นหลีเสี่ยวเถียนมีความสุข อารมณ์ของเธอดีตาม “อันอัน สุขภาพของเธอเป็นยังไงบ้าง?” หลีเสี่ยวเถีย
“หึ! แน่นอนอยู่แล้ว!” หลีเสี่ยวเถียนหัวเราะเยาะ “ถังเชี่ยนพาผู้หญิงคนนั้นมาให้ฟู่สือถิง” ฉินอันอันหันไปมอง แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่เธอก็คาดเดาพฤติกรรมของคนอื่นไม่ได้ “โชคร้ายจริง ๆ! ตอนแรกอารมณ์ดีแล้วเชียว จนได้มาเจอเข้ากับพวกเขา” หลีเสี่ยวเถียนจิบน้ำแล้วมองฉินอันอัน “อันอัน เราจะเปลี่ยนร้านกันดีไหม!” ฉินอันอันส่ายหน้า “เรามาก่อน” “ฉันกลัวว่าเธอจะหงุดหงิด” “ถึงจะหงุดหงิด ก็ออกไปไม่ได้” ฉินอันอันพูดน้ำเสียงนิ่งสงบ “อาหารก็สั่งไปแล้ว จะทิ้งได้ยังไง?” “หรือเราเอากลับไปกินที่บ้านกัน!” ฉินอันอัน “หลีเสี่ยวเถียน ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ขี้ขลาดแบบนี้นี่? ถ้าผู้หญิงคนนั้นพยายามทำตัวให้เหมือนฉันจริง ๆ งั้นเธอก็ควรจะกลัวเมื่อได้เห็นฉัน ไม่ใช่ตอนที่ฉันเห็นเธอ แล้วหนีไป” “ฉันไม่ขี้ขลาดอยู่แล้ว! ต่อให้ฟู่สือถิงจะเดินมาอยู่หน้าฉันตอนนี้ ฉันก็ไม่กลัว!” หลีเสี่ยวเถียนปากบอกว่าไม่กลัว แต่เอื้อมมือไปแตะแก้มที่โดนตบก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ตัว พนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะ ฉินอันอันหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบชิ้นเนื้อใส่ลงในจานของเธอ “ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่มักจะพูดกับ
หลังจากที่ฉินอันอันอิ่มแล้ว เธอก็วางตะเกียบลง หลีเสี่ยวเถียนวางตะเกียบลงทันที “อันอัน เราไปกันเถอะ! เธออยากไปชอปปิงไหม? ถ้าเธออยากไปชอปปิง ฉันจะไปเป็นเพื่อน” ฉินอันอันส่ายหน้า “ฉันอิ่มมากและง่วงนอนนิดหน่อย” “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาเธอกลับนะ” หลีเสี่ยวเถียนถือกระเป๋าของเธอ เดินไปหาเธอและช่วยพยุงเธอลุกขึ้น ฉินอันอันกลั้นหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องระวังขนาดนั้นหรอก ฉันเดินเองได้” “ฉันอยากประคองเธอคุณ!” หลีเสี่ยวเถียนจับท้องของเธออย่างนุ่มนวล “จริงด้วย ถึงจะดูไม่ใหญ่มาก เพราะเธอให้สุดหลวม ๆ ก็เลยดูไม่ออก แต่พอสัมผัสยิ่งชัดเจนเลย มันเหมือนแตงโมลูกใหญ่” ฉินอันอัน “เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นแตงโมลูกเล็ก ๆ” หลีเสี่ยวเถียน “เธอเคยเห็นแตงโมลูกโตขนาดนี้ไหม? เฮ้ ตอนนี้สามารถเห็นหน้าเด็กได้แล้วใช่ไหม?” ฉินอันอัน “อืม ครั้งล่าสุดที่ประเทศบี หมอเคยให้ฉันดูแล้ว” หลีเสี่ยวเถียน “เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนใคร?” ฉินอันอันเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เหมือนเขา” “เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?” หลีเสี่ยวเถียนกระซิบ “บอกเพศได้ตอนสี่เดือนใช่ไหม?” ฉินอันอัน “ฉันไม่ได้ถาม” “โอเค! เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ วันจั
หลีเสี่ยวเถียนลงไปชั้นล่างพร้อมกับผลตรวจ ฟู่สือถิงได้ยินเสียงฝีเท้าจึงมองไปที่บันได ทั้งสองมองหน้ากัน และบรรยากาศที่น่าอึดอัดก็เกิดขึ้นทั่วทั้งห้องนั่งเล่น “ประธานฟู่ อะไรพาคุณมาที่นี่ได้คะ?” แม้ว่าหลีเสี่ยวเถียนจะกลัวเขา แต่นี่คือบ้านของฉินอันอัน เธอมีความมั่นใจมากพอสมควร ฟู่สือถิงเพิกเฉยต่อความแปลกประหลาดของเธอ และมองไปที่ผลตรวจในมือของเธอ “ฉินอันอันยังหลับอยู่เหรอ?” “ค่ะ คุณมาที่นี่เพื่อพาอันอันไปเอาผลตรวจเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับเขย่าผลตรวจ “เธอไปเอามาแล้ว” “เอามาให้ฉัน” ฟู่สือถิงเดินไปหาเธอในสองก้าวแล้วยื่นมือออกไป เสี่ยวเถียนซ่อนผลตรวจไว้ด้านหลังเธอแล้วล้อเลียนเขา “หน้าของคุณหายแล้วเหรอ? ฉันนึกว่าคุณจะไม่มาเจออันอันแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าศักดิ์ศรีของเด็ก ๆ ยังดีกว่าหัวใจคุณเสียอีก!” สีหน้าของฟู่สือถิงมืดมนและเย็นชาเมื่อเขาได้ยินคำเสียดสีของเธอ “คุณใส่ใจลูกขนาดนี้ เป็นเพราะคุณต้องการคนไปสืบทอดบัลลังก์ในตระกูลคุณเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ “โอ้ ตระกูลของประธานฟู่มีบัลลังก์ที่ต้องสืบทอดต่อไปจริง ๆ ด้วย! น่าเสียดายที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปต
ตอนแรกเธออยากนอนแต่พวกเขาเสียงดังจนเธอตื่นและไม่อยากนอนต่อแล้ว “ไปตอนนี้เลย!” เธอพูดแล้วขึ้นไปหยิบกระเป๋าของเธอ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลงไปชั้นล่างพร้อมถือกระเป๋า เขาจ้องมองไปที่ท้องของเธอ “ฉินอันอัน บ้านของคุณไม่มีลิฟต์เหรอ?” “ไม่มี” เธอรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขากังวลว่าเธอจะเหนื่อยเกินกว่าจะขึ้นบันไดและจะส่งผลต่อทารกในท้อง แต่เธอก็ไม่เหนื่อยเลย แม้ว่าท้องจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ขึ้นบันไดได้อยู่ดี “งั้นก็ย้ายลงมาอยู่ที่ห้องชั้นหนึ่ง หรือจะให้ผมติดตั้งลิฟต์ให้คุณ คุณเลือกเอา” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงไม่ผูกมัด “จะติดตั้งลิฟต์ยังไงล่ะ? คุณจะพังบ้านฉันเหรอ?” เธอจ้องเขา “ถ้าฉันขึ้นบันไดไม่ได้ ฉันก็ย้ายลงมาอยู่ชั้นหนึ่งเองแหละ” เธอก้าวออกไปข้างนอก และเขาก็ตามเธอออกไป เมื่อบอดี้การ์ดเห็นทั้งสองออกมา เขาก็เปิดประตูรถให้พวกเขาทันที หลังจากที่ทั้งสองขึ้นรถแล้ว รถก็ขับไปทางโรงพยาบาล บรรยากาศในรถดูอึดอัด จู่ ๆ ฟู่สือถิงก็เอื้อมมือออกไปแล้วกดสวิตช์ จู่ ๆ ฉากกั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า โดยแบ่งช่องด้านหลังและที่นั่งคนขับออกเป็นสองช่อง ฉินอันอันเกิดคำถาม “???” “ฉินอันนัน