แต่อาจารย์บรรยายลักษณะคนอย่างรายละเอียดน้อยเกินไปแล้ว รูปโฉมของสตรีนางนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ได้บอก บอกเพียงว่ารูปร่างผอมบาง นอกจากเรื่องนี้แล้ว เบาะแสเดียวที่มีก็คือในมือของผู้หญิงคนนั้นมีแหวนปานจื่อของเขาในยามนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าท่านอาจารย์เป็นต้นไม้เหล็กพันปีที่ในที่สุดก็ออกดอก ถูกตาสตรีนางนั้นเข้าแล้ว จะต้องหาตัวสตรีนางนั้นกลับมาเป็นชายาให้ได้ที่น่าเสียดายก็คือ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวสตรีนางนั้นไม่พบ ท่านอาจารย์ก็มิได้พูดถึงอีกพวกเขาเลยรู้สึกอีกว่าท่านอาจารย์คงจะเกิดความสนใจเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เมื่อหาไม่เจอก็ปล่อยวางแล้ว เขาก็คิดว่า สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อาจเปิดประตูหัวใจของท่านอาจารย์ได้แต่ทว่า ในเวลานี้กลับได้เห็นอาจารย์กับพี่สาวคนสวยใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ หรือต้นไม้เหล็กพันปีจะออกดอกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ?ลู่หวายหนิงอดแอบหัวเราะไม่ได้ ตามติดพวกเขาไปด้านหลังอย่างไร้สุ้มเสียง มองดูเงาหลังของพวกเขา คนหนึ่งองอาจสง่างาม อีกคนงดงามดุจดอกไม้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมาะสมไปหมด!โดยเฉพาะใบหน้าที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กันของพวกเขา และเสียงพูดที่ค่อยๆ ลดเบาลง ทั้งหมดนี้ล้วน
เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักพากันคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงพร้อมกันว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท” สตรีนางนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มิได้ลุกขึ้นมาถวายบังคม นางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวอย่างยากลำบากเล็กน้อยว่า “ฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วหรือเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเป็นก้อนอีก เดินไปนั่งลงข้างกายนาง กุมมือที่ขาวเนียนละเอียดของนาง“กุ้ยเฟย วันนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”กุ้ยเฟยถอนใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดวงตาชั้นเดียวอันทรงเสน่ห์คู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล “ยังคงเป็นเช่นเดิม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อึดอัดมากเหลือเกินเพคะ” “เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงมีเวลาว่างแวะมาได้เพคะ?”ใบหน้าอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้หย่งอันมีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าป่วยอยู่ ในใจของข้ารู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอด วันนี้จึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าเป็นพิเศษ” เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย มองไปยังเป่ยซิวเยี่ยน “ผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอู่เฉิงอ๋องก็มาด้วย” เป่ยซิวเยี่ยนและเสิ่นหรูโจวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทำความเคารพว่า “คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” กุ้ยเฟยเงยหน้ามองมา ใบหน้ายังคงอมทุกข์เช่นเดิม พ
อาการของกุ้ยเฟยเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ผู้นั้นในชาติก่อนจริงๆ เมื่อกดลงไปชีพจรคล่องตัว ลื่นไหลเหมือนไข่มุกกลิ้งไปมาอย่างรวดเร็ว เป็นชีพจรการตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ แต่กลับมิใช่แฝดสามอย่างที่ร่ำลือกัน ในท้องน่าจะมีทารกเพียงแค่คนเดียว ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่ถึงเพียงนี้เหมือนสตรีตั้งครรภ์นางนั้นไม่ผิด นางเป็นโรคแน่ นางเปลี่ยนตำแหน่งนิ้ว ตรวจลักษณะของชีพจรอย่างละเอียดฮ่องเต้หย่งอันนั่งอยู่ด้านข้าง กล่าวช้าๆ ว่า “ในท้องของกุ้ยเฟยเป็นครรภ์แฝดสาม ทว่าเป็นเพราะท้องใหญ่เกินไป ยามนี้จึงมักหายใจไม่ออก มีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ” “ในยามคลอดจะต้องมีอันตรายมากอย่างแน่นอน เจ้าต้องใส่ใจให้มากหน่อย เมื่อครู่ข้าได้กล่าวไปแล้ว หากสามารถรักษากุ้ยเฟยให้หาย และทำให้กุ้ยเฟยคลอดอย่างราบรื่นได้ ก็จะรับปากสัญญากับเจ้าข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใดเจ้าล้วนกล่าวมาได้” ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกยินดีขึ้นมา ฮ่องเต้พูดถึงสัญญานี้อีกครั้ง พอนางได้ยินทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ แต่ยังไม่ทันจะได้ดีใจสักครู่ น้ำเสียงที่ทุ้มหนักนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ไม่อาจทำให้ร่างกายของกุ้ยเฟยได้รับความเส
เสิ่นหรูโจวกล่าวเสียงเข้มว่า “เสด็จพ่อ ที่ลูกกล่าวไปนั้นเป็นจริงทุกคำ ไม่มีความเท็จแม้แต่น้อยเพคะ!”แค่พูดไม่ถูกหูก็จะประหารนาง นี่จะใจร้อนเกินไปแล้ว!ฮ่องเต้หย่งอันตั้งความหวังกับท้องของกุ้ยเฟยไว้มาก ไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่ามีเด็กแค่คนเดียว เสิ่นหรูโจวถือได้ว่าไปแตะต้องเกล็ดของเขาเข้าแล้วเดิมเขาก็คิดจะกำจัดเสิ่นหรูโจวอยู่แล้ว นางยังรนหาที่ตายพูดว่ามีทารกเพียงคนเดียวอีก เช่นนั้นก็ไม่ต้องปล่อยไว้ให้เนิ่นนานแล้ว“บังอาจนัก เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้ากล่าววาจาสามหาวไร้สาระต่อหน้าข้า” “ท้องของกุ้ยเฟยโตจนลงเดินไม่ได้แล้ว จะมีทารกเพียงคนเดียวได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าที่วิชาแพทย์ไม่แตกฉาน กล่าววาจาโป้ปดเหลวไหล!”ฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างยิ่ง บรรยากาศพลันเคร่งเครียดขึ้นมาเป่ยซิวเยี่ยนหรี่ตาลง ในเวลานี้องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกได้เข้ามาแล้ว พวกเขาเดินเข้าหาเสิ่นหรูโจวอย่างรวดเร็วเสิ่นหรูโจวคุกเข่าลงทันที มองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน“เสด็จพ่อ ลูกมิได้กล่าวเหลวไหล ลูกไม่กล้าเพ็ดทูลเบื้องสูงเด็ดขาด!”ชาติก่อนต่อให้ฮ่องเต้หย่งอันไม่ชอบนางอย่างไร เขาก็มิได้คิดสังหารนาง ยามนี้เพียงแค่คำพูดประโ
ในที่สุด เส้นประสาทที่เครียดขมึงของเสิ่นหรูโจวจึงได้ผ่อนคลายลง เหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยความขอบคุณทีหนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างจริงจังว่า“เสด็จพ่อ ลูกมั่นใจว่าในครรภ์ของกุ้ยเฟยมีทารกเพียงแค่คนเดียวจริงๆ เพคะ ส่วนที่ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่เช่นนี้ เป็นเพราะพลังในกระเพาะอาหารเสียสมดุล การเคลื่อนไหวของพลังชี่ถูกขัดขวาง หยินไม่ลดหยางไม่กำเนิด ทำให้น้ำขังอยู่ในอวัยวะภายในและช่องท้อง จึงได้เกิดลักษณะที่ท้องป่องขึ้นมาเพคะ” เพื่อรักษาหน้าของราชวงศ์ นางกล่าววาจาอย่างคลุมเครือ ไม่เช่นนั้นทันทีที่ได้กุ้ยเฟยได้ยินว่าในท้องนางเต็มไปด้วยน้ำ เกรงว่าก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาอีกแล้วเห็นว่าสีหน้าของฮ่องเต้กลับกุ้ยเฟยยังไม่แย่นัก นางรีบพูดต่อว่า“เพื่อรับประกันความปลอดภัยของกุ้ยเฟยกับทายาทมังกร จะต้องรีบจัดการอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด”“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” กุ้ยเฟยร้องออกมาอย่างตกใจ สายตาที่มองไปทางเสิ่นหรูโจวทั้งคาดไม่ถึงและโมโห “ความหมายของเจ้าก็คือ จะให้ข้าคลอดก่อนกำหนด?”เสิ่นหรูโจวรู้ว่านางจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน จึงเกลี้ยกล่อมว่า “ใช่แล้วเพคะ หากลากเวลาไปจนครบกำหนด จะอันตรายอย่างมาก” “สาร
“ในความเป็นจริงแล้วเจ้าไม่ชำนาญเรื่องการแพทย์แม้แต่น้อย อย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลอีกเลย รีบยอมรับผิดกับเสด็จพ่อและกุ้ยเฟย จากนั้นตามข้ากลับไปเถิด” อาการป่วยนี้ของกุ้ยเฟยแม้แต่สำนักหมอหลวงก็รักษาไม่ได้ แล้วนางมายุ่งสิ่งใดกัน นางก็ไม่รู้จักคิดบ้างว่า หากเกิดความผิดพลาดใดขึ้นมา จนทำให้จวนอ๋องเดือดร้อนไปด้วยแล้วจะทำเช่นใดเสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชา ในก้นบึ้งของดวงตามีประกายเยาะหยันวาบผ่านไม่ว่าเมื่อใดเขาก็ไม่มีวันเชื่อนาง มีแต่จะปฏิเสธนางเท่านั้น!ชาติก่อนก็เป็นเช่นนี้ ตัวนางในสายตาของเขาก็คือขยะที่ไม่มีค่าแม้แต่อีแปะเดียว ยามนี้ยังพยายามดูถูกนางไม่หยุดอีก!“ข้ามิได้กล่าววาจาเหลวไหล ในท้องของกุ้ยเฟยมีทารกเพียงคนเดียวอย่างจริงแท้แน่นอน!”ก่อนที่กุ้ยเฟยจะบันดาลโทสะอีกครั้ง นางก็กล่าวว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ขอถามว่านับแต่ตั้งครรภ์มา ความอยากอาหารของท่านลดลง และมักจะกระหายน้ำใช่หรือไม่?”กุ้ยเฟยตะลึงไป ถึงกับถูกนางพูดถูกแล้ว แต่ก็ยังคงพยักหน้าทุกคนต่างก็สงบลง เป่ยซิวเยี่ยนสีหน้าเรียบเฉย จับจ้องบ่าบอบบางที่เหยียดตรงของหญิงสาวอย่างเงียบงันแววตาของเสิ่นหรูโจวสงบนิ่ง “กุ
“เจ้าจะรับรองได้อย่างไรว่าข้ากับลูกในท้องจะปลอดภัย? ฝืนคลอดตอนอายุครรภ์เจ็ดเดือน ต่อให้เป็นหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป ก็มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!”นางลูบท้องของตน “นอกจากนี้ หากต้องการให้ข้าเชื่อเจ้า เจ้าจะต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้ามีน้ำอะไรนั่นค้างอยู่ในท้องจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าไม่มีทางให้เจ้ารักษาอย่างเด็ดขาด!หัวใจของเสิ่นหรูโจวผ่อนคลายลง พระแม่เจ้าผู้นี้ในที่สุดก็ยอมฟังแล้วนางพยักหน้าอย่างสงบ ตอบรับอย่างไม่ลังเลว่า “ได้เพคะ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการตรวจของข้าถูกต้องก่อนที่จะทำการรักษาเพคะ” เซียวเฉินเหยี่ยนยังคงไม่วางใจ ฐานะของกุ้ยเฟยมีความสำคัญมาก ไม่อาจไปมีเรื่องด้วยง่ายๆ จะไปยุ่งกับเรื่องของนางทำไม?“เจ้าอย่าได้เหลวไหล พระวรกายของกุ้ยเฟยล้ำค่า และยังตั้งครรภ์มังกรอยู่อีก ไม่ใช่ผู้ที่สตรีไม่รู้ความอย่างเจ้าจะดูแลได้” เสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชา “กุ้ยเฟยทรงรับปากแล้ว ท่านจะพูดมากไปทำไมอีก!”เห็นนางไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็โมโหจนดวงตาแทบพ่นไฟได้ แทบอยากจะลากนางกลับไปขังไว้ในจวนอ๋องตลอดกาลเป่ยซิวเยี่ยนเอ่ยปากว่า “ฝ่าบาท ใน
ลู่หวายหนิงกอดอกมองเขา ไม่พอใจต่อท่าทีของเขาที่มีต่อเป่ยซิวเยี่ยนเล็กน้อยเป่ยซิวเยี่ยนท่าทางสงบนิ่ง เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้วอย่างเหยียดหยาม กล่าวเสียงเย็นชา “เหตุใดต้องบอกท่าน? ไม่ได้ให้ท่านไปรักษาเสียหน่อย”“เจ้าหุบปาก!” เซียวเฉินเหยี่ยนค้อนนางแวบหนึ่ง กล่าวถามเป่ยซิวเยี่ยนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องการรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแค่ไม่ระวังก็อาจจะเสียชีวิตได้”“ไม่ใช่ว่าอุปราชแค้นใจที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บที่จวนอ๋องอู่เฉิง จึงเจตนาแนะนำพระชายาของข้าต่อหน้าฝ่าบาท อยากให้นางไปตายหรอกหรือ”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วทันทีในใจของเขามืดมน/เขาจิตใจมืดมนแล้ว ยังจะหาว่าคนอื่นเป็นคนอำมหิตอีกด้วย! ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด เป่ยซิวเยี่ยนก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “อ๋องอู่เฉิงคิดมากไปแล้ว ข้าแนะนำพระชายาอ๋องอู่เฉิง ก็เป็นเพราะเมื่อครั้งก่อนฉินอวี่ได้นางเป็นผู้ช่วยชีวิต ทำให้ข้าเห็นถึงความสามารถของนาง”“ในเมื่อพระชายามีความสามารถ ก็ไม่ควรเก็บตัวอยู่เพียงแค่ที่จวนอ๋อง ควรใช้ความสามารถให้เต็มที่ ทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง”เสิ่นหรูโจวเหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยน ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ทุกคนตก
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่