กลับถึงห้อง เสิ่นลั่วเยี่ยนบอกเล่าสถานการณ์กับเมี่ยวอิน เมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะด่ากราดเว่ยเหวินจงคนจิตใจอำมหิตบิดเบี้ยวผู้นี้“พอแล้ว ไม้กลายเป็นเรือแล้ว ต่อให้ด่าไปก็ไร้ประโยชน์ นึกโกรธตัวเองมากกว่า”หยุนเจิงโบกมือ “จะโทษก็ต้องโทษที่พวกเราประมาทเกินไป!”ความจริง ตอนที่เว่ยเหวินจงสั่งให้เว่ยซั่วกลับไปยังป้อมเมืองสุยหนิง เขาควรมีวิธีรับมือแล้วแต่น่าเสียดาย เวลานั้นเขาคิดว่าเว่ยเหวินจงเพียงแค่ไม่อยากให้เว่ยซั่วขัดแย้งกับเขา ถึงสั่งให้เว่ยซั่วกลับไปป้อมเมืองจิ้งอันตอนนี้คิดๆ ดู จึงพบว่าเว่ยเหวินจงอดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่เวลานั้นแล้วต่อมา เจียเหยาปล่อยข่าวปลอมว่านางและปานปู้ถูกพิษตาย ทำให้เขาเป็นอัมพาตได้สำเร็จต้องบอกว่า ครั้งนี้เจียเหยาทำได้อย่างสวยงามใช้ประโยชน์ที่เขาแลกเปลี่ยนจางหลิวกับนาง กลับมาทำให้เขาเป็นอัมพาตแล้วโทษที่เขามัวแต่ดีใจอยู่ตรงนั้นผลสุดท้าย คนอื่นกลับสานตาข่ายใหญ่ไว้คลุมพวกเขาแล้ว“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร?”เมี่ยวอินขมวดคิ้วถาม “รอถูกขังเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี!”“ไม่ต้องรีบร้อน!”หยุนเจิงโบกมือกล่าว “กองกำลังของเป่ยหวนย่อมต้องมีมากกว่าพวกเร
“อืม มีเหตุผล!” หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ แล้วถาม “เช่นนั้นฝั่งโขดเป่ยหยวนเป็นอย่างไร?”ตู๋กูเช่อตอบ “ฝั่งโขดเป่ยหยวนส่วนใหญ่เป็นทหารราบ จำนวนทหารน่าจะไม่ต่ำกว่าสามหมื่น ห่างจากชายแดนกู้เพียงเจ็ดแปดลี้เท่านั้น คนเหล่านั้นขุดดินเพื่อสร้างเป็นแนวป้องกันตั้งแต่แรกแล้ว…”ขุดดินสร้างแนวป้องกัน?กับดัก!นี่มันต้องการจะป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของพวกเข้า แล้วล้อมพวกเขาไว้ไม่ใช่หรือ?ดูท่าแล้วเป็นไปอย่างที่ตนคิดไว้จริงๆเป่ยหวนเองก็ไม่อยากเดิมพันครั้งใหญ่มาโจมตีเมือง และคิดอยากใช้วิธีที่ง่ายที่สุดมาล้อมพวกเขารอให้พวกเขาขาดแคลนอาหาร พวกเขาก็จะหิวตาย หรือไม่ก็บุกจากการถูกล้อมด้วยตนเองแต่ทว่า เห็นได้ชัดว่าเป่ยหวนคิดมากไปเป่ยหวนรู้จักฆ่าม้าเป็นอาหาร แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักหรือ?ถึงแม้จะไม่อยากสูญเสียม้าศึกเหล่านั้น แต่ชีวิตของคนอย่างไรก็สำคัญกว่าม้าศึกอยู่แล้วเป่ยหวนไม่บุก เช่นนั้นก็ยื้อเวลาต่อไปแล้วกัน!ต่อจากนี้ พวกเขามีเวลาคิดแผนรับมืออีกเหลือเฟือหยุนเจิงแอบหัวเราะในใจ แล้วถาม “แม่ทัพตู๋กู เจ้าคิดว่าเว่ยเหวินจงจะส่งคนไปบุกศัตรูที่อยู่บริเวณโขดใกล้ชายแดนกู้หรือไม่?”“เรื่องนี้…”ตู๋
“หยุนเจิงคนไร้ยางอาย…”คนเป่ยหวนยังคงตะโกนไม่หยุดหย่อนได้ยินเสียงตะโกนนี้แล้ว ทุกคนต่างก็มองไปที่หยุนเจิงอย่างพร้อมเพรียงกันหยุนเจิงใช้จางหลิ่วแลกให้กับเจียเหยาแทนโสม โทสะในใจเจียเหยาจะมากก็ไม่แปลก“มองทำพระแสงอะไร!”หยุนเจิงยิ้มจ้องทุกคน “รวบรวมคนแล้วตะโกนกลับไปว่า ‘ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!’”ให้ตายเถอะ!หยุนเจิงก็หยุนเจิงสิ!ยังจะเพิ่มคำว่าไร้ยางอายอีก!มารดามันเถอะ!รู้เช่นนี้ก่อนหน้านี้น่าจะนอนเจียเหยาซะ!ให้นางได้รู้ซะว่าไร้ยางอายที่แท้จริงเป็นอย่างไร!ถึงแม้จะไม่นอน ก็น่าจะลูบจับสักหน่อย!ไม่อย่างนั้น ตนก็ต้องแบกรับคำขนานว่าไร้ยางอายนี้เปล่าๆ น่ะสิ?เฮ้อ!น่าเสียดายจริงๆ!“ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!”ไม่นาน ต้าเฉียนก็รวมตัวตะโกนกลับไปหนึ่งในนั้น เสียงของฉินชีหู่ดังที่สุดเสียงของพวกเขาดังขึ้น เจียเหยาก็โบกมือสั่งห้ทหารม้าข้างกายถอยทัพทันที แล้วยืนม้าหนึ่งตัวต่อคนหนึ่งคนอยู่บนพื้นหิมะ เผยท่าทีบุกเดี่ยวข้ามฟากออกมาหยุนเจิงเห็นดังนั้นรีบเดินลงไปจากหอเมือง“ท่านจะไปจริงหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้วมองหยุนเจิง “ระวังนางเล่นตุกติก!”
เจียเหยายังคงไม่โกรธ เพียงแค่ยิ้มอ่อน แล้วกล่าวด้วยท่าทีผู้ชนะ “ตอนนี้พวกเจ้านอกจากปากที่ได้เปรียบแล้ว ก็ทำได้แค่โกรธแล้ว!”เมื่อฟังคำพูดของเจียเหยาแล้ว ฉินชีหู่ก็ชะงักเล็กน้อยเขายังคิดจะแกล้งให้สตรีผู้นี้โกรธด้วย!ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะไม่ติดกับ“อย่าดีใจไปหน่อยเลย กวางจะตกเป็นของใครยังไม่อาจรู้ได้!”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่แยแส แล้วถามว่า “ว่ามา มาหาข้าทำไม?”เจียเหยาจ้องที่หยุนเจิงเขม็ง แล้วกล่าวอมยิ้ม “ข้ามาเตือนให้ยอมแพ้!”“ฝันไปเถอะ!”เมื่อได้ยินคำพูดของเจียเหยา ฉินชีหู่ก็รีบตะคอกเสียงดุโดยไม่ต้องคิดทันที “พวกข้ายอมตาย แต่ไม่ยอมแพ้หรอก!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า เห็นด้วยกับฉินชีหู่“จาจา ใครมอบความกล้าให้เจ้ามาเตือนให้ยอมแพ้กัน?”หยุนเจิงมองเจียเหยาอย่างน่าขัน “หากไม่ใช่เพราะคนของต้าเฉียนร่วมมือกับพวกเจ้า เจ้าไม่มีโอกาสได้ล้อมพวกข้าหรอก เจ้าคิดได้อย่างไรว่าพวกข้าจะยอมแพ้?”“เจ้าไม่ต้องหลอกถามข้าหรอก”เจียเหยามองหยุนเจิงทะลุปรุโปร่ง แล้วเอ่ยนิ่งๆ “ข้าไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับเจ้า พวกเจ้าถูกคนของตัวเองขายจริงๆ! อีกอย่าง ข้ายังสามารถบอกเจ้าได้ด้วยว่า ข้ากับราชครูต่างก็สงสัยว่าคนค
สิ้นเสียงเจียเหยา สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไปในบัดดลหยุนเจิงรู้ตัวทันทีว่าเขาลืมตระหนักถึงเรื่องนี้ไปจริงๆมารดามันเถอะ!ชายแดนกู้นั่นเป็นป้อมยุทธนาการเชียวนะ!ทุกอย่างของชายแดนกู้ล้วนทำเพื่อยุทธนาการทั้งนั้น!ข้างในนั้นแม้แต่ต้นไม้ก็มีอยู่ไม่กี่ต้น!ถึงแม้จะทุบบ้านเรือนมาให้หมดมาเป็นฟืน เกรงว่าก็คงเผาได้ไม่กี่วันเท่านั้น!ฆ่าม้าศึกไป ก็ต้องทำให้สุกก่อนกินอยู่แล้ว!คงจะกินดิบจริงๆ ไม่ได้หรอกกระมัง?ชาติก่อนเขาเคยฝึกซ้อมมาสามารถกินเนื้อดิบได้บ้างแต่ทว่าแม่ทัพและทหารในกองคงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่กินได้กินเข้าไปก็อาเจียนออกมาแน่นอน!นี่ไม่ใช่เรื่องของการหิวตาย แต่เป็นเรื่องของปฏิกิริยาของร่างกาย!ทว่าปัญหาคือ ม้าศึกของพวกเขาเหลืออาหารอีกไม่กี่วันแล้ว!หากถูกล้อมอยู่อย่างนี้ระยะยาว ม้าศึกเหล่านี้จะตายเพราะความหิวแน่นอน!เมื่อถึงครานั้น ไม่อยากฆ่าม้าศึกก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว!คราวนี้ ดูเหมือนจะยากแล้ว!“เป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สถานการณ์ของพวกเจ้าแล้วสินะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียเหยายิ่งสดใส “หากเจ้าไม่สามารถให้คำตอบข้าในตอนนี้ ข้าสามารถให้เวลาเจ้าอีกสามวัน! หลังจากสามวัน หากพว
ขณะที่หยุนเจิงคิดว่าเจียเหยาคิดจะลอบโจมตีนั้น เจียเหยาก็เสียบจดหมายนั่นไว้บนศรธนู แล้วยิงออกไปแต่ทว่า เพราะห่างกันไกลเกินไป ศรธนูนั่นจึงไม่ได้ตกอยู่ข้างกายหยุนเจิงพวกเขา“นี่ถือว่าเป็นแผนการรบของเจ้าหรือไม่?”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสีหน้าเย็นชา ไร้รอยยิ้ม“ใช่!”เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชา “จดหมายฉบับนี้ ถึงแม้ข้าจะมอบให้เจ้า แต่เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันหรอก! เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”กล่าวจบ เจียเหยาก็ควบม้าจากไปอย่างสบายๆฉินชีหู่สติหลุดไปเล็กน้อย จากนั้นควบม้าไปยังศรธนูที่ปักอยู่บนพื้นหิมะ แล้วห้อยตัวลงจากม้าดึงศรธนูนั่นขึ้นมา“ไปกันเถอะ! เราต้องกลับไปเจรจาแผนการรับมือจริงๆ จังๆ แล้ว!”หยุนเจิงมองทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วรีบขี่ม้าไปยังชายแดนกู้ทันทีสถานการณ์ตอนนี้คือจะบุกออกไปก็ไม่ง่าย จะอยู่ต่อก็ไม่ใช่เว่ยเหวินจงไอ้สุนัข ทำให้พวกเขาลำบากจริงๆ!เมื่อกลับถึงชายแดนกู้ ตู๋กูเช่อไม่แม้แต่กินข้าว ก็รีบสั่งให้แม่ทัพทุกคนเข้าประชุมทันทีตู๋กูเช่ออ่านเนื้อหาในจดหมายผ่านๆ แล้วส่งให้กับฝูงชนเนื้อหาในจดหมายเป็นวิธีการรับมือกับพวกเขาทั้งตำแหน่งการจัดวางคนและเวลาขนย้ายเสบียงล้วนเขี
มาถึงข้างนอก หยุนเจิงพลันหาสถานที่เงียบสงบแล้วใช้หิมะบนพื้นทำเป็นโต๊ะทรายอย่างง่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วบุกออกไปจากประตูใต้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือจะเข้ามาเสริมทัพแน่นอนบุกออกไปจากประตูเหนือ ถึงแม้พวกเขาจะออกไปได้แล้ว แต่เกรงว่าคนสี่หมื่นนายนี้คงต้องสูญเสียไปมากกว่าหกส่วนที่สำคัญ พวกเขาส่วนใหญ่ยังเป็นทหารราบด้วยทหารม้าออกไปยังสามารถวิ่งได้แต่ทหารราบถึงแม้จะออกไปได้ ก็ไม่อาจหนีรอดจากการถูกทหารม้าเหล็กเป่ยหวนตามสังหารอยู่ดี!ตอนนี้จะวิ่งก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ใช่หากเฝ้าอยู่อย่างนี้ ขอแค่รถขนหินของเป่ยหวนลงสนาม ลำพังแค่ใช้รถขนหินนั่นก็สามารถฆ่าคนของพวdเขาได้ไม่น้อยแล้ว!อีกอย่าง พวกเขาจะเจอกับสถานการณ์มีอาหารแต่ไม่มีไฟได้ในไม่นาน!หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีแม้แต่ไฟหุงข้าวนั้น จิตใจทหารของพวกเขาจะไม่แน่วแน่ และไร้ขวัญกำลังใจทันที!ถึงครานั้น เป่ยหวนแค่โจมตีเมือง โอกาสที่พวกเขาจะเฝ้าป้อมได้คงเป็นศูนย์!ดังนั้น หากจะให้เฝ้าอยู่ต่อไป และยื้อเวลากับเป่ยหวนต่อไป ก็ไม่ใช่หนทางที่ดีนัก!หากคิดจะออกไป อย่างไรก็ต้องสู้กับเป่ยหวนเสียก่อน!อีกอย่างต้องลงมือภายในสามวันดีที่สุ
เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงเหยียดยิ้ม ทว่าในใจกลับเผยรังสีเยือกเย็นออกมา “วิธีน่ะยังไม่มี ตาเราสามารถกัดเนื้อจากคนเป่ยหวนก่อนได้!”หืม?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเขาหมายความว่าอย่างไร?กัดเนื้อจากศัตรู?กัดอย่างไร?หากกัดไม่ดีขึ้นมา เกรงว่าฟันของตนคงจะร่วงกระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัย แล้วส่งสายตาถามให้กับอวี๋ซื่อจงอวี๋ซื่อจงส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกันความคิดของหยุนเจิงไม่อาจคาดเดาได้แต่ไหนแต่ไร เขาจะรู้ความคิดของหยุนเจิงได้อย่างไร!ขณะที่หยุนเจิงพาทั้งสองไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง ฝูงชนก็ยังคงเจรจากันอยู่เพียงแต่ เมื่อเห็นท่าทีทอดถอนใจของพวกเขาแล้ว ก็รู้ทันทีว่าไม่มีวิธีรับมือที่เหมาะสมตอนนี้ นอกจากบุกออกไป ดูเหมือนจะไม่มีวิธีที่ดีเท่าไรนักเมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา ฝูงชนทำได้เพียงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วครุ่นคิดเหมือนเดิมหยุนเจิงเดินไปตรงหน้าตู๋กูเช่อโดยตรง “แม่ทัพตู๋กู เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว!”ลุกขึ้นได้แล้ว?ตู๋กูเช่อขมวดคิ้วมองหยุนเจิงเขาให้ตนลุกขึ้น หมายความว่าอย่างไรกัน?หรือว่าเขาอยากนั่งที่ของตนนั้นหรือ?“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้คิดจะยึดอำนา
โดยไม่ทันรู้ตัว เทศกาลปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว คนในจวนอ๋องก็เริ่มยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ความยุ่งวุ่นวายนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหยุนเจิง หยุนเจิงยังคงดื่มด่ำอยู่ในความสุขของครอบครัว และแวะไปโรงงานอาวุธทุกๆ สองสามวัน ปัจจุบัน โรงงานอาวุธได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเกือบครึ่ง จำนวนศิษย์ฝึกงานในโรงงานก็เพิ่มขึ้นมาก ด้วยความพยายามของทุกคน ในที่สุด "ปืนยาวแบบนก" ที่หยุนเจิงตั้งใจพัฒนาก็สามารถผลิตได้สองกระบอกที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่ก็เพียงแค่สองกระบอกเท่านั้น หนึ่งกระบอกยาว หนึ่งกระบอกสั้น กระบอกสั้น คุณภาพถือว่าดีมาก แต่กระบอกยาว คุณภาพพอใช้ได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังถือเป็นข่าวดี เมื่อมีชิ้นงานสำเร็จ อย่างน้อยกระบวนการผลิตทั้งหมดก็ชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาเทคนิค เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง หยุนเจิงคิดจะใช้กังหันน้ำและชุดเฟืองหลายชุดเพื่อสร้างเครื่องกลึงแบบง่ายๆ แต่ปัญหาเรื่องดอกสว่านยังแก้ไม่ได้ หากไม่มีดอกสว่านคุณภาพดี เครื่องกลึงแม้สร้างขึ้นมาก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก อีกทั้ง ที่นี่ก็ไม่มีแหล่งน้ำ
องครักษ์เงาไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องนานนัก หลังจากส่งมอบพระราชสาส์นลับจากจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงแล้ว องครักษ์เงาก็รีบจากไป เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนและพวกตามหาหยุนเจิงพบ เขากำลังอ่านพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวิน บนใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของหยุนเจิง หญิงทั้งสามก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ "ใครส่งจดหมายมา?" เสิ่นลั่วเยี่ยนก้าวขึ้นไปถาม "ไปกันเถอะ ไปพูดกันในห้อง" หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นและพาหญิงทั้งสามเข้าไปในห้อง เมื่อมาถึงห้อง หยุนเจิงส่งพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวินให้พวกนางอ่าน หญิงทั้งสามมารวมตัวกันอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด เมื่อได้เห็นเนื้อหาในจดหมาย พวกนางก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่ในความโกรธก็มีความขันเจือปน "แค่หยุนลี่คนโง่เง่านั่น ยังกล้าคิดจะวางแผนร้ายต่อเจ้าอีกหรือ?" เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวอย่างดูถูกพร้อมใช้คำพูดที่ได้ยินจากหยุนเจิง ในขณะที่หยุนลี่วางแผนอย่างรอบคอบ จักรพรรดิเหวินก็ลอบส่งคนมาแจ้งข่าวให้หยุนเจิง หยุนลี่ในตอนนี้ยังไ
เมื่อกล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เริ่มลองสวมทันที เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นคนเริ่ม เมี่ยวอินและเยี่ยจื่อก็ค่อยๆ ลองสวมตาม หยุนเจิงไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวช่วยคนนี้ เดี๋ยวช่วยคนนั้น ในที่สุด หญิงทั้งสามก็สวมชุดชั้นในแบบใหม่เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะสวมเสื้อนอกทับอีกชั้น เมื่อไม่มีผ้ารัดอกให้รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังมีชุดชั้นในแบบใหม่ช่วยเสริมรูปร่าง หญิงทั้งสามที่รูปร่างร้อนแรงอยู่แล้วก็ดูยิ่งดึงดูดสายตา ทำเอาหยุนเจิงพยักหน้าไม่หยุด หญิงทั้งสามหันมามองกันและกัน ใบหน้าของแต่ละคนต่างแดงระเรื่อ "ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง? เจ้าชู้ตัวดี!" เสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นปากพร้อมกับจ้องหยุนเจิงด้วยสายตา "พอใจสิ พอใจมาก!" หยุนเจิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวอวบอิ่มของเสิ่นลั่วเยี่ยน แล้วจูบเบาๆ ที่ใบหน้าของนางที่อ้วนขึ้นเพราะตั้งครรภ์ พลางถามด้วยความคาดหวัง "เป็นอย่างไร ใส่แล้วสบายหรือไม่?" เสิ่นลั่วเยี่ยนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะบิดตัวหยุนเจิงเบาๆ แล้วตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ "ถึงจะเขินอยู่บ้าง แต่ใส่แล้วสบายดีจริงๆ" ในจุดนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้โกหก สำหรับนางในตอนนี้ การใช้ผ้ารัดอกนั้นช
“ใส่แบบนี้ได้จริงหรือ? มันน่าอายจะตาย…” “ใช่แล้ว ดูก็อายแทนแล้ว…” “ท่านพี่ อย่าให้ข้าใส่อันนี้เลยนะ ได้หรือไม่…” ในจวนอ๋องติ้งเป่ย สตรีสามคนของหยุนเจิงต่างหน้าแดงด้วยความอาย แม้แต่เมี่ยวอิน ผู้ที่ปกติกล้าหาญในเรื่องเช่นนี้ ยังถึงกับเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก เสิ่นลั่วเยี่ยนถึงกับใช้เสียงแหลมเล็กซึ่งแม้แต่ตัวนางเองยังไม่ชอบ เอาอกเอาใจหยุนเจิง เพื่อหลีกเลี่ยงการลองสวมเสื้อชั้นในแบบใหม่ที่เขาประดิษฐ์ขึ้น สิ่งนี้เพียงแค่หยิบขึ้นมาก็รู้สึกน่าอายแล้ว สตรีในต้าเฉียนส่วนใหญ่มักจะใช้ผ้าพันอก โดยเฉพาะบรรดาคุณหนูจากตระกูลใหญ่ มิฉะนั้น ในฤดูหนาวคงไม่เท่าไร แต่หากเป็นช่วงที่ต้องแต่งกายเบาบาง สตรีที่มีรูปร่างดีเวลาเดินแล้วทรวงอกกระเพื่อม จะไม่ทำให้ผู้คนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีหรือ? แต่เสื้อชั้นในแบบใหม่นี้ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพันอก กลับยิ่งทำให้รูปร่างเด่นชัดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ภายในจวนได้สร้างเตาผิงหลายแห่งตามคำสั่งของหยุนเจิง ทำให้ห้องหลายห้องอบอุ่นมาก พวกนางพอเข้ามาก็ถอดเสื้อผ้าออกถึงสองชั้น หากสวมใส่สิ่งนี้ต่อหน้าหยุนเจิงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าต้องสวมสิ่งนี้ออกไปข้างนอก แล
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว หยุนลี่ถึงกับดีใจจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ หยุนลี่กล่าวขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อโปรดมีพระบัญชา ให้โจวเต้ากงนำกองกำลังเตรียมพร้อม และเมื่อเจ้าหกมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ ให้เข้าควบคุมตัวเจ้าหกทันที! อีกทั้ง ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นำทัพทหาร 30,000 นายที่ฝีมือเยี่ยม เข้าประจำการในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเมืองสี่ทิศอย่างลับๆ” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ หัวใจของจักรพรรดิเหวินพลันเย็นเยือก เจ้าลูกทรพี! คิดจะระดมกองทัพจากตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจัดการเจ้าหกอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะจุดชนวนสงครามกลางเมืองในต้าเฉียนหรืออย่างไร? “การระดมพลจากตะวันตกเฉียงเหนือในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการ” จักรพรรดิเหวินทรงพยายามระงับพระอารมณ์ ก่อนตรัสว่า “กองกำลังจากตะวันตกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ต่อให้รีบเร่งเดินทัพมา คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง” หยุนลี่ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนลี่จึงกล่าวต่อ “เช่นนั้น ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้นำทัพทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมาแทนพ่ะย่ะค่ะ!
“ลูก…ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนเจิงมีกำลังทหารในมือมากเพียงใด คนที่เขาส่งไปซั่วเป่ยแทบไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในกองทัพเลย “ข้าจะบอกเจ้าเอง!” จักรพรรดิเหวินทรงลูบพระนลาฏเบาๆ พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวล “น้องหกของเจ้ามีกำลังพลในมือมากกว่าสองแสนนาย และหากเขาต้องการ ก็สามารถรวบรวมทหารเพิ่มได้อีกหนึ่งแสนนายทันที! ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพของชนเผ่าเป่ยหวนและเป่ยหมัวถัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา! ข้ากระทั่งสงสัยว่า หากเขาต้องการ เขาสามารถเรียกกองทัพห้าแสนนายมาได้ทันที!” “ห้า…ห้าแสน?” หยุนลี่อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กองทัพห้าแสน? เจ้าหก เจ้าคนเลวนั่นสามารถเรียกกองทัพห้าแสนได้ตลอดเวลา? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหกจะเลี้ยงกองทัพห้าแสนไหวหรือ? จักรพรรดิเหวินทรงถอนหายใจยาว “เจ้าต้องการนำเจ้าหกกลับเมืองหลวง ข้าไม่ขัดข้อง! แต่เจ้าต้องพิจารณาดู หากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ และยังทำให้เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นโกรธขึ้นมา เจ้าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร?” “นี่…” หยุนลี่ไม่รู้จะตอบคำถามของจักรพรรดิเหวินอย่าง
ไม่นาน มู่ซุ่นก็พาหยุนลี่เข้ามา “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หยุนลี่เข้ามา เขาก็คำนับอย่างนอบน้อม จักรพรรดิเหวินทรงพยักหน้าให้หยุนลี่นั่งลง พลางตรัสยิ้มๆ ว่า “ครั้งหน้า หากมีธุระก็ให้มู่ซุ่นปลุกข้าเถิด อย่ายืนรออยู่ด้านนอกนานนัก” “เสด็จพ่อทรงเหนื่อยจากการเดินทาง ลูกยืนรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เจ้าก็เริ่มเหมือนรัชทายาทแล้วล่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงมองหยุนลี่ด้วยความพอพระทัย “พูดมาเถอะ เจ้าจะมีเรื่องอันใด? บอกมาให้จบก่อน แล้วข้าจะได้สั่งงานเจ้าบ้าง” “ขอเสด็จพ่อทรงบัญชาลูกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงนิ่งตรองเล็กน้อย ก่อนจะทรงโบกพระหัตถ์ให้มู่ซุ่นและนางกำนัลที่คอยรับใช้ในห้องออกไป เมื่อไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ จักรพรรดิเหวินจึงตรัสว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปซั่วเป่ย ข้าตั้งใจไปดูมันเทศที่จางซูพูดถึง ข้าถามผู้คนหลายคนแล้ว และมั่นใจว่ามันเทศนั้นให้ผลผลิตสูงมาก! ข้าตั้งใจจะนำมันเทศนั้นเข้ามาปลูกในเขตใน แต่เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นกลับบอกว่าต้องมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า…” ต้องมาคุยกับตนเอง? เปลือกตาของหยุนลี่กระตุกทันที เขารับรู้ได้ในทันทีว่า เจ้าหก
ในขณะที่หยุนเจิงกำลังยุ่งอยู่กับการอุทิศตนเพื่อสุขภาพของสตรีทั่วหล้า จักรพรรดิเหวินก็กลับมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ มู่ซุ่นเดินทางกลับมาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน เมื่อหยุนลี่ทราบข่าว เขาก็นำคณะขุนนางมารับเสด็จทันที “จากราชสำนักมีใครส่งรายงานมาไหม?” จักรพรรดิเหวินทรงถามถึงเรื่องสำคัญทันทีที่เสด็จกลับมา “มีพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่รีบรายงาน “เซียวว่านโฉวนำทัพไปช่วยเจียวลู่อ๋องซื่อจื่อปราบปรามกบฏสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาช้าก้าวหนึ่ง กัวซื่อนำกองกำลังหลายพันคนหลบหนีไปยังเผ่าต่างๆ ทางหมอซี เจียวลู่อ๋องซื่อจื่อได้ถวายฎีกาต่อราชสำนัก ขอพระราชทานพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาสืบตำแหน่งเจียวลู่อ๋อง…” หลังจากการปราบกบฏของกัวซื่อสำเร็จ หนานจ้าวและอวี้หนานในปีนี้ก็แสดงความจงรักภักดีได้ดีขึ้นมาก ทั้งสองแคว้นได้ส่งบรรณาการเข้ามา โดยจำนวนสิ่งของบรรณาการมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน ราชาหนานจ้าวยังได้กราบทูลขอส่งองค์ชายรัชทายาทมายังเมืองหลวงต้าเฉียนเพื่อศึกษาเล่าเรียน การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติในทางใต้กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีกลุ่มผู้ประสบภัยบางคนจุดไฟในหุบเขาเพื่อให้ความอบอุ่น จนเกิดไฟป่าครั
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข