“คุณป๋า...” ตู๊ดดดด ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดต่อ ปลายสายก็ตัดสายทิ้งเสียแล้ว“โอ้ย! อะไรเนี่ย ทำงานวันแรกก็ได้เรื่องแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่มีใส่แล้วจะให้นอนที่ไหน ป๋านะป๋า” หงส์หยกบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ทำท่าทางฮึดฮัดก่อนจะทรุดกายนั่งลงที่โซฟาตัวยาว พร้อมกับมองไปรอบๆ ก็ไร้วี่แววเจ้าของบ้าน“อะไรของป๋า อยู่ๆ ก็สั่งให้อยู่ที่นี่จนกว่าจะได้งาน ดูคู่ค้าของตัวเองเถอะเล่นตัวอย่างกับอะไรดี ส้มเคลือบทองคำหรือยังไง” หงส์หยกนั่งบ่นอยู่เพียงลำพัง โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของสวนจะได้ยินหรือเปล่า จากนั้นผ่านไปไม่นานปราบก็ออกมาจากห้องครัว ในมือถือถาดเครื่องดื่มออกมาแล้ววางไว้ที่โต๊ะกลางตรงหน้าเธอนี่เอง เสร็จแล้วเขาก็รินน้ำให้แบบไม่พูดไม่จา ก่อนจะวกกลับเข้าครัวอีกรอบ“อะไรของเขา ไม่พูดไม่จา” เธอบ่นอีกครั้งพลางนึกสงสัยว่าเขาทำอะไรในครัวแต่ไม่อยากเข้าไปดู กระทั่งเขาเดินออกมาอีกรอบพร้อมถาดอาหาร พอเขาวางลงบนโต๊ะเท่านั้นแหละเธอก็ตาโตราวกับไข่ห่าน เพราะไม่คิดว่าเขาจะรับประทาน...“บะหมี่!” หงส
“พูดง่ายดี ไปลองเก็บดูไหม อีกอย่างพรุ่งนี้คิวส่งเต็ม”“เล่นตัว ทำอย่างกับดารา”“นี่คุณ เราส่งส้มเข้าโรงงานเป็นล็อตๆ นะครับ วันนี้ส่งที่หนึ่ง อีกวันก็ต้องส่งที่หนึ่ง แต่นั่นเพราะเรามีคิวให้”“ก็นายไม่คุยกับฉันซะที”“คุณหยิ่งไม่ยอมไปหาผมเองนะ โทษผมไม่ได้”“นี่! นายหาว่าฉันหยิ่งอย่างนั้นเหรอ”“ใช่ เอาล่ะ ผมไม่คุยด้วยแล้ว พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันต่อ ผมจะไปอาบน้ำนอน” ว่าแล้วเขาก็ลุกแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกทันที ห้องนอนคือที่ๆ เขาอยากจะเข้าไปทิ้งตัวลงนอนมากที่สุด แต่เพราะมีลูกสาวเจ้าของโรงงานนั่งทำหน้าง้ำงออยู่ เขาจึงนอนยังไม่ได้ ใช่แล้วเขารู้ว่าหงส์หยกเป็นลูกสาวของเจ้าสัวบุญเสริม เพราะท่านได้โทรศัพท์มาบอกก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่อยากบอกให้เธอรู้เท่านั้นเอง ประเดี๋ยวจะได้ใจแต่ดูเหมือนเธออยากจะบอกเหลือเกินว่าเป็นลูกสาว ฉะนั้นเพื่อให้สมกับหน้าตาอันมีเกียรติ ต้องหาที่นอนให้กับเธอขณะเดียวกันหงส์หยกยังคงนั่งอยู่ในห้อง
“นาย! เอ่อ อย่ามาทิ้งกันไปดื้อๆ แบบนี้สิ” พอเธอพูดจบเขาก็ยืนยิ้มก่อนจะชักสีหน้าให้เรียบตึงแล้วค่อยหันกลับมาอีกครั้ง“ว่าไงครับ” เขาถามและทำสีหน้ายียวนกวนประสาทเต็มที่เชียว“เอ่อ ก็ได้ เรียกก็ได้ พี่... พี่ปราบ” แม้ปากจะเรียกไปแล้วแต่น้ำเสียงไม่รื่นหูเอาเสียเลย เขาคิด แต่ยังดีกว่าไม่เรียกแหละ“ไม่ใช่เรียกแค่เวลานี้นะ เรียกตลอดไปเลย”“ค่ะ!” เธอกระแทกเสียงอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เขาอะลุ่มอล่วยให้ได้ ไว้สนิทกันมากกว่านี้เสียก่อนจะบังคับให้พูดหวานๆ เลย“ก็ยังดี รออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวผมมา” พูดจบเขาก็ไม่รอให้เธอตอบ รีบเดินออกไปจากบ้านทันที ไปทางไหนก็ไม่รู้เพราะทุกอย่างรอบๆ มืดไปหมดแล้ว มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรเท่านั้นที่ดังให้ได้ยิน พอเห็นเขาเดินลับตา ความน่ากลัวก็เข้ามาแทนที่เธอจึงต้องปิดประตูหน้าต่างและปิดม่านเอาไว้ให้เรียบร้อย ด้วยความมืดมันทำให้เธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะรอบๆ มีแต่ป่าเขาลำเนาไพร เขาอยู่ได้อย่างไร แต่ก็นะผู้ชายจะกลัวอ
หงส์หยก ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยเพราะความที่นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาหลายรอบ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานไม่รู้ว่ากี่ทุ่มแล้ว สุดท้ายเธอก็จำเป็นต้องข่มตาให้หลับ แต่ทันทีที่หลับตาลงกลับมีเสียงบางอย่างดังอยู่นอกบ้าน คล้ายกับเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ ต่อมาสักครู่ก็มีเสียงคล้ายกับกิ่งไม้ครูดกับหน้าต่าง เธอรีบลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับกรอกตาไปมาด้วยความหวาดกลัว“โอ้ยตาย! เสียงอะไรอ่ะ” เธอเอ่ยลอยๆ ด้วยเสียงคล้ายกระซิบแกรก! แกรก! แกรก! เสียงเหมือนมีใครเอาเล็บครูดไปตามกระจก ให้ตายสิ“อื้อ! เสียงอะไรเนี่ย โอ้ย” ตอนนี้เธอเริ่มสั่นกลัวมากเพราะเสียงมันชัดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นนั่งตัวสั่น พร้อมเอาผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงคอแกรก! แกรก! แกรก! เสียงเล็บครูดกระจกอีกแล้ว คราวนี้เธอนั่งสั่นยิ่งกว่าเดิม กระทั่งมีอีกเสียงหนึ่งโผล่มาแฮ่! เสียงเหมือนคนแก่เปล่งเสียงออกมาจากลำคอ แหบๆ แห้งๆ ได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่น่ากลัวจนเธอกรีดร้องลั่นห้อง“กรี๊ดดดด&
“คือ... เอ่อ หยก... หยกกลัว เอ่อ” เธออ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมา เพราะเกรงจะดูเป็นคนจัดจ้านที่ต้องขอให้เขานอนเป็นเพื่อน แต่เธอกลัวมากนี่นะ“กลัวแล้วไงจ้ะจะให้พี่ช่วยยังไง” เขาแสร้งถามอีกครั้ง ยิ้มนิดๆ เหมือนคนเจ้าเล่ห์“เอ่อ” หงส์หยกได้แต่อ้ำอึ้งเช่นเดิม อีกอย่างเพิ่งรู้จักเขาเป็นวันแรก เท่านั้นยังไม่พอ การพบกันนั้นไม่ได้น่าประทับใจเอาเสียเลย รวมถึงการได้มานอนที่นี่ ก็เกิดจากความไม่เต็มใจอีกเช่นกัน“กลัวผี?” ปราบถามด้วยเสียงที่แผ่วเบาลง ขณะที่กำลังขยับเข้าไปหาเธอใกล้ๆ กระทั่งชิดกัน“คือ หยก...” เสียงเธอก็แผ่วเบาลงเช่นกันและต้องก้มหน้าไม่กล้าตอบ แม้ในใจอยากพูดออกมาก็ตาม ขณะเดียวกันปราบค่อยๆ เอื้อมมือมาสอดประคองเอาไว้ที่ใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน นั่นทำให้หงส์หยกยิ่งต้องก้มหน้าต่ำลงพร้อมกับกรอกตาไปมาด้วยความประหม่าก่อนหน้านี้เธอแสดงความเย่อหยิ่ง จองหอง ปากร้ายใส่เขา มาตอนนี้เถอะไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา หัวใจเต้นแรง หวั่นไหวอย่างบอกไ
“อืม พะ พอ... พอแล้วค่ะ” เธอพยายามดันเขาออกได้สำเร็จพร้อมกับเบือนหน้าหนีเล็กน้อย แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่สากไปด้วยเครากับอยู่ใกล้แก้มนุ่มไม่ยอมห่าง“หายกลัวบ้างไหม” เขากระซิบถามเสียงนุ่มกลายเป็นคนละคนกับนายปราบ สุริยะฉัตรกันเลยทีเดียว“เอ่อ พี่ปราบ มันไม่ควร... ไม่ เราเพิ่ง” เธอห้ามปรามด้วยน้ำเสียงอึกอัก แต่จะหลีกหนีอย่างไรก็ไม่พ้นเพราะแผ่นหลังติดพนักพิงแล้ว“ยังสั่นอยู่เลย ยังไม่หายกลัวใช่ไหม” เขากระซิบถามอีกครั้ง“คือ หยก กลัวพี่ปราบ” เธอเอ่ยออกมาตรงๆ เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังเสียความเป็นตัวเองแน่ๆ พอพูดจบก็ก้มหน้าอีกครั้ง“พี่ทำอะไรให้กลัว ฮืม” เขายังมีหน้ามาถามเธออีก“ก็ทำ... ทำแบบนี้ไงคะ เอ่อ ถอยออกไปนิดนึงนะคะ หยกไม่...” ว่าแล้วเธอยกมือขึ้นดันแผงอกเขาให้ออกไปห่างๆ แต่เขากลับจับมือเธอเอาไว้แล้วรั้งให้เข้าไปหาเสียอย่างนั้น“เอ่อ หยกว่าเรา... พี่ปราบปล่อยหยก” น่าแปลกเหลือเกินที
หงส์หยก จึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนพร้อมกับรั้งผ้าห่มขึ้นคลุมสะโพก ก่อนหน้านี้กลัวผี ตอนนี้ไร้ซึ่งความกลัวเพราะมีอารมณ์บางอย่างเข้ามาแทนที่ ให้ตายเถอะ นี่เธอมาติดต่องานแทนเจ้าสัวแต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ เธอชอบเขาเข้าแล้วอย่างนั้นหรือเนี่ย“บ้าจังหยก” เธอว่าให้ตัวเอง ทว่าผ่านไปเพียงไม่นานนัก ปราบก็กลับเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้งพร้อมกับผ้าห่มและหมอนอีกชุด จากนั้นเขาก็เดินมานั่งตรงข้ามกับเธอแล้วเอนตัวลงนอน ขณะที่ดวงตาคมกริบมองที่เธอด้วยแววตาแปลกๆ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนถูกขัดใจ เธอเองก็ยังไม่ได้หลับ เรียกได้ว่าต่างคนต่างมองคล้ายกับมีสิ่งที่คั่งค้างต้องทำให้เสร็จ“ขอบคุณค่ะ” เธอบอกก่อนจะเป็นฝ่ายหลับตาก่อน ทว่าเขานี่สิที่เอาแต่มองเธออย่างไม่ลดละ และนอนไม่หลับเสียแล้วเมื่อทุกอย่างมันตื่นตัวและลุกโชนยากเกินจะดับขนาดนี้ ในใจของเขามันกำลังว้าวุ่น ครุ่นคิดไปหลายตลบว่าจะเอาอย่างไรดีกับคำพูดก่อนหน้านี้ของเจ้าสัวบุญเสริม จนส่งผลให้เกิดอารมณ์แปรปรวนอย่างที่เห็น“น้องเพิ่งเรียนจบ อาอยากให้ปราบฝึกงานให้น้อง เพื่อว่าวันข้างห
“พี่ปราบ!” เธอตกใจพร้อมกับยกมือขึ้นปิดทรวงอกเอาไว้ ทว่าความอวบอิ่มล้นทะลักออกมานอกบราโชว์หราอวดสายตาเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงจับมือทั้งสองข้างของเธอขึงเอาไว้ ก่อนจะก้มลงบดขยี้จูบที่กลีบปากนุ่มอีกครั้ง และเพียงชั่วอึดใจริมฝีปากร้อนผ่าวก็พรมจูบลงมาตามพวงแก้มหอมนุ่มจนถึงซอกคอ พลางใช้ปากขบเบาๆ และเพิ่มแรงด้วยการดูดเม้มประทั่งเป็นรอยเล็กน้อย“อืม พี่ปราบ” ไม่รู้ว่าจะเอ่ยทัดทานหรือเรียกร้องให้เขาทำตามใจปรารถนาดี สุดท้ายจึงได้แต่หลับตาปี๋เพื่อรับสัมผัสทุกอย่างที่เขามอบได้ แม้กระทั่งความเสียวซ่านก่อเกิดขึ้นเมื่อเรียวลิ้นถูกส่งออกมาแตะตรงเนินอก ก่อนจะใช้ปลายลิ้นโลมเลียสลับกันไปมามองทั้งสองข้าง และเพียงชั่วอึดใจเขาปล่อยมือเธอ แล้วสอดฝ่ามือลงไปใต้แผ่นหลังเพื่อปลดตะขอบรา จากนั้นจึงรั้งมันออกไปให้พ้นทางอย่างรวดเร็วทรวงอกอวบอิ่มเต่งตึงโผล่เผยยั่วสายตา พร้อมกับความเย็นเฉียบเข้าครอบคลุมร่างกายเมื่อมันเปลือยเปล่า เหลือไว้เพียงกางเกงขาก๊วยเท่านั้น เขาช้อนสายตามองปลายถันสีชมพูระเรืออย่างเสน่ห์หาระคนด้วยความหื่นกระหาย สองมือค่อยๆ ขย
“ถ้าไม่รัก ไม่ชอบพี่ แล้วหยกจะยอมเหรอ ฮืม พี่รู้ว่าหยกคิดเหมือนพี่ เพียงแต่จะพูดคำนั้นออกมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง” ดูเหมือนเขาจะมั่นใจเสียเหลือเกิน“ให้หยกพร้อมกว่านี้นะคะ”“พี่จะทำทุกๆ วัน ทุกๆ คืนให้หยกพร้อมที่จะพูด” พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร เธอก็ใจขาดตายก่อนพอดี“เอ่อ ไม่ต้องทุกวันทุกคืนก็ได้ค่ะ หยกไม่อยากสำลัก ความสุขตายซะก่อน” เธอบอกอย่างเอียงอายพลางเบือนหน้าหนีเมื่อเขากำลังกดริมฝีปากลงไปตรงซอกคอ“ตกลงว่าอยู่กับพี่นะ ไม่ต้องไปไหนแล้ว ห้ามหนีด้วย” เขากระซิบเสียงนุ่ม“หยกมาแต่ตัวนะคะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเลย”“พี่ต้องการแค่นี้แหละ เสื้อผ้ามันสำคัญตรงไหน เดี๋ยวก็ถอดอยู่ดี” ให้ตายสิน้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วหื่นชอบกล“ให้หยกใส่เดินออกจากบ้านบ้างสิคะ”“ช่วงนี้กำลังหวง ขอขังเอาไว้ในห้องบนเตียงนี้อย่างเดียวได้หรือเปล่า ฮืม” พูดจบเขาก็กดจูบท
“พี่ปราบ... อ๊ะ! อ๊ะ! โอ้ว” เธอร้องครางเสียงดังลั่นเมื่อคว้าเอาจุดหมายไว้ได้ ร่างกายกระตุกเกร็งพร้อมทั้งจิกเล็บลงบนท่อนแขนของเขาอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ เรือนกายส่วนนั้นกระตุกตอดเป็นจังหวะกระตุ้นให้เขาซอยถี่ๆ อีกเพียงไม่กี่ครั้งก็ตามเธอไปติดๆ“ซี๊ดดดด โอ้ว พี่เสร็จแล้ว” จบคำเขาก็กดสะโพกหนักๆ กับเนินสวาท แล้วโน้มตัวลงไปจูบเธอก่อนจะกอดเอาไว้แนบแน่น และปลดปล่อยน้ำอุ่นๆ เหนียวๆ หลั่งไหลออกมาผสมกัน ร่างกายทั้งคู่เบาหวิวล่องลอยราวกับขึ้นสวรรค์ ทว่าน้ำเสียงยังคงหอบพร่าเหมือนกับเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก ริมฝีปากบดเคล้าจูบอย่างดูดดื่ม ขณะที่ท่อนเนื้อแข็งแกร่งยังคงดุนดันดีดดิ้นและพุ่งพ่นน้ำรักออกมายังไม่หมด แต่ด้วยความที่อ่อนเพลียหมดแรงเมื่อจูบอย่างพอใจแล้วเขาจึงกอดเธอเอาไว้แล้วซบหน้าลงไปบนเนินอกเปลือยเปล่า ฟังเสียงหัวใจดวงน้อยเต้นถี่ๆ เธอยกมือขึ้นสอดไปที่เรือนผมของเขาแล้วหลับตาลงผ่อนลมหายใจเข้าออกด้วยความเหนื่อยล้านานจนรู้สึกว่าทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ แต่ไม่รู้จะเริ่มคุยกันอย่างไรดี เขาจึงผงกศีรษะขึ้นแล้วจูบเบาๆ ต
“อืม” เขาครางออกอยู่ในลำคอเมื่อปากอิ่มบดขยี้จูบอย่างดูดดื่ม สิ่งที่เขาสอนเธอมาหลายครั้ง เธอจำแม่นและนำมาใช้กับเขา ซึ่งทำได้ดีจนเขาแทบคลั่งเลยทีเดียว แต่จูบได้ไม่นานนักเธอก็ถอนออกก่อนจะไล่เรียวปากจูบแก้มที่สากไปด้วยเครา ไล่มาที่ซอกคอและดูดเม้มแรงกว่าเขาด้วยซ้ำ“อืม แม่เสือสาว ร้อนแรงจัง” เขาครางและบอกอย่างพอใจอีกครั้ง พลางกัดฟันและยิ้มกับตัวเอง จากนั้นปากอิ่มก็จูบจนถึงแผงอกกว้างที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามแน่น ๆ ปลายลิ้นร้อนไร้เดียงสาของเธอถูกส่งออกมาโลมเลียตวัดไปมากระทั่งถึงยอดอก ครั้งนี้เธอจะเอาคืนบ้างจึงใช้ลิ้นเลียตรงยอดอกระรัว ทำให้เขาสะท้านและบิดเกร็งลำตัว“ซี๊ดดดด อ่า ดีจัง ดีมากเลย” เขาออกปากชมและครางด้วยความพอใจครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ลิ้นและเรียวปากอิ่มดูดเลียยอกอกอย่างร้อนแรง กลางลำตัวของเขาก็ดีดดิ้นขึงขัง แข็งจนอยากจะออกมาหายใจ เธอสัมผัสได้ว่ามันดิ้นเมื่อเนินสวาทถูไถไปมา“โอ้ว หยกจ๋า อ่า ช่วยพี่ที” คราวนี้เป็นทีของเขาที่จะต้องเอ่ยปากขอร้องบ้าง และเมื่อได้ยินดังนั้
“เอา พี่จะเอา จะเอาหยกตอนนี้ เดี๋ยวนี้” เขาบอกด้วยน้ำเสียงหื่นกระหายก่อนจะผงกศีรษะขึ้นแล้วขยี้จูบที่ปากอิ่มอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ทำเอาปากบางแทบพังและแสบเพราะหนวดเคราถูไถ ขณะที่เรียวลิ้นร้อนส่งออกมาลากเลียไปตามเรียวปากแห้งผาก ก่อนจะสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตวัดลิ้นเกาะและสูบกลืนลมหายใจกันเอาไว้ จูบดูดดื่มร้อนแรงจนทำให้กลางกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ท่อนเนื้อภายใต้กางเกงยีนส์มันกำลังดีดดิ้นและถูไถกับกลางลำตัวของเธอ กระตุ้นให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนอย่างรุนแรงและจากมือที่เกาะกุมมือเธออยู่ค่อยๆ ปล่อยเคลื่อนลงมาตามลำคอ จนถึงเนินอกอวบ เขาบีบเค้นแรงๆ ขณะที่ปากยังคงบดขยี้จูบ ก่อนจะละเรียวปากขยับลงมาขบเม้มที่ซอกคอและดูดจนเป็นรอยแดงจ้ำ มือก็ขยำทรวงอกอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็เลื่อนมืออีกข้างลงไปที่หน้าท้องแบนราบ กระทั่งถึงขอบกางเกง เขาจึงปลดกระดุม รูดซิบ ก่อนจะสอดฝ่ามือล้วงเข้าไปอย่างรวดเร็ว“อืม” เธอครางในลำคอเมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้บนเนินสวาทแผ่วเบา พร้อมกับสอดแทรกนิ้วมือแกร่งแหวกว่ายหยอกเย้ากับกลีบสวาท กรีดกรายนิ้
แต่ในขณะเดียวกัน ชาติชายก็รีบโทรศัพท์บอกเจ้านายว่าตัวเองได้เผลอพูดความจริงออกไปแล้ว ทำให้ปราบต้องรีบตามหงส์หยกกลับไปที่บ้านทันที“ไอ้ชาติ ไอ้ตัวแสบ ฆ่าทิ้งดีไหมเนี่ย” ปราบบ่นพร้อมกับขับรถ ATV ออกจากสวนทันที เพื่อจะได้ตามหงส์หยกให้ทัน จากนั้นเขาก็ขับมาถึงหน้าออฟฟิศในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่มีวี่แววว่าเธอจะอยู่ในบริเวณนี้ เขาจึงกระโดดลงจากรถแล้วเดินเท้าตามหา เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเร็วกว่ารถที่เขาขับ“อยู่ที่บ้านเราหรือเปล่าวะ” เขาคิดถามตัวเองแต่คนโกรธแบบนั้นมีหรือจะกลับบ้านพัก ต้องกลับบ้านตัวเองสินะ“พวกเอ็งเห็นคุณหยกหรือเปล่า ผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าน่ะ เดินมาทางนี้หรือไหม” ปราบถามด้วยความร้อนใจ“เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเหรอครับนาย ผมเห็นหลังไวๆ เดินไปที่โรงจอดรถของคนงานน่ะครับ”“อะไรนะ! โรงจอดรถของคนงานอย่างนั้นเหรอ ให้ตายสิ” เมื่อฟังอย่างนั้นแล้วก็มีสิ่งเดียวคือเธออาจจะให้คนงานไปส่งก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงรีบว
แต่ในขณะเดียวกัน ชาติชายก็รีบโทรศัพท์บอกเจ้านายว่าตัวเองได้เผลอพูดความจริงออกไปแล้ว ทำให้ปราบต้องรีบตามหงส์หยกกลับไปที่บ้านทันที “ไอ้ชาติ ไอ้ตัวแสบ ฆ่าทิ้งดีไหมเนี่ย” ปราบบ่นพร้อมกับขับรถ ATV ออกจากสวนทันที เพื่อจะได้ตามหงส์หยกให้ทัน จากนั้นเขาก็ขับมาถึงหน้าออฟฟิศในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่มีวี่แววว่าเธอจะอยู่ในบริเวณนี้ เขาจึงกระโดดลงจากรถแล้วเดินเท้าตามหา เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเร็วกว่ารถที่เขาขับ “อยู่ที่บ้านเราหรือเปล่าวะ” เขาคิดถามตัวเองแต่คนโกรธแบบนั้นมีหรือจะกลับบ้านพัก ต้องกลับบ้านตัวเองสินะ “พวกเอ็งเห็นคุณหยกหรือเปล่า ผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าน่ะ เดินมาทางนี้หรือไหม” ปราบถามด้วยความร้อนใจ “เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเหรอครับนาย ผมเห็นหลังไวๆ เดินไปที่โรงจอดรถของคนงานน่ะครับ” “อะไรนะ! โรงจอดรถของคนงานอย่างนั้นเหรอ ให้ตายสิ” เมื่อฟังอย่างนั้นแล้วก็มีสิ่งเดียวคือเธออาจจะให้คนงานไปส่งก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงรีบวิ่งไปที่โรงจอดรถทันที แล้วก็ทันเส
“เต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ต้องไปด้วยกัน ดูให้รู้ว่าเราทำงานกันลำบากแค่ไหน แล้วก็คุยงานไปด้วย” เขานี่ก็ช่างแกล้งเธอเสียจริงทั้งที่เพิ่งจะส่งส้มเข้าโรงงานของเธอไปเมื่อเช้านี่เอง คิดแล้วก็นึกขัน“อ้าวนาย กลับมาเร็วจังครับ” ชาติชายทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินมาพร้อมกับคู่ค้าคนเมื่อวาน แต่คราวนี้ดันจูงมือกันมาแบบนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ธรรมดา“จะรีบกลับมาพาคุณหยกดูงานน่ะ” พูดแล้วเขาก็ปรายตามองเธออีกครั้ง“ชุดนี้นะเหรอครับ ร้อนแย่ผิวสวยๆ ไหม้กันพอดี” ชาติชายบอกว่าผิวสวยๆ อย่างนั้นหรือ ไม่เกรงใจกันเลย“มีหน้าที่ทำงานก็ทำไป” ปราบว่าเสียงดุเข้ม ชาติชายจึงต้องก้มหน้าเล็กน้อยแล้วรีบปลีกตัวไปห่างๆ ทันที ขณะเดียวกันหงส์หยกก็สะบัดจากการเกาะกุมของเขาอีกครั้ง และก็เป็นผลเพราะเขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ จะเดินไปทางไหนก็ตามใจก็แล้วกัน จากนั้นเขาจึงเดินไปคุมลูกน้องขนส้มเพื่อส่งเข้าอีกโรงงานหนึ่ง อีกทั้งแอบบอกทุกคนแล้วว่าหงส์หยกเป็นใครหงส์หยกจึงอาศัยเวลานี้ลองไ
“มันก็เกี่ยว แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพี่ไม่มีงานให้”“อะไรนะ! ในเมื่อไม่มีงานให้ จะพาหยกกลับไปทำไม ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ก็หยกหนีมา! พี่ไม่ชอบ และถ้าหนีมาอีกพี่จะ...”“จะอะไร... จะทำไมหยกอีก เท่านี้ยังไม่พอใจอีกเหรอคะ ศักดิ์ศรีไม่มีแล้ว” เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ เขาคิดว่าเธอรู้สึกเหมือนกับเขาเสียอีก“มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีเหรอเนี่ย เพิ่งรู้”“จะอะไรก็ตาม พาหยกกลับเถอะค่ะ” เธอบอกเสียงแข็งเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น“โกรธพี่เหรอ พี่ไม่ได้ทำให้มันเป็นอุบัตินะ ตั้งใจทำทั้งคืนเลย”“หยกจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก จอดรถค่ะ ปล่อยหยกลงตรงนี้ก็ได้”“หยกเป็นคนไปหาพี่เอง ฉะนั้นไปจัดการเรื่องของเราให้จบ”“ไม่! หยกบอกให้จอดรถไง” คราวนี้น้ำเสียงของเธอสั่นเครือคล้าย
“มาได้ยังไงคะ รู้จักที่นี่ด้วยเหรอ” เธอถามด้วยความแปลกใจแต่สีหน้าของเขาบอกบุญไม่รับเลย“บ้านเจ้าสัวบุญเสริมใครบ้างไม่รู้จัก” ปราบตอบเสียงเรียบเหมือนกำลังไม่พอใจ“เอ่อ... มาทำไมคะ” เธอถามพลางหลุบเปลือกตาลงไม่อยากสบตาเขาเลย“พี่ควรถามน้องมากกว่า ว่าน้องกลับมาทำไมไม่บอกพี่สักคำ และเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย” น้องอย่างนั้นหรือ เรียกราวกับรู้จักมักคุ้นกันเสียเหลือเกิน แต่เธอก็รู้สึกดีไม่น้อย“หยก... มีงานต้องทำค่ะ เลยรีบมา แล้วจะให้คนอื่นไปติดต่องานแทน หยกคงไม่...” เธอตอบแล้วก้มหน้าเหมือนเดิม“คนอื่นเหรอ พูดง่ายดี ทำอะไรไว้ทำไมไม่รับผิดชอบให้มันจบ”“หยกทำอะไรคะ” เธอเริ่มเสียงสั่นขณะที่เขาทำเสียงดุเข้มใส่“ทำงาน ไปทำงานให้เสร็จ...” จบคำเขาก็คว้าแขนเธอให้เดินไปด้วยทันที“ไม่! หยกไม่ไปแล้ว หยกจะไม่ไป” เธอพยายามสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขาทว่าไร้ผ