วันรุ่งขึ้นเวลาสิบโมงเช้าเสียงโทรศัพท์ของหลินเซียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเหลือบมองแล้วก็เมินเฉยไปหัวหน้าของเธอที่อยู่หน้าไซต์งานก่อสร้างกำลังบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันกับเธอ เธอตั้งใจจดบันทึกทั้งหมดจนกระทั่งเที่ยงวัน เธอถึงมีเวลาว่างได้นั่งพักสักหน่อย หยิบน้ำขึ้นมาจิบหนึ่งอึก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมีสายที่ไม่ได้รับสิบแปดสายทั้งหมดมาจากลู่สือเยี่ยนหึ!เธอหัวเราะเบา ๆ กำลังจะโทรกลับ แต่แล้วสายที่สิบเก้าก็โทรเข้ามาเสียก่อน“สวัสดี?”“หลินเซียง คุณล้อผมเล่นเหรอ?”พอรับสาย เสียงที่เย็นชาและมืดมนก็ดังขึ้น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่อัดอั้นของเขาถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอ คงพุ่งเข้ามาฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วหลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ลู่สือเยี่ยน รู้สึกยังไงบ้างเวลาโดนคนอื่นหลอก?”เขาฟื้นความทรงจำแล้ว กลับมาพูดได้เหมือนคนปกติ แต่กลับปิดบังไว้จากเธอมาตลอด แล้วยังแกล้งทำเป็นเหมือนเดิมต่อหน้าเธอถ้าเธอไม่ค้นพบความจริงด้วยตัวเอง เขาจะเสแสร้งแกล้งทำไปอีกนานแค่ไหน?เห็นเธอทำท่าโง่ ๆ ใช้ภาษามือกับเขา ในใจลึก ๆ ของเขากำลังเยาะเย้ยเธออยู่หรือเปล่า?เขาทำเรื่อ
‘แปลกจัง ช่วงพักเที่ยงแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลย?’หลินเซียงรู้สึกกระวนกระวายใจ สีหน้าตึงเครียดสุดขีด“หยุดนะ!”“ฉันเห็นบัตรพนักงานของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอต้องเป็นคนของดีเคกรุ๊ปแน่!”“จับเธอไว้! เราต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้!”ผู้คนจำนวนมากวิ่งไล่ตามเธอมาอย่างดุเดือดหลินเซียงยิ่งร้อนรน วิ่งหนีไปทิศทางหนึ่ง แต่แล้วเท้าก็พลิกลง เธอเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้า พอกลับมาทรงตัวได้อย่างทุลักทุเล แต่วิ่งหนีต่อไปไม่ได้แล้วคนกลุ่มนั้นมีกันสิบกว่าคน กรูเข้ามาขวางทางหลินเซียงด้วยท่าทางก้าวร้าว“พวกคุณเป็นใคร?”หลินเซียงพยายามตั้งสติ ดวงตาอัลมอนด์คู่งามจ้องมองพวกเขาชายไว้หนวดเคราพูดว่า “หวังปิน น้องชายของฉันทำงานที่นี่ เกิดอุบัติเหตุทำให้เขาขาหัก ฉันเห็นเธอเป็นพนักงานของดีเคกรุ๊ป ดังนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับเรา!” หลินเซียงขมวดคิ้ว “น้องชายคุณบาดเจ็บ ฉันเข้าใจว่าคุณไม่พอใจ แต่เรื่องแบบนี้ควรมีคนจากทางบริษัทมาเจรจากับพวกคุณด้วยตัวเองสิ”หวังเฉียงโบกมือ “เจรจาอะไรกัน ไอ้หมอนั่นมาคนเดียว หน้าตาไม่รับแขก ควักเงินจ่ายค่าชดเชยให้ฉันไม่กี่แสน น้องชายฉันขาหักเลยนะ!
ดวงตาสีดำขลับของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออยู่นาน ก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง “ตอนแรกผมก็คิดจะทำแบบนั้น แต่พอเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมไม่ชอบรังแกคนป่วย”หลินเซียงกระตุกริมฝีปาก “ขอบคุณคุณลู่ที่อุตส่าห์มีน้ำใจ”คำขอบคุณจอมปลอมบทสนทนาจอมปลอมระหว่างคนทั้งสองเหมือนมีกำแพงใส ๆ กั้นอยู่ มองเห็นกันได้ จับต้องกันได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้ต่อไปอีกแล้วก่อนเมื่อวาน มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เธอเป็นฝ่ายพูดเรื่องหย่าออกมาก่อนอารมณ์ของลู่สือเยี่ยนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยื่นมือไปขยับคลายปกเสื้อแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่ ให้คนอื่นมารับผิดชอบเรื่องโปรเจ็กต์แทนก่อน”หลินเซียงถาม “แบบนี้ถือว่าฉันได้รับบาดเจ็บในระหว่างการทำงานหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอ ไม่ได้พูดอะไรหลินเซียงพูดต่อ “ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการทำงานก็ต้องได้รับเงินค่าชดเชย ฉันไม่รังเกียจเงินไม่กี่แสนหรอกนะ คุณลู่คงรู้หมายเลขบัญชีของฉันดีอยู่แล้ว โอนเข้าบัญชีฉันได้เลยค่ะ”ลู่สือเยี่ยน “...”ผู้หญิงคนนี้หลังเสนอหย่า ก็กลายเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเงินไปแล้วเหรอ?ก่อนหน้านี้เธ
หลินเซียงหลับตาลง ปวดหัวรุนแรงจนทนไม่ไหวข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เธอหันไปมองนอกหน้าต่าง สายตาค่อย ๆ ว่างเปล่าความจริงแล้วมันไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู ดวงตาของเธอสว่างขึ้นทันที“ซ่งซ่ง!”“เฮ้! ว่าไงเพื่อนรัก ทายสิว่าฉันอยู่ที่ไหน?”ในโทรศัพท์ เสียงของหญิงสาวที่แหลมสูงเล็กน้อยดังเล็ดลอดออกมาหลินเซียง “อวิ๋นเฉิงเหรอ?”“ตอบถูกแล้วล่ะ ฉันอยู่ข้างล่างตึกเธอแล้ว รีบออกมาต้อนรับฉันเร็ว” ซ่งซ่งหัวเราะหลินเซียงพูดว่า “โถ่ เจ้าหญิงของฉัน คงไม่ได้หรอก ฉันบาดเจ็บในเวลางาน ตอนนี้แอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ”ซ่งซ่ง “ส่งที่อยู่มาเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า!”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเธอ หลินเซียงก็อดขำไม่ได้ “เอาสิ”หลังจากส่งที่อยู่ไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาวหน้าเก๋สวยสะดุดตาคนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามา“เซียงเซียง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงบาดเจ็บในระหว่างทำงานล่ะ? แล้วทำไมเธอถึงอยู่คนเดียว? สามีใบ้ของเธอไปไหนแล้ว?”ซ่งซ่งถามคำถามรัว ๆหลินเซียงรีบเอามือกุมศีรษะตัวเอง “โอ๊ย ค่อย ๆ ถามสิ ถามทีละหลาย ๆ อย่างแบบนี้ ฉันปวดหัว
ริมฝีปากของหลินเซียงเม้มเข้าหากัน เธอกดโทรหาซ่งซ่ง แต่ไม่มีใครรับสายพวกเธอเพิ่งแยกกันได้ไม่นาน อีกฝ่ายจะไปโผล่ที่อาคารเยว่ปินได้ยังไง?เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อคืน หลินเซียงก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไปแก้แค้นลู่สือเยี่ยน คนแบบเธอสามารถทำได้จริง ๆเธอไม่กล้าใช้เวลาคิดฟุ้งซ่านอะไรไปมากกว่านี้ รีบออกไปเรียกรถแท็กซี่ตรงไปที่อาคารเยว่ปินทันทีเธอเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เห็นว่าโถงทางเข้ารกไปหมด เศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่ว เหมือนกับที่นี่เพิ่งถูกโจรบุกปล้น“ซ่งซ่งอยู่ที่ไหน?”หลินเซียงคว้าตัวพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งมาถามอย่างใจร้อนพนักงานเสิร์ฟชี้ไปที่ห้องส่วนตัวในโถงทางเดิน “อยู่ที่นั่นค่ะ”หลินเซียงรีบจ้ำอ้าวไปเปิดประตูห้องส่วนตัว เห็นซ่งซ่งถูกการ์ดสองคนจับตัวไว้ ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความโกรธ“ปล่อยฉันนะ!”เธอยังคงดิ้นรนไม่หยุดบนโซฟา สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเข้มขรึม เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเลือด ดวงตาดำขลับกำลังจ้อมเขม็งมองซ่งซ่งเหมือนมองคนตายแขนเสื้อข้างขวาของเขาพับทบขึ้นไปถึงข้อศอก มีรอยบาดแผลที่แขน เซี่ยหว่านนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังทำแผลให้เขารูม่านตาของหลินเซียงหดลงทันที รีบเดินเข้าไปผลักก
“ซ่งซ่งเป็นคนใจร้อน ถ้าเธอไปทำอะไรที่ทำให้คุณเจ็บช้ำ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสา รับรองได้ว่าหลังจากนี้เธอจะไม่ทำอีก”ดวงตาของซ่งซ่งแดงก่ำทันที “เซียงเซียง เธอจะไปขอโทษทำไม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเสียซะหน่อย!”แต่หลินเซียงไม่สนใจเธอ หันไปมองลู่สือเยี่ยน “ตอนนี้พอใจหรือยัง?”ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายวาววับเขากำลังบีบให้เธอยอมจำนนไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้เธอทำตามความปรารถนาของเขาแล้วนี่ ยังไม่พออีกเหรอ?เธอนี่ตามืดบอดจริง ๆ เลยทำไมตอนนั้นถึงไม่ฟังคำเตือนของซ่งซ่งนะผลที่ได้จากการกระทำของตัวเองนั้นไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลยลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยดวงตาลึกล้ำ ในใจรู้สึกหงุดหงิด เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเธอกันเล่า?ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายในเวลานี้เซี่ยหว่านพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไรค่ะ สือเยี่ยนต่างหากที่ได้รับบาดเจ็บ ฉันรู้ว่าคุณซ่งโกรธ แต่การทำร้ายร่างกายคนอื่นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หวังว่าวันข้างหน้าคุณซ่งจะไม่ทำแบบนี้อีก”เธอมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งสอง “ปล่อยคุณซ่งเถอะ”บอดี้การ์ดทั้งสองปล่อยมือจากซ่งซ่งทันที“เซียงเซียง…”ซ่งซ่งมองไปที่หลินเซียงหลินเซียงพูดว่า “
ซ่งซ่งสะอึก “ฉันแค่เจ็บใจ”หลินเซียงพูดอย่างเศร้าโศก “แต่การระบายความเจ็บใจของเธออาจทำให้เราทั้งคู่ต้องเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น”ซ่งซ่งพูดไม่ออก ใบหน้าสะสวยของเธอฉายแววแห่งความรู้สึกผิด “ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดผิด”“เอาเถอะ เราไม่ได้นัดกันว่าจะไปกินหม้อไฟหรอกเหรอ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” หลินเซียงพูด“ไม่มีปัญหา!”ซ่งซ่งตอบตกลงอย่างรวดเร็ว จับมือเธอเดินไปที่ริมถนนกว่าสองสาวจะกินข้าวเสร็จก็ดึกแล้วซ่งซ่งอยากกลับบ้านไปอยู่กับหลินเซียง แต่หลินเซียงปฏิเสธ“เธออยู่ดูแลฉันที่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ อดนอนมากไปจะไม่สวยเอานะ” หลินเซียงพูดซ่งซ่งรีบปิดหน้าตัวเอง “จริงเหรอ? ฉันไม่สวยแล้วเหรอ? ไม่ได้การ ฉันต้องกลับไปดูแลตัวเองให้ดี เซียงเซียงเพื่อนรัก ฉันไปก่อนนะ”เมื่อมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินห่างออกไปของเธอ หลินเซียงก็ยิ้มอย่างจนปัญญาเธอตรงกลับไปที่หัวฝู่โดยตรง พอขึ้นไปชั้นบน ไม่รู้ว่าไฟทางเดินที่ชั้นนี้หลอดเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ ความมืดมิดแผ่ปกคลุมไปทั่วเธอหยิบกุญแจมาไขเปิดประตู เข้าไปได้ก็หันกลับมาปิดประตู แต่แรงอันมหาศาลกลับขัดขวางเธอไว้“ใคร?”หลินเซียงร้องเสียงหลง
“เงินร้อยห้าสิบล้าน อะพาร์ตเมนต์หรูอีกแห่ง คุณไม่ต้องการแล้วเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยแววตาเยือกเย็น ใบหน้าหล่อเหลามีอารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจหลินเซียงกำมือแน่น จ้องมองเขา แล้วก็ถอนหายใจเธออยากได้ถ้ามีทั้งเงินมีทั้งบ้าน เธอยังต้องทำงานสายตัวแทบขาดไปเพื่ออะไรอีก?เธอจะย้ายออกจากเมืองนี้ไปให้ไกลที่สุด ให้เขาตามหาเธอไม่เจอโอ้... เธอคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว เขาจะตามหาเธอไปทำไม?สีหน้าของเธอเย็นชา หากล่องยามาแล้วเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เขา เปิดฝากล่องยาออก หยิบอุปกรณ์ข้างในออกมาเพื่อทำการล้างแผลให้เขา“เจ็บ”เขาพูดเสียงแผ่วเสียงทุ้มต่ำอันน่าหลงใหลดังอยู่ข้างหูเธอ แหบพร่าเล็กน้อย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อหูของหลินเซียงเธอเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง มือที่กำลังทำแผลไม่ผ่อนแรงลงแต่อย่างใด กลับกดน้ำหนักมากขึ้นคราวนี้ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีกเขานั่งมองเธอเงียบ ๆ คิ้วเรียวสีเข้ม ดวงตาโตเป็นประกาย เธอไม่ใช่คนชอบแต่งหน้าบ่อยนัก ทำให้ทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความบริสุทธิ์อารมณ์ที่แตกต่างกันสองอย่างผสมผสานกันได้ดีมากเมื่ออยู่ในตัวเธอ“เสร็จแล้ว”ขณะที่ความ
น้ำทะเลเริ่มหนุนแล้วตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ไกลออกไปดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่ตั้งตระหง่านอยู่ในความมืด กลืนกินคนข้างในทีละเล็กทีละน้อยหลินเซียงจ้องมองไปทางนั้นอย่างใจเย็น แต่ความมืดที่อยู่ไกลทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นกระบวนการน้ำขึ้นได้อย่างชัดเจนภาพเหตุการณ์ที่เธอถูกขังอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ผุดขึ้นมาในหัว มือและเท้าถูกมัดไว้ ร่างกายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและขอความช่วยเหลือเฝ้าดูความตายเข้ามาใกล้ แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยเซี่ยหว่าน ตอนนี้เธอคงรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม?หลินเซียงหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่มองต่อในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือก็ยื่นมาตรงหน้าเธอ“หืม?”หลินเซียงมองไปที่ฉินโหย่วหานด้วยความสงสัยรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของฉินโหย่วหาน “ผมติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บนตู้คอนเทนเนอร์นั้นด้วย คุณจะได้เห็นท่าทีที่สิ้นหวังทั้งหมดของเซี่ยหว่าน”เขามองเข้าไปในดวงตาของหลินเซียง “อยากดูไหม?”หลินเซียงประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ฉินโหย่วหานพูดว่า “ไม่ต้องแปลกใจ ผมแค่รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าคนที่เคยทำร้ายตัวเองได้รับโทษ แล้วโทษนั้นจะมีความหมายอะไร?”สายตาของเขาเหม่อลอยไปชั่วขณะ
ซ่งซ่งหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะเอามือขยี้ผมในขณะนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสายจากประธานบริษัทซ่งซ่งสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ?”“ซ่งซ่ง ทางคุณฟู่แจ้งมาว่าแบบมีปัญหา แถมยังบอกว่าคุณไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา เธออยากจะทำให้สตูดิโอของเราพังทั้งบริษัทเลยหรือไง? รีบโทรกลับหาคุณฟู่เดี๋ยวนี้เลย…”“ฉันจะลาออก”ซ่งซ่งพูดอย่างเรียบเฉยอีกฝ่ายชะงักไป “ว่าไงนะ? จะลาออก? ล้อเล่นหรือเปล่า? เธอคงรู้นะว่าการลาออกของเธอจะส่งผลอะไรบ้าง?”ซ่งซ่ง “อืม ฉันรู้ค่ะ แต่ผลที่ตามมาทั้งหมด ฉันจะรับผิดชอบเอง”อีกฝ่ายยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง? แค่ทำโปรเจกต์นี้เสร็จ รายได้ของเธอจะมหาศาลเลยนะ”ซ่งซ่งแสยะยิ้ม “แต่ถ้าทำไม่เสร็จล่ะคะ? ฟู่จิ่นซิ่วคอยหาเรื่องฉันอยู่ตลอด ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเล่นกับเขาต่อแล้วค่ะ”“เธอ…” อีกฝ่ายคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกซ่งซ่งพูดอย่างใจเย็น “แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ”พูดจบก็วางสายทันทีอยู่ไปก็ไม่มีความหมายไปดีกว่าออกจากเมืองอวิ๋นไปซะแต่เธอต้องคิดให้ดีว่าจะพูดเรื่องนี้กับหลินเซียงอย่างไรคนอย่างฟู่จิ่นซิ่ว เธอไม่กล้ามีเรื่อ
สีหน้าของสวีซินหรานดูไม่ดีขึ้นมาทันที “เธอหมายความว่ายังไง?”หลินเซียงหัวเราะเบา ๆ “ฟังไม่ออกเหรอ? ฉันกำลังเยาะเย้ยเธอไง เห็นเรื่องพวกนั้นแล้ว ที่เธอทำได้ก็แค่นั่งอยู่ในออฟฟิศแล้ววิจารณ์คนอื่น อย่างมากเข้าหน่อยก็เป็นนักเลงคีย์บอร์ดในอินเทอร์เน็ต เธอมีความสามารถอื่นอีกไหม?”สวีซินหรานลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าของเธอดูแย่มาก “หลินเซียง เธอคิดว่าฉันกลัวเธอเหรอ? ตอนนี้เธอไม่มีที่พึ่งแล้ว!”“อ้อ แล้วไง?” สีหน้าของหลินเซียงยังคงเรียบเฉย “อยากจะฆ่าฉันเหรอ?”สวีซินหรานกัดฟัน รู้สึกโกรธมาก ผู้หญิงคนนี้เมื่อก่อนไม่เคยพูดอะไร แต่พักหลังมานี้ไม่รู้เป็นอะไร พอเธอเยาะเย้ย หลินเซียงก็ตอบโต้กลับทันที!แถมเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเซียงเลย!หลินเซียงเบนสายตา “เอาเวลาไปพัฒนาผลงานของตัวเองดีกว่า อิจฉาคนอื่นไม่ได้ทำให้เธอดีขึ้นหรอกนะ แต่มันจะทำให้เธออัปลักษณ์มากขึ้น”“เธอ!”สวีซินหรานอยากจะพุ่งเข้าไป แต่ถูกคนสองคนห้ามไว้ทันทีบรรยากาศในออฟฟิศตึงเครียดขึ้นทันทีแต่หลินเซียงกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ก่อนจะเริ่มทำงานของเธอต่อไปสวีซินหรานถูกกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ มองหลินเซียงด้วยสายตาอาฆาต รอก่อนเถอะ สั
"อืม ค่ะ"หลินเซียงพยักหน้า เดินไปที่ลิฟต์โดยตรงเพื่อรอซืออวี่กลับมาเธอก้มลงมองโทรศัพท์ และในขณะนั้นเอง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก พร้อมกับเสียงประหลาดใจที่ดังขึ้น"คุณผู้หญิง?"หลินเซียงเงยหน้าขึ้น เห็นซ่งจั่วเดินออกมาจากลิฟต์ บนใบหน้ามีร่องรอยของความดีใจ "คุณมาเยี่ยมท่านประธานลู่เหรอครับ?"สีหน้าของหลินเซียงเรียบเฉย ก่อนจะส่ายหน้า "เปล่าค่ะ"ซ่งจั่วชะงัก เอื้อมมือลูบจมูกตัวเอง เห็นได้ชัดว่าหลินเซียงมีท่าทีเย็นชา เขายิ้มอย่างอึดอัด แล้วพูดกับตัวเองว่า "ท่านประธานลู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พักอยู่ชั้นนี้เหมือนกัน คุณผู้หญิงจะไม่เข้าไปเยี่ยมหน่อยเหรอครับ?"หลินเซียงมองเขาอย่างใจเย็นแล้วพูดว่า "ซ่งจั่ว ฉันกับลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วนะคะ""หือ?" ซ่งจั่วชะงัก แล้วก็เข้าใจความหมายของเธอ ยิ้มอย่างรู้สึกผิด "ขอโทษครับ คุณหลิน"สีหน้าของหลินเซียงจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยแต่ซ่งจั่วก็ยังไม่ยอมไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เธอหลินเซียงถามว่า "มีอะไรอีกหรือเปล่า?"ซ่งจั่วกัดฟันแล้วพูดว่า "คุณหลินครับ อย่างน้อยพวกคุณก็เคยเป็นสามีภรรยากัน ท่านประธานลู่ได้รับบาดเจ็บ คุณจะไม่เข้าไปดูหน่อยเหรอ?"คิ้วที่สวยงา
"สวัสดีครับคุณหลิน ผมชื่อเฉินลู่""ผมชื่อเฉินเจียง"เมื่อทั้งสองพูดจบ บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างน่าประหลาดหลินเซียง "หมดแล้วเหรอ?"เฉินลู่และเฉินเจียงมองหน้ากัน เฉินลู่พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ว่า "หมดแล้วครับ"หลินเซียงหัวเราะออกมา แล้วถามว่า "พวกคุณถนัดอะไรบ้าง? ต้องการค่าจ้างเท่าไหร่?"เฉินลู่และเฉินเจียงมองหน้ากันอีกครั้ง แล้วมองไปที่ฉินโหย่วหานพร้อมกันฉินโหย่วหานยกมือนวดหน้าผากอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า "พวกนายนั่งลงก่อน"เฉินลู่และเฉินเจียงนั่งลงทันทีฉินโหย่วหานจึงแนะนำสถานการณ์ของพวกเขาอย่างง่าย ๆ แล้วพูดในที่สุดว่า "เรื่องค่าจ้าง เธอจะให้เท่าไหร่ก็ได้"หลินเซียงส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ให้เท่าไหร่ก็ได้ไม่ได้ พวกเขาต้องคุ้มครองความปลอดภัยของฉัน แต่รอบตัวฉันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ นี่ถือเป็นงานที่อันตรายมาก คุณจ่ายค่าจ้างให้พวกเขาเท่าไหร่ล่ะ ฉันจะให้สองเท่า"ฉินโหย่วหานเลิกคิ้ว "ใจป้ำขนาดนี้เลยเหรอ? งั้นผมขอสมัครเป็นบอดี้การ์ดให้คุณด้วยได้ไหม?"เฉินลู่และเฉินเจียงรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีไม่จริงน่า?พี่หานจะมาแย่งงานพวกเขาหรือ?อย่างนั้นไม่ได้!ถ้าหลินเซียงจ้างพวกเขา
ฟู่จิ่นซิวขบเม้มติ่งหูของเธอ "นี่ลงโทษที่คุณมายั่วโมโหผม"ซ่งซ่งกัดไหล่ของเขาทันที สิ่งที่ตามมาทำให้เธอถึงกับสบถด่าไม่ออกคนคนนี้มันร้ายกาจเกินไปแล้ว!…หลินเซียงนอนหลับสบายตลอดคืนอาจเป็นเพราะมีซ่งซ่งอยู่ข้าง ๆ เธอจึงรู้สึกสบายใจมากเธอลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า "ซ่งซ่ง ตื่นได้แล้ว ฉันจะทำบะหมี่ให้กิน อยากกินบะหมี่อะไร?"เธอพูดพลางลุกขึ้น แต่เมื่อมองไปข้าง ๆ กลับไม่เห็นซ่งซ่งหายไปไหน?หลินเซียงตกใจ รีบใส่รองเท้าออกไปตามหาแต่ซ่งซ่งไม่อยู่ในห้องเธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรตาม แต่โทรศัพท์ของซ่งซ่งกลับดังอยู่ในห้องนอนสีหน้าของหลินเซียงดูไม่ดีทันที!เกิดอะไรขึ้น?ซ่งซ่งไปไหน?ทำไมไม่พกโทรศัพท์ไปด้วย?ในสังคมปัจจุบัน พรวดพราดออกจากบ้านโดยไม่เอาเงินสดไปยังได้ แต่ขาดโทรศัพท์ไม่ได้เด็ดขาดแล้วซ่งซ่งออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย?ขณะที่หลินเซียงกำลังคิดอยู่ จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นหลินเซียงรีบไปเปิดประตู เห็นซ่งซ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ดูอ่อนแรงเหมือนถูกสูบพลังไปจนหมด"ซ่งซ่ง เธอไปไหนมา?" หลินเซียงจับมือเธอถามซ่งซ่งยกยิ้มแล้วพูดว่า "เม
"ฟู่จิ่นซิ่ว ทำอะไร? ปล่อยฉัน!"ซ่งซ่งดิ้นไม่หยุด เอื้อมมือไปข่วนหน้าฟู่จิ่นซิ่ว แต่ก็เอื้อมไม่ถึง!ฟู่จิ่นซิ่วหนีบเธอมาที่ชั้นล่าง จากนั้นก็มาที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง ใส่รหัสลายนิ้วมือ เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะโยนซ่งซ่งลงบนโซฟา!"อ๊ะ!"ซ่งซ่งอุทานออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ถูกเขากดลงกับเบาะ!เธอเบิกตาโต "ทำอะไร?"ฟู่จิ่นซิ่วมองเธอจากด้านบน "ครั้งหนึ่งก็แล้ว สองครั้งก็แล้ว นี่ครั้งที่สาม ซ่งซ่ง คิดว่าผมใจดีมากหรือไง?"ซ่งซ่งรู้สึกถึงอันตรายอย่างไม่มีเหตุผล กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่ดิ้นรนอีกต่อไป พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และพยายามไม่ให้เขาอารมณ์เสียเพิ่ม"ฟู่จิ่นซิ่ว ฉันล้อเล่นเอง ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย?"ฟู่จิ่นซิ่วพูดอย่างเย็นชา "รู้ไหมว่าการล้อเล่นแบบนี้มีผลร้ายแรงแค่ไหน?"ซ่งซ่งเบะปาก "ถึงจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณมิทราบ? เซียงเซียงกับคนเลวอย่างลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้ว เธอจะอยู่กับใครมันก็เป็นอิสระของเธอ"ฟู่จิ่นซิ่วเกือบจะพูดออกไปว่าใบหย่าเป็นของปลอม แต่เมื่อคิดดูแล้ว เขาก็อดทนไว้ช่างเถอะหลอกได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นตอนนี้เขาต้องคิดบัญชีกับผู้หญ
ซ่งซ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเธอเป็นคนตื่นง่ายมาก เสียงเคาะประตูดังขนาดนั้นกลับปลุกเธอไม่ได้?หรือเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์?ซ่งซ่งไม่คิดมากอีกต่อไป หาวแล้วเดินออกไปมองผ่านตาแมวที่ประตู เมื่อเห็นคนข้างนอก เธอก็หรี่ตาลงเล็กน้อยทำไมถึงเป็นเขา?"ปัง ปัง ปัง!"ในขณะที่กำลังคิดอยู่ คนข้างนอกก็เริ่มเคาะประตูอีกครั้งซ่งซ่งเปิดประตูทันที เห็นฟู่จิ่นซิ่วที่ยังคงยกมือขึ้น ทำท่าทางจะเคาะประตูต่อไปถ้าเธอเปิดประตูช้ากว่านี้สองวินาที ฝ่ามือของเขาอาจจะโดนตัวเธอแล้ว"ดึกดื่นป่านนี้ มาเคาะประตูทำซากอะไร? เป็นอะไรมากหรือเปล่า!"ซ่งซ่งพูดอย่างไม่พอใจฟู่จิ่นซิ่วลดมือลง มองเธอ "มีแค่คุณเหรอที่อยู่ที่นี่?"ซ่งซ่งหาว "ไม่ใช่ฉัน แล้วจะเป็นใคร?"เธอหรี่ตาลง เหมือนนึกอะไรออกแล้วพูดว่า "อ้อ แล้วก็มีฉินโหย่วหานอีกคน"ฟู่จิ่นซิ่วที่ถอนหายใจไปแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันที "คุณว่าฉินโหย่วหานนอนอยู่ที่นี่?"ซ่งซ่ง "เกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ?"ฟู่จิ่นซิ่วยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องราวกำลังยุ่งยากมากถ้าฉินโหย่วหานมีความสัมพันธ์กับหลินเซียงจริง...ลู่สือเยี่ยนอาจจะอา
ฟู่จิ่นซิ่วรีบดึงเขาไว้ "สือเยี่ยน อย่าบ้าไปหน่อยเลย แผลนายยังไม่หาย แถมยังหย่ากับหลินเซียงแล้ว ในเมื่อตัดสินใจปล่อยมือแล้ว ก็มองไปข้างหน้าสิ!"ฟู่จิ่นซิ่วไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมลู่สือเยี่ยนถึงยึดติดกับหลินเซียงนักทั้งที่ตอนแรก ลู่สือเยี่ยนออกจะรังเกียจหลินเซียงมาก เพราะเธอได้เห็นด้านที่น่าอับอายที่สุดของเขาเธอได้เห็นเขาในตอนที่ความจำเสื่อม เป็นใบ้ หรือแม้กระทั่งเป็นคนปัญญาอ่อนนั่นคือสิ่งที่ลู่สือเยี่ยนไม่อยากหวนคิดถึงมากที่สุดหลังจากที่ฟื้นความทรงจำกลับมา!ดังนั้น ในตอนแรกเขาถึงได้ยืนกรานที่จะหย่ากับหลินเซียง!แต่ตอนนี้ เขากลับยืนกรานจะพัวพันกับเธอต่อไป!บ้าไปแล้ว!เส้นเลือดบนหน้าผากของลู่สือเยี่ยนปูดโปน เขาจ้องมองฟู่จิ่นซิ่วด้วยความโกรธถึงที่สุดแล้วพูดว่า "ฉันกับหลินเซียงไม่ได้หย่ากัน เธอยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องของฉัน!"เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่จิ่นซิ่วก็ถึงกับอึ้งไป "นายว่า...อะไรนะ?"การดิ้นรนเมื่อครู่ทำให้แผลบนร่างกายของลู่สือเยี่ยนปริออก กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ฟุ้งกระจายในอากาศ เขาแสยะยิ้มแล้วพูดด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างที่สุดว่า "ถ้าฉันไม่ให้ใบหย่ากับเธอ เธอคงจะอาละวาดกับฉันไป