บทที่6
“พี่สาวข้าต้องขอบคุณมากเรือนที่ท่านจัดเอาไว้ให้นั้นดีมากเจ้าค่ะ ข้านอนหลับสบายหลังจากไม่ได้หลับอย่างไม่ต้องกังวลเช่นนี้มานาน” หลีซูเหยาที่เดินมาพร้อมกับผู้นำตระกูลอย่างฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มือเรียวที่จับคล้องอยู่ที่แขนแข็งแรงของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของหวงอิ่งจื่อเปลี่ยนไป
และสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของหลี่ซูเหยา นางเหยียดยิ้มร้ายก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นจะล้มจึงได้เดินเกาะแขนท่านพี่เฉิงเดินเข้ามา มินึกว่านี่จะเป็นเรื่องเหมาะเจาะพอดีราวกับสวรรค์จงใจช่วยเหลือนาง
คิดถูกแล้วที่กลับมา
นั่นจึงทำให้หญิงสาวเอ่ยขอบคุณสะใภ้คนเดียวของตระกูลฟ่าน ต่อหน้าทุกคนที่พร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า “ท่านพี่ ขอบคุณมากจริง ๆ นะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านป่านนี้ข้าคงจะแย่แล้ว”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับคำนั้นเขาเพียงแค่พยักเพยิกไปที่โต๊ะอาหารตรงหน้า
“นั่งเถอะจะได้กินข้าวเช้ากัน” และก็เป็นอีกครั้งที่หลีซูเหยาเบียดสตรีผู้เป็นภรรยาหมิงเหยียนออกไปแล้วนั่ง ข้าง ๆ เขาแทน
หวงอิ่งจื่อพยายามไม่สนใจเหตุการณ์นั้นและคอยดูแลปรนนิบัติท่านย่าเป็นอย่างดี เพราะอายุที่มากขึ้นจึงทำให้จะหยิบจะจับอะไรก็ยากลำบากไปเสียหมด และการกระทำเหล่านั้นของนางก็อยู่ในสายตาของทุกคน
“จะว่าไปเมื่อวานเพราะยุ่ง ๆ ยังไม่ได้ถามเจ้าเลยว่าเรื่องเป็นเช่นไร เหตุใดเจ้าทั้งสองจึงมาอยู่ด้วยกันได้” เมื่อทุกคนนั่งลงประจำที่ฟ่านหลันก็รีบหันไปถามหลีซูเหยา
หวงอิ่งจื่อได้ฟังก็อยากจะหัวเราะกับตนเอง แม่สามีช่างลำเอียงยิ่งนัก
ยามที่นางเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกนางถูกถามไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิดและสาเหตุที่ต้องติดตามฟ่านเฉิงเฉิงมาที่สกุลฟ่านนี้ กว่าจะได้เข้านอนพักก็ผ่านไปหลายชั่วยาม อีกทั้งที่พักก็ไม่มีให้ จนนางต้องไปพักอยู่กับท่านย่าที่ท่านคงอดสงสารนางไม่ได้
จะว่าไปตอนนี้คนที่รับนางเป็นครอบครัวคนสุดท้ายก็คงเป็นท่านย่า แม้ว่าสามีของนางจะมองเห็นนางเป็นภรรยา มอบตำแหน่งฮูหยินให้ แต่ใครจะรู้ว่าแทนจริงแล้วในความคิดของฟ่านเฉิงเฉิงเป็นเช่นไร แค่เพียงยามนี้สตรีข้างกายเขาผลักนางกระเด็นออกมาเพียงแค่เพราะจะนั่งข้างตัวเอง ชายหนุ่มยังไม่เอ่ยห้ามปรามอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ
“ระหว่างทางกลับมาลูกเจอนางกำลังโดนโจรป่าทำร้าย” สีหน้าตกใจของคนทั้งโต๊ะทำให้หลีซูเหยาต้องร้องไห้ออกมาเสียงดังเพื่อให้ยิ่งดูน่าสงสารเข้าไปอีก
“แล้วบิดามารดาเจ้าเล่า เหตุใดจึงปล่อยให้สตรีเช่นเจ้าออกมาเดินกลางป่ากลางเขา”
ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำสีใสชะงักจนหยาดน้ำตาเหล่านั้นเกือบจะเหือดแห้ง นางมิคิดว่าคนที่นี่จะถามถึงบิดามารดา แม้ว่าทั้งสองจะสบายดีแต่หลีซูเหยาไม่กล้าบอกไปเช่นนั้นหรอก เพราะถ้าทำอย่างนั้น ทุกคนจะต้องหาวิธีส่งนางกลับไปที่บ้านเป็นแน่
เสียงร้องไห้กลับดังขึ้นมากกว่าเดิมจนชายหนุ่มเพียงคนเดียวต้องหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าที่เขาพกติดตัวเอาไว้ออกมาส่งให้นางเพราะท่านแม่บังคับเขาด้วยสายตา
“อย่าร้องเลย” แม้ว่าผ้าเช็ดหน้าที่ฟ่านเฉิงเฉิงหยิบออกมาจากปกเสื้อนั่นจะทำให้หวงอิ่งจื่อใจซื้นขึ้นมาบ้าง แต่ท่าทางอ่อนโยนที่เขาแสดงออกต่อหลีซูเหลา ทำเอานางที่กำลังระแวงว่าอีกคนจะมาเป็นภรรยาอีกคนของสามีก็ทำให้ใบหน้าสวยกลับหมองลงอีกครั้ง
“อึก ท่านแม่ ท่านแม่ของข้าสิ้นแล้วเจ้าค่ะ หลังจากนั้นไม่นานท่านพ่อก็จากไปเพราะตรอมใจ ข้าจึงตัดสินใจกลับมาเมืองหลวง อยู่ที่นั่นจะทำอะไรก็ลำบากเพราะไม่รู้จักใคร อย่างน้อยมาที่นี่อาจจะขายโจ๊ก ขายหมั่นโถวประทังชีวิตต่อไปได้” คำของหญิงสาวทำให้ทุกคนสงสารนางเป็นอย่างยิ่ง
ใครก็รู้ว่าสตรีที่ยังไม่ออกเรือนใช้ชีวิตเพียงลำพังลำบากมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นตระกูลฟ่านคงไม่ได้สะใภ้ที่ไม่อยากต้อนรับอย่างหวงอิ่งจื่อมาหรอก
แม้ว่าบิดาของอีกฝ่ายจะมีความดีที่ช่วยเหลือทายาทของตระกูล แต่เพียงแค่รับมาเป็นสาวใช้ก็เป็นบุญแล้ว นี่คาดหวังถึงตำแหน่งฮูหยินทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาแท้ ๆ จะอย่างไรตระกูลฟ่านก็เป็นขุนนางกันมาทุกรุ่น ถึงจะไม่ยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่เรียกว่าต้อยต่ำ
“เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปลำบากที่ไหนอีกแล้ว ท่านแม่ก็คงไม่ว่าใช่ไหมเจ้าค่ะ” ฟ่านหลันรีบหันไปเอ่ยทำนองขออนุญาตจากแม่สามี
หวงอิ่งจื่อมองแม่สามีที่เอ่ยถามท่านย่าซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ อาจจะเพราะรู้สึกเห็นใจ ท่านย่าใจดีมีเมตตาเห็นใจทุกคนไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นที่หวงอิ่งจื่อมาที่นี่ หรือหลีซูเหยา เพียงแต่ไม่รู้ทำไมหวงอิ่งจื่อถึงได้รู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก
ขณะที่หลีซูเหยาแอบถอนหายใจยาว สิ่งที่ทำวันนี้นางถือว่าเดิมพันครั้งใหญ่เลยทีเดียว เพราะฟ่านเฉิงเฉิงไม่ชอบการโกหก แต่ได้ย้อนกลับมาเจอกับเขาครั้งนี้ นางก็ปล่อยเขาไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน น่าเสียดายยิ่งนักที่เมื่อก่อนนางไม่ตบแต่งกับเขาไปเสียให้เรียบร้อย กลับมายามนี้ฟ่านเฉิงเฉิงมีภรรยาไปเสียแล้ว มันก็ทำให้นางรู้สึกเสียดายไม่ใช่น้อย เพราะฟ่านเฉิงเฉิงไม่ได้เป็นเพียงแค่นายกองธรรมดาอีกต่อไป แต่ในตอนนี้เขาเป็นถึงแม่ทัพ
เพียงแต่ท่าทางของท่านแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงกับสะใภ้คนเดียวในตระกูลก็บอกได้ชัดแล้วว่าตำแหน่งนี้บางทีมันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าที่ใครคิด แต่การที่นางกลับมาครานี้ แม้จะเต็มใจกลับมาด้วยตนเอง แต่คนอย่างหลีซูเหยาไม่ยอมเป็นภรรยารองแน่นอน นางต้องได้เป็นภรรยาเอกเท่านั้น
บทที่7ยิ่งเวลาผ่านไปหวงอิ่งจื่อก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจากแม่สามี นางทำเหมือนกับหญิงสาวเป็นคนนอกขึ้นทุกที หรือบางทีก็ไม่ใช่คนนอกแต่เหมือนสาวใช้เสียมากกว่า“เจ้าไปเอาของในครัวมาเพิ่มสิ” เสียงนั้นทำให้หวงอิ่งจื่อรีบลุกขึ้นอย่างไม่ต้องมีใครมาบอก แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าจะไปไหน ลุกขึ้นระหว่างกินข้าวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ” หวงอิ่งจื่อก้มหน้านิ่ง“ท่านแม่บอกให้ข้าไปนำของมาเพิ่ม”“ข้าได้เอ่ยชื่อเจ้าสักคำหรือ สาวใช้ก็มี ทำไมไม่ใช้เล่า” ฟ่านหลันรีบแก้ตัวคำพูดและท่าทางที่ต่างไปจากยามที่ฟ่านเฉิงเฉิงอยู่ทำให้หวงอิ่งจื่อทรุดตัวนั่งลงที่เดิม และก็เป็นสาวใช้ของแม่สามีที่เดินไปจัดการเรื่องเหล่านั้นแทน แต่ใช่ว่าจะทำได้ถูกใจ อย่างไรทุกอย่างตอนนี้ในตระกูลนางล้วนเป็นคนทำและดูแลทั้งหมด“อะไรกันอาหารนี่ทำไมไม่เห็นเหมือนจานก่อนหน้าเลย เจ้าไปหยิบอะไรมากันแน่” ฟ่านหลันตวาดใส่สายใช้ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตนเองหวงอิ่งจื่อถอนหายใจหนักก่อนจะบอกว่านางจะไปจัดการให้เอง แน่นอนว่าเรื่องผิดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มีขึ้นทุกวัน“ทั้ง ๆ ที่เจ้าบอกแล้วว่าไม่ควรลุกออกไปแต่นางก็ยั
บทที่8สถานการณ์ที่หลีซูเหยาออกรับแทนหวงอิ่งจื่อเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น ทั้งห้ามไม่ให้ท่านแม่ตำหนิและว่ากล่าวยามทำไม่ถูกใจ นางเอ่ยเรียกแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงว่า ท่านแม่ อย่างชัดเจนจนท่านย่ากระตุกขมวดคิ้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยว่าอะไรจึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น เหมือนทุกเรื่องที่คนในตระกูลนี้ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ“เรื่องแค่นี้ทำไมเจ้าไม่รู้” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อสารสำคัญที่แม่ทัพอีกหน่วยส่งมาให้เขาหายไป “ข้า...” หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะตอบเช่นไร เพราะวันนี้นางยังไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่คนที่นำเอกสารมาบอกว่านำมาให้กับฮูหยินของแม่ทัพฟ่านเรียบร้อยแล้ว“ท่านพี่อย่าว่ากล่าวพี่สาวเลยนะเจ้าค่ะ ลองถามดูกับคนอื่น ๆ บ้างทีคนที่นำสารสำคัญมาส่งอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่หลีซูเหยารู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่นางอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนทำใหญ่กว่าที่คิดเพราะนางอ่านหนังสือไม่ออกนางเป็นคนรับสารสำคัญนั่นมาเอง และตอนนี้มันก็ถูกเผาไปแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจที่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของหวงอิ่งจื่อ“ข้าจะออกไปข้างนอก” ทันทีที่ชายหนุ่มไปหลีซูเหยาก็เร่งเข้ามาแสดงท่าทางเป็นห
บทที่9“ท่านแม่ถึงอย่างไรหวงอิ่งจื่อก็เป็นภรรยาของลูก เดือนหน้าลูกจะต้องเดินทางไปชายแดนอีกแล้ว หวังว่าท่านแม่จะดูแลนางด้วย ที่จริงเรื่องต่าง ๆ หากไม่ได้นางช่วยก็จะวุ่นวายกว่านี้” ฟ่านเฉิงเฉิงตั้งใจจะให้มารดาของตนและภรรยาปรับความเข้าใจกัน ขนาดเขากลับมาอยู่ได้ไม่นานยังมองออก ท่าทางสองปีที่ผ่านมาคงมีเรื่องราววุ่นวายไม่น้อย แต่ยังไม่ทันจะพูดจบท่านแม่ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน“ให้ท่านย่าของลูกจัดการก็ได้นี่ หรือไม่ตอนนี้ก็มีซูเหยาแล้วให้นางช่วยก็คงไม่ยาก” ชายหนุ่มได้ฟังก็ถอนหายใจหนัก “ท่านแม่ ซู่เหยาแม้จะเป็นคนที่ลูกเคยพึงใจมาก่อน แต่ยามนี้เราทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ควรให้นางมาวุ่นวายเรื่องภายในจวน ส่วนท่านย่าก็ชรามากแล้ว ท่านใจดีกับนางหน่อยเถอะอย่างไรอิ่งจื่อเป็นคนที่ลูกเลือกจะแต่งด้วยแล้ว” คนเป็นแม่ทำหน้าไม่พอใจ “เจ้าเลือกจะแต่งรึ” ไม่ว่าเปล่ายังพูดออกมาเสียงดังจนคนที่กำลังยืนรอยู่ที่หน้าเรือนได้ยินกันหมด “หากบิดาของนางไม่ได้ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้แม้แต่ข้าวสักเม็ดแม่ก็ไม่แบ่งให้กิน!” ฟ่านเฉิงเฉิงพูดไม่ออก “เช่นนั้นลูกขอแล้วกันเพราะชีวิตลูกติดหนี้นางแล้ว ท่านแม่ก็ทำดีกับนางบ้างอย่าให้สาวใช
บทที่10ปัญหาที่ไม่ได้รับการเยี่ยวยา และการจะต้องห่างเหินกันอีกครั้งทำให้จิตใจของหวงอิ่งจื่ออยู่ไม่เป็นสุขแม้แต่น้อย ถึงยามนี้นางจะเป็นภรรยาแล้ว แต่ในสายตาของคนในตระกูลฟ่านนางเป็นเพียงแค่คนอาศัยอ้อมกอดที่ไม่ได้อบอุ่นอย่างที่เคยคิดยิ่งสร้างความรู้สึกลำบากใจให้กับหญิงสาว “หากถอนหายใจอีกครั้งข้าจะไปนอนที่อื่น” ท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่มที่ทอดวางผ่านเอวของหญิงสาวเอาไว้เพียงแผ่วเบาเคยทำให้หัวใจหวั่นไหววันนี้มันกลับทำให้ยิ่งเจ็บปวดเพราะตอนนี้หวงอิ่งจื่อแล้วว่าสิ่งที่ฟ่านเฉิงเฉิงกระทำต่อนางทั้งหมดเป็นเพียงแค่สิ่งที่ต้องทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น เพราะไม่เคยได้ใกล้ชิดบุรุษอื่นมาก่อนจึงหลงนึกว่าอีกฝ่ายอาจจะมีใจบ้าง ถึงแม้จะแต่งกันเพราะมีเงื่อนไขก็ตาม“จะไปไหน” ฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยถามภรรยาที่ทำท่าจะลุกออกจากเตียง“ข้าเพียงแค่รู้สึกไม่สบายตัว กลัวจะทำให้ท่านรำคาญ” หวงอิ่งจื่อยังไม่พูดจบ แต่แววตาของชายหนุ่มราวกับจะถามนางว่าแล้วอย่างไร “จึงคิดว่าจะไปนอนที่เตียงไม้ด้านหน้า” จบคำนั้นไม่ใช่แค่หญิงสาวที่ถอนหายใจ ฟ่านเฉิงเฉิงลุกขึ้นมาถอนหายใจยาวก่อนจะดึงอีกฝ่ายมาคุยกันให้รู้เรื่องหลายวันก่อนเขาคุยกับท่านแม่
บทที่11หวงอิ่งจื่อพร้อมกับทุกคนในตระกูลฟ่านกำลังยืนส่งฟ่านเฉิงเฉิง แต่เพียงแค่ม้าของชายหนุ่มลับสายตาไปแม่สามีก็ไล่ส่งนางให้กลับไปทำงานและจัดการเรื่องต่าง ๆ ของตระกูลในทันทีหวงอิ่งจื่อไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องเหล่านั้นอยู่แล้ว เพราะอย่างไรก็เป็นหน้าที่ ที่จริงฟ่านเฉิงเฉิงก็พูดถูกอยู่อย่าง ถึงอย่างไรนางก็เป็นภรรยาของเขา และแม้ว่าการจัดการปัญหาของชายหนุ่มจะทื่อ ๆ ไปบ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้นางต้องเสียหน้า เพียงแต่มารดาของอีกฝ่าย มองอย่างไรก็เกลียดขี้หน้านาง“ช่างเถอะ” คำที่หวงอิ่งจื่อบ่นออกมาทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างกายอย่างอู่เฟยมองอย่างสงสัย“พี่สาว ทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ให้ข้าช่วยดีหรือไม่” หวงอิ่งจื่อมองคนที่เดินเข้ามาถึงเรือนของนางอย่างแปลกใจ“ตรงนี้ไม่มีอะไรที่เจ้าช่วยได้หรอก” หวงอิ่งจื่อบอกออกไปตรง ๆ นางก็เพิ่งรู้ว่าหลีซูเหยานั้นก็คล้าย ๆ กับมารดาของฟ่านเฉิงเฉิง แม้จะเกิดเป็นคุณหนู แต่กลับเป็นพวกที่ไม่ใส่ใจในการอ่านเขียน มิเหมือนท่านย่าที่แตกฉานเรื่องนี้ส่วนคนธรรมดาอย่างหวงอิ่งจื่อแล้วต้องลำบากมากมายกว่าจะมีความรู้เท่าตอนนี้ “พี่สาวท่านดูถูกข้าหรือ ถึงข้าจะทำบัญชีไม่ได้ แต่
บทที่12หลีซูเหยาพยายามคิดหาหนทาง จากสิ่งที่รับรู้และเห็นมา แม้ว่าคนที่นี่ร่วมถึงท่านแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงดูจะไม่ค่อยพอใจหวงอิ่งจื่อ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนางมากนัก เหมือนกับต่างคนต่างอยู่มากกว่าแน่นอนว่าคนเราหากไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันก็คงจะต้องทำแบบนี้ แต่สำหรับนางแค่นั้นมันยังไม่พอ“คุณหนูข้าได้ยินว่ามีเรื่องที่เรือนของนายท่าน” สาวใช้คนสนิทเร่งเดินเข้ามา“ไม่มีอะไรหรอก ข้าคงเข้าไปยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง” คำพูดราวกับเรียกร้องความสนใจถูกส่งให้กับสาวใช้ทั้งสอง แน่นอนว่าหลีซูเหยารู้ว่าสาวใช้สองคนนี้ปากสว่าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางจะให้หญิงสาวทั้งสองไปกระจายข่าวให้“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” หลีซูเหยาแสร้งทำเป็นร้องไห้น้ำตาจวนเจียนจะไหลมิไหลแหล่ “ข้าก็แค่โดนพี่สาวตำหนิว่าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฟ่านไม่จำเป็นต้องไปช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ข้าหวังดีแท้ ๆ ข้าเห็นพี่สาวต้องเหนื่อยจัดการเรื่องต่าง ๆ คนเดียว ยามนี้พี่เฉิงเฉิงก็ไม่อยู่แล้วจึงคิดว่านางอาจจะต้องการให้ช่วย ไม่นึกว่าจะไปรบกวนนางเข้า” ท่าทางที่แสดงออกไปดูเหมือนจะได้ผลเมื่อสาวใช้ทั้งสองเป็นเดือดเป็นร้อนแทน“ฮูหยินเล็กพูดเช่นนั้นหรือเจ
บทที่12หลีซูเหยาพยายามคิดหาหนทาง จากสิ่งที่รับรู้และเห็นมา แม้ว่าคนที่นี่ร่วมถึงท่านแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงดูจะไม่ค่อยพอใจหวงอิ่งจื่อ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนางมากนัก เหมือนกับต่างคนต่างอยู่มากกว่าแน่นอนว่าคนเราหากไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันก็คงจะต้องทำแบบนี้ แต่สำหรับนางแค่นั้นมันยังไม่พอ“คุณหนูข้าได้ยินว่ามีเรื่องที่เรือนของนายท่าน” สาวใช้คนสนิทเร่งเดินเข้ามา“ไม่มีอะไรหรอก ข้าคงเข้าไปยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง” คำพูดราวกับเรียกร้องความสนใจถูกส่งให้กับสาวใช้ทั้งสอง แน่นอนว่าหลีซูเหยารู้ว่าสาวใช้สองคนนี้ปากสว่าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางจะให้หญิงสาวทั้งสองไปกระจายข่าวให้“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” หลีซูเหยาแสร้งทำเป็นร้องไห้น้ำตาจวนเจียนจะไหลมิไหลแหล่ “ข้าก็แค่โดนพี่สาวตำหนิว่าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฟ่านไม่จำเป็นต้องไปช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ข้าหวังดีแท้ ๆ ข้าเห็นพี่สาวต้องเหนื่อยจัดการเรื่องต่าง ๆ คนเดียว ยามนี้พี่เฉิงเฉิงก็ไม่อยู่แล้วจึงคิดว่านางอาจจะต้องการให้ช่วย ไม่นึกว่าจะไปรบกวนนางเข้า” ท่าทางที่แสดงออกไปดูเหมือนจะได้ผลเมื่อสาวใช้ทั้งสองเป็นเดือดเป็นร้อนแทน“ฮูหยินเล็กพูดเช่นนั้นหรือเจ
บทที่14“กว่าจะกลับมาได้ สรุปแล้วเป็นอะไรล่ะ” หวงอิ่งจื่อที่กำลังจะเข้าไปจัดการเรื่องต่าง ๆ เหมือนเคยหันมองไปยังแม่สามีที่นั่งอยู่ที่สวนกลางเรือน“เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้นเจ้าค่ะ”“เพราะอย่างนี้สินะถึงมีลูกไม่ได้ ร่างกายอ่อนแอหรือที่จริงไม่เคยได้ร่วมเตียงกับเฉิงเฉิงก็ไม่รู้” คำของแม่สามีทำให้หวงอิ่งจื่อไม่ต้องคิดมากอีกต่อไป หากนางบอกออกไปตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ เพราะฟ่านเฉิงเฉิงไม่อยู่ เอาไว้ใกล้คลอดเมื่อไรก็คงรู้เวลาตั้งครรภ์ที่แน่นอน อีกฝ่ายก็จะได้ว่าร้ายนางไม่ได้“ข้าขอตัวไปจัดการอาหารก่อนนะเจ้าค่ะ” หวงอิ่งจื่อไม่อยากต่อปากต่อคำกับมารดารของฟ่านเฉิงเฉิงอีกแล้ว นางจะต้องเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเพื่อรอวันที่เขากลับมาทั้ง ๆ ที่คิดเอาไว้อย่างนั้นแต่อยู่ดี ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวตั้งตัวแทบไม่ทัน“พี่สาวเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะเจ้าคะ” น้ำเสียงเย้ยหยันที่หวงอิ่งจื่อไม่ต้องการจะได้ยินดังขึ้น จนนางที่กำลังทำอาหารอยู่ต้องชะงักมือ“ถ้าเจ้าไม่อยากมาคุยกับข้าก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นพูดดีหรอก” ใบหน้าของหลีซูเหยาเปลี่ยนไปทันที่ที่ได้ยินคำนั้น “เดี๋ยวนี้พี่สาว
บทที่30ยามนี้คู่รักเมืองท่าอย่างแม่ทัพฟ่านเฉิงเฉิงและฮูหยินทำให้เหล่าชาวบ้านและทหารอิจฉาไปตาม ๆ กัน แต่เพราะอาหารที่นาน ๆ ที่หญิงสาวที่เคยเปิดร้านอาหารทำแจกคนในเมืองก็ทำให้ทุกคนร่วมยินดีไปกับความรักครั้งนี้ด้วย แม้ว่าจะยังอยากกินอาหารฝีมือหญิงสาวอยู่ก็ตาม“อิ่งจื่อตอนนี้ข้ามีแต่ตัวแล้วนะ เจ้าจะต้องเป็นคนดูแลข้า” ฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตลกเพราะทั้งชื่อบ้านและเงินต่าง ๆ ของเขา รวมถึงตั๋วเงินที่มีล้วนเป็นชื่อของหญิงสาวหมด นั่นก็เพราะเขาทั้งสองอยากเผื่อเอาไว้เพื่ออนาคตของเฉิงหย่ง และที่สำคัญท่านแม่ของเขาจะได้ไม่หวังเงินทองลาภยศอีกที่จริงเท่าที่มีอยู่ที่เมืองหลวงก็ไม่เรียกว่าน้อย ตระกูลฟ่านถือว่าได้ว่าเป็นกูลขุนนางฐานะปานกลาง ไม่รู้เป็นเพราะท่านแม่ละโมบไปหรือเปล่าถึงทำให้เรื่องราวดูวุ่นวายและในที่สุดเมื่อเฉิงหย่งเริ่มโตขึ้นอีกนิดและพูดจารู้เรื่องฟ่านเฉิงเฉิงและอิ่งจื่อก็จะบุตรชายไปหาท่านทวด แม้จะช้าไปแต่ทั้งสองคนก็มีคำอธิบายที่ชัดเจน อย่างไรการพาเด็กเล็กเดินทางทางเรือหากเกิดอะไรขึ้นคงลำบากอากาศชื้นอย่างไรก็ไม่ดีต่อเด็กน้อย“ท่านย่า ท่านแม่ ไม่ได้พบกันเสียนานนะเจ้าคะ” ท่านย่ายัง
บทที่29หลังจากวันนั้นกลายเป็นหวงอิ่งจื่อที่ยังทำหน้าหนาอยู่ที่บ้านของแม่ทัพต่อไป คำนั้นเป็นเพียงคำที่นางตำหนิตนเองในใจ นางไม่ได้พูดอะไรให้ชัดกับฟ่านเฉิงเฉิงนัก และอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรกับนางทั้งนางและเขาทำเหมือนกับว่านางและเขาอาศัยอยู่เช่นนี้ด้วยกันมานานแแล้ว หวงอิ่งจื่อเข้ามาช่วยดูเรื่องอาหารและค่าใช้จ่ายในบ้าน เพราะเขาส่งสมุดให้นางจัดการ นางก็ไม่ปฏิเสธบอกให้หาแม่นมมาเลี้ยงดูลูกนางก็ไม่ปฏิเสธ หรือแม้แต่นอนที่ห้องนอนเดียวกับเขา หวงอิ่งจื่อก็ไม่ปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่มันคือทุกอย่างที่ฟ่านเฉิงเฉิงหวังแต่เขากลับรู้สึกไม่ถูกต้องอย่างไรก็ไม่รู้ยามนี้เฉิงหย่งอยู่ในความดูแลของแม่นมถึงสองสามคน เพราะนี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของฟ่านเฉิงเฉิงมาโดยตลอด เขาอยากเลี้ยงดูลูกชายให้ดีที่สุด แต่ก่อนหน้านี้กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่างและเพราะอย่างนั้นจึงทำให้ฟ่านเฉิงเฉิงและหวงอิ่งจื่อได้มีเวลาของตน พวกเขากลับมานอนร่วมเตียงกันอย่างเงียบ ๆ แม้จะไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าเอื้อมมือกอดและโอบเอวเอาไว้หลวม ๆ แต่มันก็เกินฝันสำหรับเขาจริง ๆร้านอาหารของแม่นางหวงที่ปิดลงสร้างความวุ่นวายไม่น้อย แต่อาหารที่นางทำเลี้ยงเหล่าทหารหรื
บทที่28“พวกท่านว่าอย่างไรนะ” ใบหน้าของเสวี่ยลู่แสดงท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนทหารเหล่านั้นก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว“แม่นางหวง” ทุกคนตกใจ เพราะท่านแม่ทัพย้ำเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าครั้งนี้เจ้าตัวจะทำสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องไม่ให้ภรรยาได้รู้“เล่ามาให้หมด เล่ามาเดี๋ยวนี้!” ท่าทางสุขุมเงียบนิ่งที่ปกติทุกคนเคยได้เห็นจากแม่นางหวงเปลี่ยนไปในทันที จนทหารตรงนั้นที่เคยแม้กระทั่งพนันกันว่าแม่นางหวงไม่ได้มีใจให้ท่านแม่ทัพต้องเปลี่ยนใจ เพราะยามนี้นางตั้งสติไม่อยู่ด้วยซ้ำเรื่องราวตั้งแต่ต้นยันจบถูกเล่าให้กับหญิงสาวได้ฟังเพราะมีลูกน้องออกเรือไปช่วยชาวประมงที่เรือล่ม แน่นอนว่าช่วยกลับมาได้บ้าง แต่ก็มีบางส่วนที่ช่วยไม่ได้ และคาดว่าจะมีบางส่วนติดอยู่ที่เกาะเล็ก ๆ ด้วย แม่ทัพฟ่านจึงออกเรือไปช่วยค้นหาคนรอด แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวกลับมา นั่นคือสิ่งที่หวงอิ่งจื่อได้ฟัง“ที่จริงมีไต้ก๋งเรือหลายลำบอกให้ทำใจแล้ว แต่พวกเราก็ยังพยายามหากันอยู่“หวงอิ่งจื่อได้ฟังก็ทรุดตัวลง นางเอ่ยถามเสียงเครือ“แล้วทำไมไม่บอกข้า”ทหารทุกนายตรงนั้นปิดปากเงียบ “ท่านแม่ทัพแจ้งเอาไว้ว่าไม่ควรทำให้แม่นางหวงหนักใจ และหากเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ
บทที่27ฟ่านเฉิงเฉิงคิดว่าตนเองได้พูดสิ่งที่อยากพูดไปหมดแล้วจริง ๆ เป็นอิ่งจื่อต่างหากที่ยังคงไม่ไว้ใจเขาที่เหลือก็คงรอแค่เวลาเท่านั้นแล้ว“อิ่งจื่อ ข้ารู้ว่าทำให้เจ้าเจ็บปวดแต่เจ้าคิดบ้างไหมว่านี่เราก็เจ็บปวดกันทั้งคู่ หากเจ้าบอกว่าไม่คิดอะไรกับข้าเลยข้าไม่เชื่อหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยสิ่งที่คิด แต่ก็ใช่มันตรงกับความรู้สึกในใจของหญิงสาว“ข้ากลัว ข้าไม่อยากรู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว” ฟ่านเฉิงเฉิงเข้าใจแต่เขาไม่คิดว่าการทำเช่นนี้หญิงสาวทำอยู่ถูกต้อง “แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าและครอบครัวจะเป็นคนทำผิดกับเจ้าก็จริง แต่เจ้าเคยนึกบ้างไหมว่าเฉิงหย่งเขาไม่ผิด ทำไมถึงต้องรับผลกระทำของเรา ข้ายินดีจะแก้ไขทุกอย่างที่ทำให้เจ้ากังวล เช่นนั้นแล้วไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ” และคำตอบของหวงอิ่งจื่อคือการเดินจากไปฟ่านเฉิงเฉิงส่ายหน้าให้กับตนเอง เสื้อที่อีกฝ่ายยัดใส่มือเขาทำให้จิตใจชุ่มชื้นขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงแค่นั้นไม่มีอะไรเลย“ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว” ฟ่านเฉิงเฉิงเข้าไปลาอีกฝ่ายเขาคิดว่าตอนนี้เขาไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับหญิงสาวจริง ๆหวงอิ่งจื่อมองคนที่เดินจากไปด้วยจิตใจที่สั่นไหว นางเดินกลับไปดูลูกชาย ที่จริงนางเข้าใจทุกอย่
บทที่26หวงอิ่งจื่อคอยสังเกตุฟ่านเฉิงเฉิง อีกฝ่ายดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่ได้แสดงออกมากนัก และก็ยังคอยมาช่วยเหลือนางเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ดูเจ็บปวดบาดแผลแท้ ๆ“หากเจ็บก็พักบ้างเถอะ” ฟ่านเฉิงเฉิงส่ายหน้า “จะพักได้อย่างไร เจ้าต้องเหนื่อยทั้งทำงานทั้งเลี้ยงลูก ข้าช่วยอะไรได้บ้างก็อยากช่วย” และแม้ฟ่านเฉิงเฉิงอยากจะถามหญิงสาวว่าท่านย่าเขียนมาว่าอย่างไร แต่เขาก็ปิดปากเงียบเอาไว้“เลือดท่านออก” หวงอิ่งจื่อทักอีกฝ่ายเมื่อเห็นเสื้ออีกฝ่ายชุ่มไปด้วยเลือด “เดี๋ยวค่อยกลับไปทำแผลก็ได้”หญิงสาวถอนหายใจ ถึงนางจะไม่อยากให้อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ ทั้งเพราะไม่อยากให้ความหวังอีกคนและไม่อยากทำให้ตัวเองใจอ่อน แต่จะไล่คนที่เลือดชุ่มเช่นนั้นกลับไปโดยไม่ทำอะไรเลยคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก“ทำแผลที่นี่ก็ได้” แววตาของฟ่านเฉิงเฉิงเปลี่ยนเป็นสดใสจนหวงอิ่งจื่อรู้สึกว่านางเป็นคนโหดร้ายเสียอย่างนั้น“แต่ข้าไม่มีชุดเปลี่ยน” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงเบา“ข้ามี” ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวข้าจะทำแผลให้”ฟ่านเฉิงเฉิงอาบน้ำด้วยจิตใจที่ค่อนข้างสับสน เขารู้ว่าหวงอิ่งจื่อหนีเขามาและนางก็ไม่ได้เอาอะไรมามากนัก เพราะขนาดชุดหลายชุ
บทที่25ไม่นึกเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่ควรเป็นนางไม่ใช่หรืออย่างไรที่ร้องไห้คร่ำครวญที่ต้องตกระกำลำบากนานนับปี แต่ทำไมคนที่มีท่าทางเช่นนั้นกลับเป็นฟ่านเฉิงเฉิงไปได้“ฟ่านเฉิงเฉิง” หวงอิ่งจื่อเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียหนักใจ “ฟังข้าหน่อยเถอะ ถึงจะไม่อยากฟัง หากได้ฟังทั้งหมดแล้วยังไม่ยกโทษให้ก็บอกข้าหน่อยว่าข้าควรทำเช่นไร” เพราะสายตาที่เว้าวอนหวงอิ่งจื่อที่อุ้มลูกอยู่จึงพยักหน้าเบา ๆ“ข้าอาจจะไม่ใช่คนที่พูดจาชัดเจนนัก แต่ก่อนที่จะออกจากบ้านมาข้าได้คุยกับท่านแม่แล้ว ที่จริงข้าเองก็ไม่ได้กลับที่ตระกูลฟ่านเท่า ๆ กับเจ้า” คำนั้นทำให้หวงอิ่งจื่อตกใจ แต่เมื่อนึกว่าอีกฝ่ายอาจจะให้หลีซูเหยาจัดการเรื่องในจวนใบหน้าของหญิงสาวก็แอบบึ้งตึง“แล้วท่านย่าใครจะดูแล”“ท่านแม่เป็นสะใภ้หน้าที่ดูแลท่านย่าก็ควรเป็นของท่านแม่ตั้งแต่ตน ก่อนออกจากบ้านมาข้าคุยกับท่านแม่แล้ว นางเข้าใจผิดหลาย ๆ เรื่องแต่...”“บางเรื่องท่านแม่ก็เลือกที่จะเชื่อเช่นนั้นใช่หรือไม่” หวงอิ่งจื่อถามออกไปตรง ๆ บ้าง เพราะนางรู้ดีว่าที่จากมาส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแม่ของสามี“อิ่งจื่อ ข้ายอมใช้แซ่เจ้า เป็นหวงก็ได้ หากจะได้อ
บทที่24ในที่สุดวันที่แม่ทัพฟ่านเฉิงเฉิงต้องมาถึงเมืองท่าแห่งนี้ก็มาถึงเพียงแต่คนที่ร่วมขบวนนั้นกลับเป็นคนที่หลาย ๆ คนในเมืองท่าแห่งนี้รู้จักดีแล้วเหล่าทหารต่างร้องโอดครวญกันมากมายเพราะหลายคนนินทาเรื่องแม่ทัพฟ่านกับเจ้าตัวไปเลยด้วยซ้ำ“ท่านแม่ทัพข้าผิดไปแล้ว” ฟ่านเฉิงเฉิงหัวเราะน้อย ๆ “ข้าได้บอกว่าจะเอาโทษเจ้าหรือไม่เล่า แค่เลี้ยงอาหารร้านแม่นางหวงก็เพียงพอแล้ว”ท่าทางของชายหนุ่มที่ไม่เหมือนกับข่าวลือทำให้หลาย ๆ คนที่เริ่มสนิทกับคุณชายแปลกหน้าที่ยามนี้กลายเป็นแม่ทัพแห่งแคว้นอดไม่ได้ที่จะถามไปตรง ๆ“ท่านแม่ทัพข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะมาร่วมโต๊ะกับพวกเราเช่นนี้ เมื่อก่อนเคยได้ข่าวว่าท่านค่อนข้างที่จะ...” ฟ่านเฉิงเฉิงยกยิ้ม “เพราะข้าหาคนที่ข้าต้องการจะหาเจอแล้ว” เรื่องของเขาไม่ได้เป็นเรื่องที่ปกปิดใครก็รู้ว่าเขากำลังตามหาภรรยาที่หนีไปหลายคนบอกว่าเขาพาสาวงามเข้าตระกูล จนภรรยาทนไม่ได้จึงได้หนีไป บ้างก็บอกว่าภรรยาของเขาหนีไปกับชู้ แน่นอนว่าเรื่องไม่ดีเช่นนั้นคงมาจากหลีซูเหยาเป็นแน่แต่เพราะเหตุนั้นจึงทำให้ทุกคนรู้เรื่องส่วนตัวของเขา และเขาก็ไม่คิดจะปิดเพราะอย่างน้อยมันอาจจะทำให้เขาหาภรรยาเจ
บทที่23ดวงตาของหวงอิ่งจื่อที่มองเลยมาเห็นเข้ากับชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็เบิกตาโต “วางเอาไว้ตรงนั้นได้เลยเจ้าค่ะ” นางทำเป็นไม่สนใจสายตาอาวรที่มองมาทุกอย่างในร้านยังคงเป็นไปแบบเดิม ฟ่านเฉิงเฉิงเดินไปหยิบของเหมือนกับคนอื่นตามคำแนะนำของชายกลางคนที่เขาเพิ่งรู้ว่าชื่อลุงเฉิน ชายหนุ่มเลี้ยงจนลุงเฉินบอกว่าตนเองกินไม่ได้อีกต่อไป และเมื่อเขาเห็นว่าเหล่าทหารที่มีคำนินทาถึงแม่ทัพที่กำลังจะเดินทางมาเดินไปล้างจานช่วยหญิงสาวเก็บโต๊ะเขาก็ทำตาม จนเมื่อทุกคนเดินออกไปแล้วนั่นแหละเขาถึงได้หยิบเอาปิ่นที่พกติดตัวตลอดออกมา“อิ่งจื่อ” ชายหนุ่มเอ่ยทักอย่างไม่ปิดบัง เพราะเขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายจำได้ว่าเขาเป็นใคร “ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ” ใบหน้าที่เอ่ยคำเหล่านั้นออกมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าไปแม้แต่น้อยทำให้ชายหนุ่มที่มองกังวล“ข้าเอาของมาคืน” ฟ่านเฉิงเฉิงไม่รู้จะพูดอะไร มีหลายอย่างที่เขาอยากเอ่ยกับหญิงสาว แต่พอเจอเข้าจริง ๆ กลับนึกไม่ออกเสียอย่างนั้น“ข้าคงรับคืนไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ นี่คงถือได้ว่าเป็นสินสอดของหมั้น ข้าน้อยเป็นฝ่ายเดินออกมาจากตระกูลฟ่าน ของที่ตระกูลฟ่านมอบให้คงไม่กล้าเก็บเอาไว้” ฟ่านเฉิงเฉิงกำมือแน่น“นี
บทที่22หวงอิ่งจื่อแทบจะทำอะไรไม่ถูกหลังจากนั้น มือไม่แทบจะประคองตะหลิวเอาไว้ไม่อยู่ โชคดีที่แต่ละโต๊ะที่เข้ามาตอนนี้ได้รับอาหารกันไปหมดแล้ว วันนี้นางไม่มีสมาธิจริง ๆ จากเรื่องที่ได้ยิน แต่เหล่าทหารและไต้ก๋งเรือที่มาแวะกินอาหารประจำก็เข้าใจหญิงสาวที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังนั้น ทำได้เท่าที่หวงอิ่งจื่อทำทุกคนก็ชื่นชมนางจะแย่อยู่แล้ว“พวกข้าช่วยล้างจานไหมแม่นางหวง” เหล่าทหารต่างอาสาเพราะหลายครั้งนางก็ทั้งลดราคาและให้มาจ่ายหลังจากเบี้ยหวัดออก ราวกับว่านี่คือบ้านอีกหลังสำหรับทหารที่ต้องใช้ชีวิตในสถานที่ที่ค่อนข้างอยู่ได้ยากแห่งนี้ที่นี่ไม่มีค่ายทหาร เพราะส่วนมากก็นอนกันบนเรือ แต่การทำเช่นนั้นก็ลำบากหลายอย่าง แต่เพราะต้องออกเรือทันทีที่เกิดเรื่อง อาหารในเรือก็มีให้ตามสมควร แต่ก็ต้องยอมรับว่าการได้กินอาหารฝีมือแม่นางหวงที่เหมือนกับคนเมืองหลวงมันทำให้พวกเขาหายคิดถึงบ้านและเรื่องเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกันกับพวกไต้ก๋งเรือนที่ต้องออกไปหาปลาหรือขนส่งสินค้าร้านของหวงอิ่งจื่อจึงโด่งดังมากที่นี่ แม้ว่าจะต้องจัดการเองหลายอย่างเพราะหญิงสาวต้องดูแลบุตรของตนก็ตาม แต่สิ่งที่ได้ก็เรียกว่าคุ้ม“พรุ่งนี้พ