เฉินหลี่หมิงบังเอิญเดินผ่านเรือนหลังเล็กที่เขาเคยให้จงเพ่ยอิงอยู่ เมื่อเดินถึงหน้าเรือนเขาเห็นใบไม้ร่วงหล่นที่หน้าเรือนเต็มไปหมด มองไปที่ชิงช้าที่เขาเคยเห็นนางเคยนั่งเล่นตอนบ่ายๆ ดอกไม้ที่นางปลูกเมื่อมาอยู่ที่เรือนนี้ใหม่ๆเริ่มเหี่ยวเฉาเพราะเจ้าของมันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มองเข้าไปในเรือนเงียบเชียบ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเคลื่อนไหวในนั้น เขารู้สึกแปลบๆในใจเล็กน้อย จึงเปิดประตูเรือนก้าวเข้าไปภายในเรือนนั้น นับเป็นครั้งที่สองตั้งแต่เพ่ยอิงเข้ามาอยู่ที่เรือนนี้ที่เขาเหยียบย่างเข้ามา ในเรือนเงียบเชียบทุกอย่างที่เคยเห็นนางตั้งวางไว้ ทุกอย่างที่ดูจะเป็นของนางไม่มีหลงเหลือแม้เพียงชิ้นเดียว ในเรือนเหลือแต่งเครื่องตกแต่งดั้งเดิมของเรือนเท่านั้น หลี่หมิงเดินเข้าไปเรื่อยๆมองโต๊ะกลางห้องที่ว่างเปล่า มีแจกันที่มีดอกไม้ปักแห้งๆร่วงหล่นอยู่บนโต๊ะ รวมถึงแจกันรอบๆในเรือนและในห้องก็มีแต่ดอกไม้ที่แห้งๆปักคาอยู่เท่านั้น ฝุ่นเริ่มจับบางๆไปตามเครื่องเรือนที่ตั้งอยู่ไม่กี่ชิ้น เขาเดินเรื่อยไปจนเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของนาง เห็นทุกอย่างว่างเปล่าเหมือนข้างนอก นางไม่แม้จะทิ้งอะไรที่แสดงให้เห็นว่านางเคยอยู่ที่น
จงเพ่ยอิงเมื่อตอนนี้หักใจได้แล้ว รู้สึกเป็นอิสระเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองออกจาก บ่วงที่นางร้อยรัดตัวเองไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นนางจะไม่โทษใครนอกจากตัวเอง เพราะเฉินลี่หมิงไม่ผิดอะไร เขาไม่ได้รักนางแต่แรกอยู่แล้วมีแต่นางที่คิดเองฝ่ายเดียวและกระทำทุกอย่างเพื่อจะได้แต่งงานกับเขา จนต้องบีบบังคับด้วยสมรสพระราชทานขณะเดินเล่นชมข้าวของที่ตลาด นางไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเช่นนี้นานแล้ว มัวเมากับผู้ชายที่ไม่เห็นค่าตัวเอง ทำทุกอย่างให้เขา เขายังไม่สนใจ มัวแต่ทำเพื่อให้คนอื่นรักจนหลงลืมรักตัวเองและคนในครอบครัว นางแวะชมข้าวของทุกอย่างด้วยความสบายใจ ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ แล้วให้บ่าวเอาไปเก็บที่รถม้า เดินสักครู่ก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง“เพ่ยเอ๋อ ไม่ได้เจอกันเสียนาน เจ้าดูหน้าตาสดใสขึ้นเยอะเลยนะ” เสียงทุ้มทักขึ้น เพ่ยอิงเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าคร้ามคม หล่อเหลาที่คุ้นเคย " อาเหวิน ไม่ได้เสียเจอนาน กลับจากชายแดนแล้วเหรอ "เพ่ยอิงดีใจที่ได้เจอสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน เพราะ ไปรบที่ชายแดนนานหลายปี " กลับมาแล้ว รบชนะด้วยคงจะเลื่อนขั้นเร็วนี้" ตงเหวินตอบ เพ่ยอิงยิ้มยินดีกับสหาย "เพ่ยเอ๋อไปกินข้าวที่ภัตตาคารข้างห
หลายวันต่อมา มีราชโองการมาที่จวนเฉินมอบให้เฉินหลี่หมิง เนื้อความในนั้นแจ้งว่าท่านแม่ทัพตงเหวินไปรบที่ชายแดนชนะศัตรูที่รุกรานเมื่อใกล้ๆชายแดนมาเป็นระยะเวลาหลายปี มีความดีความชอบเป็นอย่างมากและได้ขอพระราชทานราชโองการหย่าร้าง ให้กับเฉินหลี่หมิงขุนนางระดับสาม กับจงเพ่ยอิง จากนี้ทั้งสองจบสิ้นความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากันนับจากนี้ เมื่ออ่านราชโองการจบขันทีก็ขอตัวลากลับไป เฉินหลี่หมิที่รับราชโองการแล้วนั้น ก็ครุ่นคิดว่าเมื่อยามนางรักเขา ก็ขอราชโองการเพื่อตบแต่งกับเขาแต่เมื่ออยากจะเลิกรากับเขาก็ขอราชโองการเพื่อหย่าร้างกับเขาอีก โดยไม่ได้ถามเขาเลยสักนิดว่าอยากจะหย่ากับนางหรือเปล่า แล้วอีกอย่างคนที่ขอพระราชทานราชโองการนี้ เป็นใครกันทำไมจึงใช้ความดีความชอบ ใหญ่หลวงนี้ขอพระราชทานการหย่าให้กับนางแสดงว่านางมีความสำคัญต่อแม่ทัพคนนี้มาก ความดีความชอบใหญ่หลวงเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นคงจะขอทรัพย์สินเงินทอง หรือจวนขนาดใหญ่ได้เลยด้วยซ้ำเขาจะต้องสืบรู้ให้ได้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร เฉินหลี่หมิงคิดโดยลืมไปว่าเค้าได้หย่าขาดจากนางแล้ว ตอนนี้นางเป็นอิสระจะคบหากับใครก็ได้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรก
สายๆ วันต่อมา แม่ทัพตงเหวินมาจวนท่านเสนาบดีจง “คารวะท่านอาขอรับไม่ได้พบกันนานเลย หลานไปรบที่ชายแดนหลายปี เมื่อรบชนะจึงกลับมา เลยนำของกำนันมาคารวะท่านด้วยขอรับ ท่านเสนาบดีจงขอบใจตบไหล่แม่ทัพตงเบาๆ" ไม่ต้องมากพิธีหรอกคนกันเองทั้งนั้น อามีเรื่องจะขอบใจเจ้าเหมือนกันที่ขอราชโองการหย่าร้างให้กับเพยเอ๋อ อาอยากให้นางหลุดพ้นจากความทุกข์ ให้สิ้นสุดกับเจ้าหมอนั่นให้เด็ดขาด กำลังคิดจะหาหนทางขอพระราชทานราชโองการหย่าให้เพยเอ๋ออย่างไรดีอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเมื่อไม่นานนี้เพิ่งขอราชโองการแต่งงานนางกับเจ้าหมอนนั่นไป หากไม่มีความดีความชอบใหญ่แล้วมันจะไม่สมควรที่จะไปขอพระราชทานราชโองการหย่าอีก เมื่อเจ้าทำได้สำเร็จ อาก็ขอบใจเจ้ามาก " แม่ทัพตงมีท่าทีขัดเขินเล็กน้อยบอกกับท่านเสนาบดีจงว่า “ ที่หลานขอราชโองการหย่าร้างให้เพ่ยเอ๋อ เพราะหลานเองก็ต้องการทำให้ตัวเองด้วยเช่นกันขอรับ เพราะหลานเองก็รักเพ่ยเอ๋อมานานแล้ว เพียงแต่ติดพันการรบอยู่ก็เลยไม่มีเวลาที่จะมาผูกสัมพันธ์กับนางให้จริงจัง ทำให้นางไปชอบพอคนอื่น แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วหลานใช้โอกาสนี้เพื่อเกี้ยวนางมาเป็นภรรยาของหลานให้ได้ ให้โอกา
มือหนาเข้าขยำเนินอวบเบาๆ แล้วสอดนิ้วหนาเข้าไปในช่องทางรัก ค่อยๆจนสุดปลายนิ้ว แล้วขยับเข้าออกช้าๆ จนสะโพกอวบส่ายไปมาอย่างร่านร้อน เสียงหวานครวญครางขึ้นเบาๆ มือหนาขยับเข้าออกแรงๆ เร่งความเร็วขึ้นจนร่างอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปในที่สุด แม่ทัพตงเหวินลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกช้าๆ ระหว่างนั้นมองดวงตาหยาดเยิ้มนั้นอย่างเสน่หา ลำกายแกร่งแข็งชันขึ้นมาทันที จากนั้นลดตัวลงคล่อมรางอวบ และสอดลำกายเข้าไปในร่องสวยช้าๆ จนสุดลำกายแกร่ง จากนั้นขยับเข้าสุดออกสุด เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจน “อ๊าย อ๊ะอ๊ะ อาเหวิน อาเหวิน ข้าไม่ไหวแล้ว ”ร่างบางกระตุกเกร็งเสร็จสมไปอีกครั้ง จากนั้นร่างหนาขยับโยกบั้นเอวหมุนคว้าน และเร่งตอกลำกายอย่างแรง กระแทกกายแกร่งเข้าออกจนร่างบางกรีดร้องสุดเสียงอย่างซาบซ่าน“เรียกข้าว่าท่านพี่ ตอนนี้ข้าเป็นผัวของเจ้าแล้ว โอ้วววว โอ้วววว โอ้วววว เมียจ๋า ผัวไม่ไหวแล้ว ” จากนั้นทั้งสองร้องครวญครางผสานกันดังก้อง จนกระตุกเกร็งเสร็จสมไปพร้อมกัน ร่างหนาปลดปล่อยน้ำรักอุ่นเข้าไปในร่องอวบของนางจนหมดทุกหยาดหยด ช่วงสายวันต่อมา แม่ทัพตงเหวินพาเพ่ยอิงไปเดินชมข้าวของที่ตลาดด้วยกันสองคน เมื่อไปถ
หลายวันต่อมา ท่านแม่ทัพตงเหวิน เข้ามาขออนุญาติพาเพ่ยอิงไปงานฉลองตำแหน่งแม่ทัพใหม่ที่เขาได้รับปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพ จากเดิมเขาเป็นรองแม่ทัพ ท่านพ่อของเขาเป็นแม่ทัพ จากการรบชนะหลายครั้งติดกันทำให้ได้เลื่อนชั้นยศเร็วขึ้น เป็นแม่ทัพที่อายุยังน้อย ท่านเสนาบดีจงอนุญาติ ช่วงนี้เขาเห็นใบหน้าหวานของบุตรีสดใสเห็นทั้งสองคนเมื่อมาอยู่ที่จวนเสนาบดี ต่างพลอดรักกันหวานชื่น ดูแล้วคราวนี้บุตรสาวของเขาคงจะสมหวังในความรักเสียที ทางด้านใช่ใช่ ดีใจกับคุณหนูที่ได้พบคนที่รักและต้องการคุณหนูมากๆ อย่างแท้จริง เมื่อก่อนใช่ใช่าพลอยเจ็บปวดใจไปกับคุณหนูเมื่อครั้งยังอยู่ในจวนเฉิน คราวนี้หากตบแต่งอีกครั้ง จะได้เป็นฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพ สามีเป็นแม่ทัพตำแหน่งใหญ่โตกว่าอดีตสามีคนเดิมด้วยซ้ำไป เมื่อเพ่ยเอ๋อรู้ว่าแม่ทัพตงเข้ามาขออนุญาติท่านพ่อให้นางไปงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งแม่ทัพของเขาในวังหลวงแล้ว จึงเริ่มเตรียมชุุดไปงานเลี้ยงนี้ นางไปสั่งตัดชุด เลือกผ้าและออกแบบชุดด้วยตัวเองตั้งใจทำมันเปิดพิเศษ เพื่ออยากให้เขาแปลกใจเมื่อเห็นนางในชุดนี้ครั้งแรก นางตื่นเต้นแทนเขาที่จะได้ตำแหน่งใหม่ สมความพยายามตลอดหลายปีของเขา เ
ฝ่ายแม่ทัพตงเหวินจูงมือจงเพ่ยอิง เดินเข้าไปนั่งประจำที่ตำแหน่งของเขาที่ในงานจัดไว้ให้ เขานั่งเคียงข้างนางดูเหมาะสมกันมาก เมื่อแขกทั้งงานเห็นดังนั้น ต่างนึกว่าท่านแม่ทัพน่าจะประกาศกลายๆว่าจะตบแต่งจงเพ่ยอิงแน่นอนแล้ว ถ้าอย่างนั้นจะไม่กล้าจับจูงมือกัน และนั่งเคียงข้างกันในที่นั่งประจำตำแหน่งของท่านแม่ทัพตงหยวน ฝ่ายบิดาท่านแม่ทัพตงฮั่ว และฮูหยินใหญ่เหม่ยเซียง ได้มองบุตรชายตัวเองจับจูงมือ จงเพ่ยอิงเดินเข้ามานั่งประจำที่นั้น ฝ่ายท่านแม่ทัพตงฮั่วมีความเอ็นดูเพ่ยอิงมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ฮูหยินใหญ่เหม่ยเซียง แม้จะเอ็นดูนางอยู่บ้างเพราะเคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่มีตำหนิในตัวของนางก็คือผ่านการแต่งงานมาแล้ว เป็นแม่หม้ายจะคู่ควรกับแม่ทัพอนาคตไกลอย่างตงเหวินได้อย่างไร เรื่องนี้ทำนางขุ่นใจเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา ได้แต่เฝ้ามองทั้งสองเงียบๆ เพื่อดูว่าแม่ทัพตงเหวินบุตรชายแสดงท่าทีกับจงเพ่ยอิงอย่างไรบ้าง ในงานนี้นอกจากแขกเหรื่อกังขาในความสัมพันธ์ของท่านแม่ทัพตงเหวินและจงเพ่ยอิง ยังมีฟางถิงถิงอีกหนึ่งคน ซึ่งนางถือเป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝ่ายมารดาของแม่ทัพตงเหวิน ซึ่งฮูหยินใหญ่เหม่
สองวันต่อมา ฟางถิงถิงไปจวนเสนาบดีจง เพื่อขอพบจงเพ่ยอิง เมื่อนางไปถึงบ่าวให้นางไปรอที่ศาลาริมสระบัว เมื่อนางไปนั่งรอได้สักพักใหญ่ จงเพ่ยอิงก็เดินมาพร้อมกับสาวใช้ของนาง เมื่อเดินมาถึงทรุดนั่ง แล้วสอบถามว่า ฟางถิงถิงมีธุระอะไรกับนาง ถึงได้มาขอพบถึงจวนเช่นนี้ฟางถิงถิงกล่าวว่า" ที่ต้องมาขอพบเจ้าในวันนี้เพราะว่า ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับท่านพี่ตงเหวินจะตบแต่งกันเร็วๆนี้ ข้าจึงมาพบเจ้าเพื่อจะบอกเจ้าว่า ข้าเป็นหญิงที่ฮูหยินเหม่ยเซียงต้องการให้มาเป็นลูกสะใภ้ นางบอกกับข้าเมื่อหลายปีมาแล้วให้เตรียมตัวตบแต่งกับท่านพี่ตงเหวิน ข้าเฝ้ารอท่านพี่ที่ไปออกรบที่ชายแดนมาหลายปี ข้าเตรียมตัวทุกอย่าง เรียนทุกอย่างที่สตรีต้องทำก็เพื่อจะเป็นฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพแต่เจ้าเป็นใครกัน แถมยังเป็นแม่หม้าย จะมาคู่ควรกับท่านพี่ที่เป็นแม่ทัพที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกลได้อย่างไร เจ้าไม่คิดว่าเจ้าไม่คู่ควรหรอกหรือ “ เพ่ยอิงได้ยินนางพูดก็เข้าใจถึงหัวอกของนาง แต่เรื่องนี้นั้นต้องให้ฝ่ายชายเป็นคนตัดสินใจ ” ข้าเข้าใจหัวอกของเจ้านะ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ขอให้เจ้าไปสอบถามที่จวนแม่ทัพจะดีกว่า ข้าไม่ใช่ผู้ตัดสินใจเจ้าก็รู้ว่าเรื่องเช่นนี้หากผ
จวนเฉินหลี่หมิง เขามักจะชอบไปนั่งเล่นที่เรือนเล็กที่เคยเป็นของเพ่ยอิง เขามักจะเหม่อมองและเห็นไปว่าในเรือนเล็กนั้นมีร่างของนางเดินไปมาทำกิจวัตรประจำวันอยู่ บางครั้งก็เห็นบ่าวของนางเดินไปมาในนั้นอยู่ไหวเมื่อมองจากที่ไกล ๆ หรือไม่ เขามองมาก็มักจะเห็นเพ่ยอิงนั่งอยู่ที่ชิงช้าและไกวมันเล่นช้าๆ บางครั้งเห็นนางรดน้ำต้นไม้หรือถอนหญ้าหน้าเรือนของนาง บางครั้งเขานอนหลับก็ฝันไปว่านางทำอาหารและขนมมาให้เขารับประทานเช่นที่นางเคยทำ ในฝันนั้นเขารับมันเอาไว้อย่างเต็มใจ โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนและหอมแก้มนางอย่างรักใคร่ เขาพานางไปนั่งที่โต๊ะกลมในห้องโถงกลางของเรือนเขา แล้วชิมอาหารหรือขนมของนางอย่างเอร็ดอร่อย นางหยิบมันป้อนให้เขา ทั้งสองนั่งหยอกเย้ากัน พลอดรักกันอย่างมีความสุข บางครั้งเขาก็ฝันถึงวันที่เขาบรรเลงเพลงรักกับนางอย่างเร่าร้อน รุนแรง ในฝันนั้นเขามีความสุขมากเหลือเกิด เมื่อจบเพลงรักนั้นเขาโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแล้วผล็อยหลับไปด้วยกัน เขายิ้มมุมปากอย่างมีความสุขเหลือเกิน หากเขาไปทำงานในตอนเช้านางจะมาส่งเขาขึ้นรถม้าและนางมักจะห่ออาหารหรือขนมที่นางทำเองส่งให้เขาเพื่อนำไปกินที่ทำงาน แล
ท่านแม่ทัพตงเหวินเดินเป็นเสือติดจั่นที่หน้าเรือนตัวเอง สลับกับพ่อตาท่านเสนาบดีจง ผลัดกันเดินสลับไปมาจนกระทั่งท่านแม่ทัพตงฮั่วกับฮูหยินใหญ่ทนไม่ไหว “โอ้ย จะเดินไปมาทำไมกันข้าเวียนหัวจะตายแล้ว ใช่ใช่เอายามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ข้าไม่ไหวแล้ว ”ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว เพราะเฝ้ามองทั้งสองคนเดินสวนสนามกันไปมาได้สักพักใหญ่แล้ว เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของเพ่ยอิงดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้ทั้งหมดขะเง้อคอมองเข้าไปในห้องแม้จะไม่มีใครเห็นอะไรก็ตาม ก็ยังจะชะเง้อกันเป็นระยะถ้าได้ยินเสียงอะไรดังขึ้น สักพักแม่นมลู่วิ่งออกมารายงานใกล้แล้วเจ้าค่ะ อีกสักครู่ก็น่าจะได้เห็นคุณหนูตัวน้อยๆแล้ว ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันดีใจสุดๆ จากนั้นแม่นมลู่ก็กลับเข้าไปในเรือนอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของเพ่ยอิงดังขึ้นกว่าเดิมจนทุกคนตะลึง จากนั้นก็มีเสียงทารกร้องแว่วๆออกมา ทุกคนพากันโห่ร้องขึ้นมาแม้แต่บ่าวไพร่ก็ร่วมขบวนนี้ด้วย จากนั้นแม่นมลู่ก็ออกมาอีกครั้ง “ ได้คุณหนูแฝดเจ้าค่ะ ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งคน ”สิ้นเสียงแม่นมลู่ เสียงโห่ร้องดีใจประสานกันอีกครั้ง หน้าท่านแม่ทัพตงเหวินบานยิ่งกว่าจานเชิง ส่วนพ่อตาเสนาบดีจงก็บานแข่งกัน พากันวิ่งแ
เมื่อท่านแม่ทัพตงเหวินและฮูหยินน้อยมาถึงห้องโถงกลาง พบว่าทุกคนนั่งรออยู่บนเก้าอี้มุกรอบๆหลายๆคน มีทั้งท่านแม่ทัพตงฮั่วและฮูหยินใหญ่ ข้างมีบิดามารดาของฟางถิงถิงซึ่งเป็นญาติผู้น้องของฮูหยินเหม่ยเซียง ถัดมาเป็นบิดามารดาของรองแม่ทัพซีห้าวเมื่อเดินไปถึงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ทั้งสองสามีภรรยาก็นั่งลงข้างกัน ทั้งสองมองที่บนพื้นตรงหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่กับฮูหยินมี รองแม่ทัพซีห้าว และฟางถิงถิงนั่งอยู่ข้างกัน “ เมื่อมาครบกันแล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไร เจ้าลองเล่ามา ใครจะพูดก่อน ” เสียงท่านแม่ทัพใหญ่ดังขึ้นวันนี้เสียงค่อนข้างจะเกรี้ยวกราดผิดจากทุกวันเพ่ยอิงมองไปที่คู่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง แม่ทัพซีห้าวเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่าเขามาเยี่ยมท่านแม่ทัพตงเหวินแล้วเข้าไปในห้องหนังสือที่ปกติเขาเข้าไปพบปะกันที่นั่นเป็นประจำ วันนี้เข้าไปไม่พบท่านแม่ทัพ แต่มีถ้วยน้ำแกงวางอยู่เขารู้สึกระหายก็เลยยกขึ้นดื่มจนหมดถ้วย จากนั้นเขารู้สึกร้อนรุ่มเกิดอารมณ์กำหนัดอย่างรุนแรงเขาเป็นทหารที่เคยฝึกเกี่ยวกับเรื่องพิษมาก่อนจึงรู้ว่าใช่อาการของยาปลุกกำหนัดแต่มันเป็นชนิดรุนแรงมาต้องใช้ยาแก้ทันทีหรือไม่ก็ต้องเสพสมกับสตรีในทันทีเช่นกันไม่อ
เพ่ยเอ๋อลงจากรถม้าหน้าจวนแม่ทัพพร้อมใช่ใช่ บ่าวหน้าจวนดูลุกลี้ลุกลนชอบกล ชักช้าเหมือนถ่วงเวลา จากนั้นรีบไปเรียนฮูหยินใหญ่ว่าฮูหยินน้อยมาแล้ว ใช่ใช่เห็นความผิดปกติของบ่าวหน้าจวนสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน "ฮูหยินน้อยรีบเข้าไปหาท่านแม่ทัพในจวนเถิดเจ้าค่ะ ใช้ใช่สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องกับท่านแม่ทัพ ไปเจ้าค่ะ"ใช่ใช่ รีบฉุดมือฮูหยินน้อยวิ่งไปโดยเร็ว เมื่อไปถึงหน้าเรือนที่พำนักกับสามี เมื่อแม่ทัพตงได้ยินเสียงเมียก็รีบส่งเสียงเรียก" เพ่ยเอ๋อรีบเข้ามาช่วยพี่เร็วๆ" เพ่ยอิงตรงเข้าไปหลังฉากกั้นที่มีถังอาบน้ำขนาดใหญ่ที่แช่ได้ครั้งละสามคน เห็นแม่ทัพตงเหวินถอดเสื้อผ้าแช่ตัวอยู่ ใบหน้าขึ้นสีแดงแปลกๆดวงตาแดงก่ำ จึงรีบตรงไปหา “ท่านพี่เป็นอะไร” แม่ทัพตงร้องเสียงดัง “ถอดเสื้อผ้าเจ้าเดียวนี้ แล้วรีบลงมาในอ่างพี่ถูกยาปลุกกำหนัดเร็วๆเข้า” เพ่ยเอ๋อรีบถอดเสื้อจนหมดก้าวลงไปในอ่างทันทีพร้อมขึ้นคร่อมสามี แม่ทัพตงประกบจูบเมียรัก ไล้เลียผลอิงเถาสีแดงเล็กน้อย ก่อนค่อยๆขยับลำกายแกร่งเข้าสอดใส่จนสุดลำกาย แล้วขยับโยกช้าๆ เพ่ยอิงยกสะโพกกระแทกลงมาจนร่องอวบกลืนกินท่อนแกร่งของสามีจนมิดลำกาย ยกสะโพกขึ้นลงข
ฟางถิงถิงอึ้งงันไป "หลานจะขอให้ท่านป้าช่วยหลานเรื่องหนึ่งจะได้หรือไม่เจ้าคะ " ฮูหยินใหญ่เงยหน้ามองหลานสาว "จะให้ป้าช่วยอะไร " ถิงถิงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่หูของท่านป้า เมื่อได้ฟังเรื่องราวจบลงแล้วนั้น นางเอามือทาบอก ทำหน้าตกใจกึ่งประหลาดใจในแผนการณ์ของถิงถิง" เจ้าจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้จริงหรือ หากว่ามีอะไรผิดพลาดเจ้าจะอับอายมากนะ จะแต่งให้ใครอื่นอีกจะได้หรือ " ถิงถิง จับมือท่านป้าอ้อนวอนน้ำตาคลอ หลานรักปักใจเพียงท่านพี่มามาเนิ่นนานแล้ว แม้หลานจะรู้ว่าท่านพี่ไม่มีใจให้หลาน แต่หลานไม่มีวิธีการใดอีกที่หลานจะสมหวังกับท่านพี่ จึงต้องทำเช่นนี้ ขอท่านป้าได้โปรดเห็นใจหลานด้วยเจ้าค่ะ" ฮูหยินใหผ่นิ่งงันไปครู่ใหญ่ มองใบหน้านองน้ำตาอย่างเห็นใจ " เอาละป้าจะช่วยเจ้าอีกครั้งหนึ่ง หากสำเร็จเจ้าก็จะสมหวัง ตงเหวินคงต้องรับผิดชอบเจ้า ป้าก็คิดว่าหากจะทำทางอื่นคงไม่สำเร็จเพราะตงเหวินไม่ยินยอมรับใครมาเป็นเมียรองอย่างแน่นอนๆ ถิงถิงเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กๆ"เจ้าค่ะ" หลายวันผ่านไป วันนั้นเพ่ยอิงกลับจวนไปเยี่ยมท่านเสนาบดีจง เมื่อฮูหยินใหญ่และถิงถิงเห็นเป็นโอกาสที่เฝ้ารอกันมาหลายๆวัน อีกทั้งท่านแม่ทัพตงฮั
สายๆวัยต่อมา ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นหลังทั้งหมดทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว "ข้าจะให้ถิงถิงแต่งเข้ามาเป็นเมียรองอีกคน เจ้าจะว่าอย่างไร " พลางหันไปที่ท่านแม่ทัพตงเหวิน เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เขานิ่งงันไปชั่วขณะ หันไปมองหน้าของเมียรักเห็นนางนิ่งเงียบไป เขาใจไม่ค่อยดีกลัวนางจะน้อยใจ จึงหันไปบอกท่านแม่ว่า"ข้าไม่ได้รักชอบถิงถิงในเชิงชู้สาว เห็นนางมาตั้งแต่เด็กคิดกับนางเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น " ฮูหยินใหญ่อึ้งไปครู่หนึ่งกับคำตอบของบุตรชาย " แล้วเพ่ยเอ๋อจะว่าอย่างไร ถ้าแม่จะให้ถิงถิงมาเป็นเมียรอง " เพ่ยอิงเงยหน้าขึ้นมองแม่สามีในใจนางเจ็บแปลบเล็กๆ พลางตอบว่า" เรื่องอย่างนี้แล้วแต่ท่านพี่เจ้าค่ะ หากท่านพี่ต้องการมีเมียรอง หรืออนุเพิ่มข้าคงจะไม่สามารถขัดท่านพี่ได้" เพ่ยอิงตอบไปตามตรงแม้นางจะไม่อยากให้สามีมีภรรยาและอนุหลายคน กังวลว่าจะมีเรื่องวุ่นวายในครอบครัว เช่นท่านพ่อของนางที่รักเดียวใจเดียวไม่คิดจะแต่งงานใหม่ มีเพียงหญิงอุ่นเตียงที่ไม่ค่อยสร้างความวุ่ยวายในจวนเลยเท่านั้น“ลูกไม่อยากมีเมียหลายคนขอรับ ลูกรักเพ่ยเอ๋อมากไม่อยากให้นางเสียใจ หรือทุกข์ใจอันใด ลูกจะยังไม่รับใครมาเป็นเมียรองหรือนุ
เพ่ยอิงตื่นขึ้นแต่เช้า เหลือบตามองสามีเห็นยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อยๆยกแขนล่ำสันนั้นออกจากเอวบางของนาง และค่อยๆขยับกายลงจากเตียงขึ้นช้าๆ จึงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย จากนั้นให้ใช่ใช่เกล้าผมให้นาง เลือกปักปิ่นน่ารักอันเล็กๆ สีเขียวสดใส แค่อันเดียว กับต่างหูเข้าชุดกัน เมื่อแต่งกายเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปดูสามีเห็นยังนอนอยู่จึงค่อยๆขยับกายออกไปเงียบๆ เดินออกไปที่โรงครัวเพื่อดูอาหารที่จะนำมาขึ้นโต๊ะให้สามีเช้านี้ ในโรงครัวกำลังตระเตรียมอาหารเช้าอยู่ บ่าวไพร่ในโรงครัวเมื่อเห็นฮูหยินน้อย ต่างทำความเคารพฮูหยินน้อยคนใหม่ เพ่ยอิงเข้าไปดูอาหารว่ามีอะไรบ้าง เห็นผัดผักสองอย่าง น้ำแกงปลา ขาหมูต้มเค็ม ปลานึ่งซีอี๊วก็พึงพอใจจึงคิดว่าไม่ต้องทำอย่างอื่นเพิ่มแล้วจึงให้นำอาหารขึ้นโต๊ะเพียงเท่านี้ จากนั้นถามถึงหัวหน้าคนครัว คนชื่ออี้ชวนบอกว่าเขาคือหัวหน้าที่ควบคุมเรื่องในโรงครัวทั้งหมด นางจึงทำความรู้จักเขาไว้และชมว่าอาหารที่จวนนี้อร่อยมาก อี้ชวนยิ้มปลื้มใจ นางสอบถามว่าจวนนี้ตั้งอาหารเวลาเท่าไหร่ จากนั้นก็เดินกลับไปเรือนของตนเองเพื่อปลุกสามีไปรับอาหารเช้าพร้อมท่านพ่อท่านแม่ของสามี เมื่อถึงเรือนต
จากนั้นประคองนางไปนั่งลงที่เตียงวิวาห์ ร่างหนาเชยคางนางขึ้นมา ประกบริมฝีปากหนาลงไปบนปากอวบอิ่มนั้น ค่อยสอดแทรกเรียวลิ้นสากเจ้าไปในปากจิ้มลิ้มนั้น ควานชิมความหวานในปากจนเจอลิ้นเล็ก จึงตรงเข้าเกี่ยวพันกันดูดดื่ม เพ่ยอิงรู้สึกถึงรสสุราในปากของสามีหมาดๆจูบนั้นยาวนานจนแทบสูบวิญญาณ ร่างบางอ่อนระทวย เมื่อละจากริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้น แม่ทัพตงประคองร่างอวบขึ้น มือหนาถอดเครื่องประดับของเจ้าสาว และชุดเจ้าสาวอย่างเร่งรีบ จนร่างบางเปลือยเปล่า จากนั้นจึงถอดชุดเจ้าบ่าวของตัวเอง ทิ้งลงกับพื้นหน้าเตียง และเข้ากอดรัดร่างอวบ ใบหน้าคมก้มลงประกบจูบร่างอวบอย่างเร่าร้อน จูบนั้นยาวนานจนพอใจจึงเลื่อนไปพรมจูบแก้มนวลปลั่งนั้น เลี้ยไล้ใบหูเล็กจนร่างอวบสั่นระริก เลาะเล็มลงไปเรื่อยๆจนถึงทรวงอกอวบบีบเค้นจนขึ้นสี ไล้เลี้ยผลอิงเถาจนแข็งเป็นไตและอ้าปากดูดดึงเข้าไปจนเกือบทั้งเต้า ร่างอวบสั่นสะท้านจนหลังแอ่นโค้งขึ้น มือหนาเลื่อนลงไปฟอนเฟ้นเนินอวบด้านล่างกรีดนิ้วร้ายเข้าไปในร่องอวบนั้น จนสุดโคนนิ้ว ค่อยชักเข้าสุดออกสุด เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนเพ่ยอิงครางเสียงกระเส่า สะโพกอวบเกร็งกระตุกหลายๆครั้ง ร่างอวบเสร็จสมไปทันที เ
ท่านแม่ทัพตงฮั่วส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอจงเพ่ยอิง และได้ส่งสินสอดไปที่จวนเสนาบดีจงแล้ว จากนั้นเหลือเพียงแค่หาฤกษ์ที่ดีตบแต่งนางให้บุตรชายของเขา เมื่อเขาและฮูหยินได้พูดคุยกับแม่ทัพตงเหวินแล้ว เขาไม่ยินยอมที่จะเลิกคบหากับจงเพ่ยอิงเพราะเขานั้นหลงรักนางนานมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเวลาเกี้ยวนางมาเป็นภรรยา เลยทำให้นางหลุดลอยไปเป็นของคนอื่น จนเมื่อได้โอกาสที่นางจะหย่าร้างเขาถึงกับขอราชโองการเพื่อให้นางหย่าร้างโดยสมบูรณ์เพื่อจะได้นางมาเป็นภรรยา แถมยังสารภาพว่าได้เสียกับนางแล้วในวันที่ขออนุญาติท่านเสนาบดีพานางออกไปเที่ยว เขาสารภาพว่าตั้งใจจะให้เรื่องเป็นแบบนี้ เขากลัวนางหลุดลอยไปอีก เมื่อท่านแม่ทัพได้ยินเช่นนั้นแล้ว จึงบังคับบุตรชายไม่ลงเพราะเขามุ่งมั่นทำขนาดนี้คงจะรักนางมากจริงๆ เพราะเขารู้จักลูกชายตัวเองดี หากต้องการสิ่งใดมักจะมุ่งมั่นทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้จงได้ จึงได้จัดการสู่ขอนางให้บุตรชาย เมื่อได้ฤกษ์ที่ดีแล้ว จึงจัดพิธีแต่งงานใหญ่โตให้บุตรชายทันที เมื่อถึงวันแต่งงาน เกี้ยวมารับเจ้าสาวที่หน้าประตูจวน เจ้าบ่าวขี้ม้ามารับเจ้าสาวด้วยตัวเอง คงไม่ต้องถามว่าอยากจะแต่งงานมากเพียงใดหน้าเจ้าบ่าวบ