ความสุขที่ฉันรู้สึกอยู่เพียงครู่เดียวพลันหายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยความหงุดหงิดที่เข้ามาครอบงำร่างกายอย่างรวดเร็ว"ตอนที่แม่บอกว่าทุกคน แม่หมายถึงทุกคนจริง ๆ โนอา ไม่มีข้อยกเว้นทั้งนั้น" ฉันพูดผ่านฟันที่ขบแน่น "แต่ผมไม่อยากให้เธอมานี่" เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด"เซียร่าคือใคร?" โรแวนถามขึ้น“เป็นเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงครับ ผมไม่ชอบเธอเลย เธอน่ารำคาญจะตาย แล้วถ้าต้องเห็นหน้าเธอในงานวันเกิด ผมต้องรู้แย่ไปตลอดแน่เลยครับ”ฉันเข้าใจว่าเซียร่าน่ารำคาญสำหรับเขา แต่การไม่เชิญเธอมางานวันเกิด ทั้งที่เชิญคนอื่นทั้งห้อง มันออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย“แล้วลูกรู้ไหมว่าหนูเซียร่าจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่ไม่ได้มางานคนเดียวทั้ง ๆ ที่เพื่อนคนอื่นเขามากันหมด? มันแย่มากแน่ ๆ”“ผม ไม่ สน” คำตอบของลูกชายดังชัด ฉันเริ่มจะหมดความอดทนกับโนอาแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันเข้าข้างเด็กหญิงคนนั้นหรอกนะ แต่ฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ฉันรู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อทุกคนได้รับเชิญไปงานวันเกิดหรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ ยกเว้นคุณมันเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อคนอื่นปฏิบัติต่อคุณเหมือนคุณไม่มีค่า ทั้งที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยที่สมควรจะได้รับค
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่วุ่นวายสุด ๆ และไม่ได้หมายถึงช่วงเวลาที่ฉันอยู่ในคุกด้วยซ้ำ ฉันสบายดีไหมน่ะเหรอ? บอกตามตรงเลยว่าไม่ ฉันห่างไกลจากคำว่าสบายดีมาก ทุกสิ่งในชีวิตตอนนี้เหมือนไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยฉันจะไม่ปิดบังหรอกว่ารู้สึกหลงทาง ฉันเคยมีแผน มีเป้าหมาย และมีความฝันว่าจะได้อยู่กับโรแวนในสักวันหนึ่ง ฉันมุ่งมั่นกับความฝันนั้นมานานจนมันกลายเป็นอากาศที่ฉันหายใจ ทุกสิ่งที่ฉันทำ ล้วนขับเคลื่อนด้วยความฝันที่จะได้โรแวนกลับมาให้ตายเถอะ ฉันถึงกับเลือกเป็นทนายความเพราะเขา ฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องขอหย่ากับเอวา และฉันจะอยู่ตรงนั้นเพื่อสนับสนุนเขา ฉันเชื่ออย่างสุดใจว่าเอวาจะต้องต่อสู้ ต้องไม่ยอมปล่อยเขาไป และฉันจะเป็นคนสู้แทนเขา เพราะฉันไม่เคยแพ้คดีใด ๆ ฉันเป็นทนายหย่าร้างที่เก่งที่สุดในวงการแต่ทุกอย่างก็พังลงในพริบตา ตอนที่โรแวนส่งฉันเข้าคุก ความฝันในเทพนิยายของฉันก็พังทลาย เหลือเพียงความจริงที่โหดร้าย ทุกวันนี้ฉันรู้สึกเหมือนถูกดึงพรมออกจากใต้เท้า ไม่มีทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฉันทำให้ผู้ชายคนหนึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของชีวิตอย่าเข้าใจฉันผิด ฉันยอมรับแล้ว
ฉันจะบอกเธออย่างไรดีว่าฉันรู้สึกหลงทาง? ฉันจะบอกเธอยังไงดีว่าชีวิตของฉันไม่มีความหมายอะไรเลย? ฉันถูกส่งมาบนโลกนี้เพื่ออะไรตั้งแต่แรก? ฉันหมดพลังและความตั้งใจที่จะทำอะไรทุกอย่าง เพราะฉันรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว“หนูอยากอยู่คนเดียว แม่” ฉันตอบ “มันมีเรื่องที่หนูต้องจัดการเอง”ฉันไม่อยากบอกแม่ว่าฉันกำลังต่อสู้กับทุกสิ่ง รวมถึงตัวตนของฉันเอง เพราะแม่จะโยงทุกอย่างกลับไปที่โรแวน แล้วบอกให้ฉันก้าวต่อไปและทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง ฉันรู้ว่าควรทำ แต่การทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังมันยากเหลือเกิน เมื่อคุณยึดมั่นกับมันมาเป็นเวลานาน มันยากที่จะปล่อยมันไป เมื่อคุณปล่อยให้มันกลายเป็นสมอเรือของชีวิต“แม่รู้ แม่รู้ว่าทุกอย่างมันไม่ง่ายสำหรับลูก แต่แม่สัญญา ถ้าลูกให้โอกาสตัวเอง ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง แล้วลูกจะเจอความสุขของตัวเอง” แม่ดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด และฉันซบลงบนไหล่ของเธอ ปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม“หนูไม่รู้ว่าควรทำยังไง ไม่รู้เลยว่าจะมีความสุขได้หรือเปล่า เพราะหนูไม่ได้มีความสุขมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่หนูก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้น”“ลูกบอกว่าไม่รู้ว่าจะทำยังไงใช่ไหม? งั้นก็เริ่มจากการแก้ไขสิ่งที่
ฉันไม่สามารถหยุดความตื่นตระหนกที่ท่วมท้นในตัวเองได้ หรือหยุดเสียงหัวใจที่เต้นแรงเสียจนฉันกลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอกของตัวเองฉันมาทำบ้าอะไรที่นี่? ทำไมฉันถึงมาที่นี่ มีที่อื่นอีกตั้งมากมาย?คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลยตอนที่ฉันตัดสินใจขับรถออกมา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาที่ที่คาลวินกับกันเนอร์อยู่เลย ฉันแค่คิดว่าจะขับรถเล่นเพื่อหนีจากบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกหดหู่ใจ แล้วค่อยกลับบ้าน อาบน้ำ และงีบสักหน่อยแต่ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านของเขา และไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี ฉันควรจะกลับไปดีไหม? หรือควรจะเข้าไปหาเขา? บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่บ้านก็ได้ นี่มันวันธรรมดา และฉันพนันได้เลยว่าเขาคงไปทำงานความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคาลวินมันซับซ้อนมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เราอยู่มัธยมปลาย เขาต้องการฉัน แต่ฉันไม่ได้ต้องการเขา ความพยายามของเขาที่จะทำให้ฉันสนใจตอนนั้นทำให้ฉันรำคาญจนแทบระเบิดฉันเกลียดที่เขาไม่เคยยอมแพ้ ฉันเกลียดที่เขาอยากให้ฉันเป็นของเขา ทั้ง ๆ ที่ฉันมีแฟนแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าฉันรักโรแวน ฉันเคยโมโหมากตอนที่เขาก่อเรื่องกับโรแวนเพราะฉันฉันไ
อย่าให้ฉันเริ่มพูดถึงกันเนอร์เลย เขาเป็นแค่เด็ก แต่ฉันได้ทำร้ายเขาไปมากมาย และฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มแก้ไขสิ่งที่ฉันทำพังจากตรงไหน เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน แต่ฉันกลับทำทุกวิถีทางเพื่อหนีจากความจริงข้อนั้นฉันรู้สึกละอายทุกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่ฉันทำกับเขา ฉันจำได้ว่าเอวายืนหยัดเพื่อโนอาอย่างไร เธอพร้อมที่จะสู้กับฉันโดยไม่มีความลังเล ฉันจำเปลวไฟที่ลุกโชนในแววตาของเธอได้ เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกชายของเธอ แต่ฉันกลับทำทุกอย่างเพื่อทำร้ายลูกชายของตัวเอง“ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ เอมม่า” น้ำเสียงแข็งกระด้างดึงฉันกลับสู่ความเป็นจริง“ฉันแค่ขับรถไปเรื่อย ๆ แล้วก็มาลงเอยที่นี่” ฉันเอ่ยกระซิบ รู้สึกอึดอัดจริง ๆครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาคือตอนที่เขาบอกว่าเขาตัดขาดจากฉันแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคาลวินจริง ๆ เลย และตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้เขา พอเอาเรื่องเซ็กส์ออกไป เราก็แทบจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน“ผมคิดว่าผมบอกคุณไปแล้วนะว่าผมไม่ต้องการเจอคุณ... ว่าไม่ต้องการให้คุณอยู่ในชีวิตของผมหรือของกันเนอร์อีก” เขากอดอกแน่นจนกล้ามเนื้อต้นแขนของเขานูนขึ้นมา“ฉันรู้” ฉันตอบพร้อมหลุบต
เล็ตตี้และโครินน่าจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที แต่ฉันสงบสติอารมณ์ไม่ได้เลย พูดตามตรงฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงรู้สึกประหม่าขนาดนี้“เอวา ให้ฉันเตรียมเครื่องดื่มกับของว่างให้แขกของคุณไหมคะ” เทเรซาถามขณะก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่นฉันพยักหน้า “ค่ะ นั่นจะดีมากเลย ขอบคุณค่ะ”ไอริสนอนหลับสนิทอยู่ในเปลของเธอ โนอาอยู่ที่โรงเรียน และโรแวนก็อยู่ที่ทำงานฉันถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด โนอายังคงโกรธฉันมากที่บังคับให้เขาเชิญเซียร่าไปงานวันเกิดของเขา เขาไม่ยอมคุยกับฉันเลย ทุกครั้งที่ฉันถามคำถามหรือคุยกับเขา เขาก็จะจ้องเขม็งมาที่ฉันอย่างเดียวพฤติกรรมและท่าทีของเขายิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นไปอีก ฉันเข้าใจว่าเขาไม่ชอบเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่การปฏิเสธที่จะเชิญเธอในขณะที่คนอื่น ๆ ได้รับเชิญมางานปาร์ตี้ของเขากันหมดมันโหดร้ายเกินไป ฉันไม่ยอมให้ลูกชายเป็นเด็กที่มีแต่ความเกลียดชังหรอก อีกอย่างเขาไม่จำเป็นต้องพูดคุยหรือโต้ตอบกับเธอด้วยซ้ำ ฉันแน่ใจว่าจะมีเด็ก ๆ มากพอที่จะทำให้เธอไม่ว่างเลยฉันนั่งขัดสมาธิลงที่พื้น ความคิดของฉันมุ่งไปทางโรแวน เขาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนคำสาปในชีวิตฉัน บางทีฉันอาจจะโง่หรืออาจจะเป็นโร
“ก็จริงนะ แต่ลูก ๆ ของเธอเองก็คงจะหน้าตาดีไม่แพ้กัน... ฉันหมายถึงเธอสวยมาก และแม้ทราวิสจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังดูดีมาก” โครินพูดขึ้น“เธอไม่เคยเห็นเขาตอนถอดเสื้อผ้า ผู้ชายคนนี้คือผลงานชิ้นเอกเลยล่ะ” เล็ตตี้พูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่มฉันย่นจมูก “ได้โปรด หยุดเถอะ” ฉันขอร้องเธอ ถึงเราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ แต่ตลอดชีวิตเขาก็เป็นพี่ชายของฉันมาตลอด การได้ยินเล็ตตี้พูดถึงเขาในแง่นั้นทำให้ฉันอยากจะอี๋ขึ้นมาเธอหันมามองฉันแล้วหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดต่อฉันหันไปหาโคริน “แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง”“บางทีเธอน่าจะลองเดตกับเกเบรียลดูนะ” เล็ตตี้เสนอ เธอมีท่าทีตื่นเต้นจนดูน่าขำ “มันคงจะเจ๋งมากเลยถ้าพวกเราทุกคนได้เดตกับกลุ่มเพื่อนสนิททั้งสามคนนั้น”“ไม่ล่ะ ขอบคุณ เกเบรียลเป็นเสือผู้หญิงนะขอทีเถอะ ว่ากันว่าเขามีผู้หญิงใหม่ทุกสัปดาห์ อีกอย่างเขาไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ฉันชอบ” เธอกล่าวอย่างลังเล “อีกอย่างฉันไม่มีเวลาเดตหรือคบหาใครจริงจังด้วย” เธอตอบพร้อมยักไหล่“งั้นเธอก็ไม่ได้นอนกับใครเลยเหรอ” เล็ตตี้ถามเธอโครินใช้เวลาสักพักที่จะตอบคำถาม เธอดึงไอริสออกจากอ้อมแขนของเล็ตตี้และอุ้มไว้แทน จากนั้นก็จูบหน้
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว
ฮาร์เปอร์“อย่างเจ๋ง!” ลิลลี่กรีดร้องเมื่อเราก้าวขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียลฉันไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนมองรอบ ๆ บริเวณที่กว้างขวาง มันเจ๋งจริง ๆ อย่างที่ลิลลี่ว่า ฉันยอมรับในใจแต่ไม่มีทางที่จะพูดออกมาให้เจ้าเกเบรียลจอมยโสคนนั้นได้ยิน“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวอย่างนี้…เพื่อน ๆ ต้องอิจฉาตอนหนูเล่าให้ฟังแน่ ๆ เลย” เธอยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะที่ฉันแค่จ้องมองเธอการได้มาอยู่ที่นี่มันเหมือนฝัน ร่องรอยของความมั่งคั่งที่อยู่รอบตัวพาฉันย้อนกลับไปในความทรงจำที่ฉันพยายามลืมมันเป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันเคยอยู่บนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่ฉันเคยใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวคือไม่กี่เดือนก่อนที่พ่อจะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทฉันรักพ่อ แต่เขาไม่ใช่คนที่เหมาะจะเป็นผู้นำ โดยเฉพาะการบริหารบริษัทมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ เขาบริหารบริษัทจนพังภายในปีแรกของการเป็นประธานบริษัท เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดและการบริหารที่ไม่ดี บริษัทยูนิตี้ เวนเจอร์ของเราสูญเสียสัญญามูลค่าหลายล้านและเป็นหนี้จำนวนมากเราต้องขายทุกสิ่งที่เรามีทิ้ง ทั้งรถยนต์ เครื่องบินเจ็ตส่วน
เกเบรียลมันผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่ผมได้เจอฮาร์เปอร์อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ตามหาเธออีก แต่ชีวิตมันก็มีวิธีพลิกผันที่น่าสนใจเสมอตอนที่เราหย่ากัน ผมคิดว่า ‘ดีแล้ว’ ผมอยากให้เธอไปจากชีวิต และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง ผมก็ไม่ลังเลเลย ผมมีความสุขที่ได้กำจัดเธอไป และไม่ต้องมองย้อนกลับมา ผมไม่สนใจว่าเธอจะเป็นยังไง จะไปไหนหรือทำอะไร ตั้งแต่วันนั้นที่เธอออกจากอะพาร์ตเมนต์ของผม เธอก็ไม่เคยอยู่ในหัวผมอีกเลย จนกระทั่งคณะกรรมการบริษัทเริ่มก่อความวุ่นวายมือผมกำแน่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมต้องทำเพราะพวกนั้น ไม่ใช่ว่าผมต้องการเงินหรืออะไรแบบนั้น จริง ๆ แล้ว ผมมีบริษัทของตัวเองด้วยซ้ำ แต่บริษัท วู้ด คอร์ปอเรชั่นเป็นมรดกของครอบครัว มีบางอย่างเกี่ยวกับการทำงานในบริษัทที่บรรพบุรุษของคุณสร้างขึ้นมาที่ให้ความภูมิใจและความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้พวกคณะกรรมการรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นพวกเขารู้ว่าจะโจมตีตรงไหน พวกเขารู้ดีว่าผมไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาเตะผมออกไปแน่ ๆ ดังนั้นผมจึงต้องยอม ซึ่งผมก็ทำและนั่นก็นำมาสู่ตอนนี้ ผมจ้องมองคนขับรถขณะที่เขาช่วยฮาร์เปอร์และลิลลี่ขนกระเป๋าขึ
ฉันจำครั้งแรกที่ฉันเห็นคาลวินได้ เราอยู่ในช่วงมัธยมปลาย และเขาเพิ่งย้ายมาโรงเรียนเราในฐานะนักเรียนทุน ฉันเป็นประธานคณะต้อนรับ แน่นอนว่าฉันทำได้ทุกอย่าง และใครจะไม่อยากให้ฉันเป็นคนพาพวกเขาเดินชมรอบโรงเรียนในวันแรก? ใครจะไม่อยากเห็นหน้าฉันในวันแรกที่เริ่มเรียนโรงเรียนใหม่?ฉันไม่ได้อวดตัวหรืออะไรแบบนั้นหรอก แต่ฉันรู้ว่าฉันคือใครและมีคุณค่าขนาดไหน ฉันเป็นที่นิยม เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และนักเรียนดีเด่น ฉันมีทุกอย่าง ทั้งความมั่งคั่ง ความงามและความฉลาด ที่สำคัญที่สุด ฉันยังเป็นคนที่ถ่อมตัว นั่นจึงทำให้คนส่วนใหญ่ชอบฉันแน่นอนว่าฉันก็มีคนที่เกลียดฉันเหมือนกัน เช่น เอวาและผู้หญิงคนอื่น ๆ เพราะฉันมีบางสิ่งที่พวกเธอไม่มีทางมีได้ นั่นก็คือโรแวนทุกคนต่างก็ต้องการเขา มันไม่ใช่ความลับเลย เช่นเดียวกับที่ผู้ชายเกือบทุกคนต่างต้องการฉัน ยกเว้นทราวิสและเกเบรียล เราเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันตอนที่คาลวินเข้ามาเรียน แต่ฉันก็ไม่ได้กังวล มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะลงเอยด้วยกัน มันไม่ใช่คำถามว่าจะลงเอยหรือไม่แต่เป็นคำถามว่าเมื่อไหร่มากกว่ากลับมาที่คาลวิน ฉันจำได้ว่าฉันไ
“พูดเล่นล่ะสิ” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปอย่างที่บอก ฉันรู้จักเกเบรียลดี และฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่ลอย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างเพราะนี่คือลิลลี่ที่เรากำลังพูดถึง เธอไม่ใช่แค่ลูกสาวของฉัน แต่เธอเป็นดั่งชีวิตด้วย ฉันจะไม่ยอมให้เขาเอาเธอไปได้ นั่นคงฆ่าฉันทั้งเป็น“ผมดูเหมือนกำลังล้อเล่นเหรอ?” เขาถามพร้อมกับจ้องฉันด้วยสายตารุนแรง “ผมบอกได้เลยว่าผมเอาจริง ฮาร์เปอร์”คุณเคยรู้สึกเหมือนโดนต่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม? นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ มันเหมือนโดนการโจมตีล่องหนตรงกลางอก ฉันพยายามสูดลมหายใจผ่านความเจ็บปวด ฉันไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองพังทลายได้ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันอยากทำที่สุดคือปล่อยตัวเองให้ร้องไห้และสาปแช่งเกเบรียลให้ตกนีกไปซะ“ทำแบบนี้ไปทำไม?” ฉันถาม ใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที “คุณหย่ากับฉันและไล่ฉันออกมา เกเบรียล ฉันก็ออกมาแล้วเหมือนที่คุณต้องการ และไม่เคยไปรบกวนคุณอีกเลย ทำไมถึงไม่ทำเหมือนกันล่ะ? ทำไมคุณต้องมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายด้วย?”ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เกเบรียลเป็นเสือ
เวร! ทำไมต้องเป็นฉัน? ทำไมต้องตอนนี้? ทำไมต้องวันนี้? โชคชะตาแสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่ามันเกลียดฉัน แต่เรื่องนี้มันเกินไปแล้วนะ ทำไมมันถึงจงชังฉันขนาดนี้?ความจริง ณ ตอนนี้ ฉันกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง กลัวที่จะมองเกเบรียลกับลิลลี่ ฉันพยายามสงบหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนมันจะหลุดออกมา แต่ไม่มีประโยชน์เลย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวาย เหงื่อไหลซึมลงไปตามแผ่นหลังอย่างชัดเจนความโกรธที่ฉันมีต่อเกเบรียลหายไปแล้ว สิ่งที่แทนที่คือความกลัวบริสุทธิ์ที่ไม่มีเจือปน ตอนตื่นขึ้นมา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะเจอกับอะไรแบบนี้ ว่าเกเบรียลจะโผล่มาที่บ้านฉันโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และเขากับลิลลี่จะได้เจอกันในตอนแรก ฉันระมัดระวังเพราะรู้ว่าลิลลี่กำลังนอนพักอยู่เนื่องจากไม่สบาย แต่หลังจากที่เกเบรียลเปิดเผยเรื่องนั้น ฉันลืมไปหมดและระเบิดอารมณ์ออกมา นั่นเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่มีใครให้โทษนอกจากตัวเอง"แม่คะ?" เสียงหวานใสดังขึ้นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้น แม้ว่าฉันอยากหลีกเลี่ยงขนาดไหนก็ตามเมื่อมองหน้าลูกสาว ฉันก็ไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้เมื่อฉันไม่ตอบ ลิลลี่ก็หันไปหาเกเบรียลแทน "คุณเป็นใครคะ? แล้วทำไมถึงได้ทะเล
"หมายความว่ายังไง?" ฉันถาม มือของฉันสั่นไหวด้วยความเจ็บปวดรูปแบบใหม่ที่ซัดเข้ามาเขาค่อย ๆ เลิกไขว้ห้างและโน้มตัวไปข้างหน้า "ง่ายมาก ผมก็แค่เก็บบริษัทไว้และสร้างมันขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าเปลี่ยนชื่อและทำให้มันกลายเป็นภาพลักษณ์ของผมเอง ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในบริษัทมากมายของผมน่ะ"ความโกรธและความเจ็บปวดพลุ่งพล่านในตัวฉัน ฉันควรจะรู้มาก่อนแล้ว ทำไมถึงประเมินความโหดร้ายของเขาต่ำเกินไป? เขารู้ว่าบริษัทนั้นมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน มันเป็นสิ่งเดียวที่เหลือเชื่อมโยงฉันกับครอบครัว แต่เขากลับทำให้ฉันเชื่อว่ามันถูกทำลาย"ทำไม?" ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นในดวงตา "ทำไมถึงไม่บอกฉัน? เก็บเอาไว้ทำไม?""ผมเก็บไว้เป็นค่าชดเชยที่ต้องแต่งงานกับคุณและเสียเวลาชีวิตไปสามปีน่ะสิ"นั่นแหละที่ทำให้ฉันระเบิด "ไอ้เลวนี่!" ฉันพุ่งเข้าไปหาเขาคำพูดเหมือนมีดที่แทงฉันเป็นชิ้น ๆ และการกระทำก็ทำลายฉันจนสิ้นสภาพ เขาเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ? ถึงกับเก็บสิ่งที่เขารู้ว่าฉันรักไว้ ทั้งที่มันไม่ใช่ของเขาอย่างนี้เลยเหรอ?"สินสอดที่เรามี คุณก็ไม่ยอมแบ่งอะไรมาให้เลย แต่กลับเก็บยูนิตี้ เวนเจอร์ไว้ คุณมันไอ้คนเห็นแก
“ไม่!” ฉันระเบิดคำปฏิเสธออกมา รู้สึกตื่นตระหนกพร้อมความรู้สึกเดือดดาลอยู่ภายในเขาจ้องมองฉันด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกได้ วินาทีนั้นเอง ใบหน้าของเขาฉายเพียงความว่างเปล่าและความเย็นชาสุดใจเข้ามาแทนที่ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศที่อันตรายซึ่งเต็มไปทั่วห้อง นี่แหละคือเกเบรียลที่ฉันเคยชิน เกเบรียลที่ฉันรู้จัก ผู้ชายที่แข็งกระด้างและกลายเป็นคนอันตรายเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ“อย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดจะฟังสิ่งที่ผมจะพูดเลยงั้นสิ? ไม่สนเลยเหรอว่าผมจะยื่นข้อเสนออะไรให้คุณ?” ตอนนี้เขาดูสงบ แต่ฉันรู้ว่านั่นมันแค่เปลือกนอก ใต้ชุดสูทและเนคไทคือสัตว์ร้ายแสนอันตรายเขาเหมือนฉลามที่พร้อมจะฉีกคุณเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าทำไมถึงตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา“ไม่” ฉันตอบซ้ำ “ฉันไม่อยากมีส่วนร่วมกับอะไรก็ตามที่คุณสนอมาทั้งนั้น” ฉันตอบด้วยความมั่นใจการทำข้อตกลงกับเกเบรียลก็เหมือนทำข้อตกลงกับปีศาจ และใครที่มีสติอยู่ครบจะยอมทำแบบนั้นล่ะ? ฉันอาจมีข้อเสียหลายอย่าง แต่ความโง่ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ฉันชอบชีวิตของฉันตอนนี้ ที่ไม่มีเงาของเกเบรียลอยู่ในภาพมันคงเป็นเร
ฉันจ้องเขาอย่างตะลึงงัน รู้ตัวอีกทีฉันก็ปิดปากลงเพื่อไม่ให้ดูเหมือนคนโง่ที่ยืนอ้าปากค้างไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดว่าฉันจะได้พบกับเกเบรียลอีก ฉันคิดว่าวันที่เขาหย่ากับฉันจะเป็นวันสุดท้ายที่เราต้องเห็นหน้ากันบางคนอาจสงสัยว่า ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขาในข่าวหรือในรายการซุบซิบบนโทรทัศน์เลย? เพราะฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ชีวิตฉันยุ่งเกินกว่าจะมาสนใจว่าโลกข้างนอกกำลังพูดถึงใคร“จะไม่เชิญผมเข้าไปหน่อยเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาขัดจังหวะความคิดฉันสูดหายใจลึก พยายามรวบรวมสติ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเสียสมาธิ“มาที่นี่ทำไม?”การมาถึงของเขามันน่าตกใจเกินกว่าแค่บังเอิญ เรื่องนี้มันชัดเจนอยู่มากแล้ว ฉันรู้จักเกเบรียลดีพอที่จะรู้ว่าเขาไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผล ถ้าเขาอยู่ที่นี่ แสดงว่าเขามีจุดประสงค์แน่อยากรู้เหรอว่าเขามาที่นี่ทำไมอย่างนั้นเหรอ? เสียงภายในเอ่ยถามคำตอบฉันชัดเจนว่าไม่ ไม่อยากรู้เลย ไม่ว่าที่เขาต้องการจะเป็นอะไร มันไม่มีทางเป็นผลดีกับฉัน และที่แย่กว่านั้น และเป็นเรื่องแย่ไปมากว่าเดิมด้วยถ้าเขารู้ความลับที่ฉันปกปิดเอาไว้“รู้อะไรไหม? ฉันไม่สน คุณช่วยกลับไปที” ฉันยืดตัวขึ้นและตอบเขาเขามอง
ฮาร์เปอร์สายตาของฉันจับจ้องไปที่รูปของเลียม สามีผู้ล่วงลับ สองปีแล้ว แต่ฉันยังคงคิดถึงเขาแทบบ้าฉันถอนหายใจ วางไม้กวาดลง แล้วหยิบรูปขึ้นมาดู ฉันนั่งลงบนโซฟาที่เก่าจนผุพัง แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาด้วยความรัก ใช้นิ้วลูบไปตามภาพของเขาเบา ๆ เรากำลังพยายามก้าวต่อไป แต่บอกตามตรง มันไม่ง่ายเลย เขาขอแต่งงานกับฉันตอนที่เรายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เราแต่งงานกันทันทีหลังจากที่ฉันเรียนจบฉันยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้มั่นใจในตัวเขามากนัก ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักกับผู้ชายเลย ยกเว้นก็แต่กับเกเบรียล แต่เขาไม่นับ เพราะเกเบรียล ผู้ชายที่เคยเป็นสามีของฉัน ปฏิบัติกับฉันเหมือนเป็นโรคร้ายที่เขาอยากจะกำจัดออกไปจากชีวิตเลียมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเกเบรียล เขารู้เรื่องในชีวิตแต่งงานของฉัน รวมถึงเหตุผลที่เกเบรียลหย่ากับฉัน ก่อนจะไล่ฉันออกไปจากชีวิตในวันที่ฉันเพิ่งฝังร่างพี่ชายของตัวเองหลังจากที่ฉันหนีไปต่างประเทศ ฉันเหมือนแตกสลายไปทุกส่วนจนไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกหรือเปล่า ฉันเชื่อว่าเลียมถูกส่งมาในช่วงเวลาที่ฉันต้องการใครสักคนที่สุด ช่วงเวลาที่ฉันต้องการที่ยึดเหนี่ยวมากที่สุดในความอัปยศท