“!”ไม่คิดเลยว่าตั้งฉายาให้นางมั่ว ๆ!เจ้าสิหูตึง!อวิ๋นอิงอดทนต่อความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก จับมือของเขาเอาไว้ “ไปพบพระชายากับข้า!”“เจ้าบาดเจ็บ!”หลิงเชียนอี้แรงเยอะกว่านาง กดไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ กดนางให้นั่งลงบนขั้นบันได ฉีกเสื้อผ้าของตนเองออกมาหลายชิ้น พันรอบเอวของนางหนึ่งสองสามสี่ห้ารอบผูกปม!ขี้เหร่มาก...อวิ๋นอิงทำหน้าไม่พอใจ มีใครห้ามเลือดแบบนี้บ้าง?“ผ้าไม่ได้ฆ่าเชื้อสัมผัสถูกบาดแผล จะเกิดการติดเชื้อ อาจจะสาหัสกว่าเดิม ข้าเรียนมาจากเสียวฉู่ แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” นางแกะผ้าที่อยู่บนเอวออก ทีละรอบ ๆ อย่างรังเกียจ แล้วโยนลงไปบนพื้นหลิงเชียนอี้เม้มปาก จ้องมองผ้าเปื้อนเลือดที่อยู่บนพื้น รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาสิ้นดีเรื่องอะไรก็จัดการได้ไม่ดี อีกทั้งยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง“เจ้าก็คิดว่าข้าไม่มีประโยชน์มากเช่นกันใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาเบาลง หดหู่ราวกับตกลงมาที่จุดต่ำสุดอวิ๋นอิงชะงักไปเล็กน้อยเหลือบตาขึ้น เห็นหนุ่มน้อยก้มหน้า บรรยากาศรอบตัวอึมครึมมาก เนื่องจากเพิ่งร้องไห้ไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาบวมแดง มีน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ เกาะอยู่บนขนตา รู้สึกกดดันมาก
น้ำเสียงยิ่งหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงตอนหลัง แทบจะตะโกนออกมา ตาแดงไปหมดแล้ว“เป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตข้ากิน ดื่ม เที่ยวเล่น ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง เพราะว่าข้าเป็นภาระ เป็นสวะ ท่านพ่อกับท่านแม้ไม่ชอบข้าแล้ว ถึงอยากได้น้องชาย!”“ข้ารู้ความคิดของพวกเขา ข้าไปก็ถูกต้องแล้ว! ข้าไม่กลับไปแล้ว!”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว!”อวิ๋นอิงลุกพรวดขึ้นมา ก้มหน้ามองเขาที่อารมณ์ปั่นป่วน กล่าวเสียงเย็นชา“ลูกคือเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของมารดา ใต้หล้านี้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดลูกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดูบ้าง มีน้องชายหรือน้องสาว เพื่อเป็นเพื่อนกับเจ้า?”“ข้าไม่ต้องการเพื่อน!” หลิงเชียนอี้น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิมเขาไม่ยอมรับการมีลูกคนที่สองของท่านแม่เมื่อวันก่อน ตอนที่กลับบ้าน ตอนที่ได้ทราบข่าวว่าท่านแม่ตั้งท้อง เขารู้สึกเหมือนกับฟ้าถล่ม...สิ่งของที่เดิมเคยเป็นของเขา กำลังจะถูกน้องชายที่ยังไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลกแย่งไป!ความรัก ความเอาใจใส่ การปกป้อง สถานะ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน...ทุกอย่าง!“พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดพยานแห่งความรัก เป็น
ตอนที่ทุกคนกำลังตามหาไปทั่วทุกที่ คนก็ถูกอวิ๋นอิงลากออกมาจากด้านในตรอกมืด“เจ้าไปไหนมา?”ฉู่เชียนหลีรีบก้าวมาข้าหน้า ถึงได้สังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเขา เหมือนกับเคยร้องไห้หลิงเชียนอี้รู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงหันหน้าไปอีกทาง อวิ๋นอิงเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหลังจากฉู่เชียนหลีฟังจบ ก็สะอึกจนพูดไม่ออกมีลูกคนที่สอง?หวง?หนีออกจากบ้าน?มีพี่น้องเพิ่มมาอีกคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ?ความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุขฉู่เชียนหลีหงุดหงิดกับหลิงเชียนอี้มาก พยายามอดกลั้นที่จะพุ่งตัวเข้าไปกระหน่ำซ้อมเขาสักยก จึงหิ้วเขากลับไปส่งที่จวนโหวติ้งกว๋อ สั่งสอนเขามาตลอดทาง“เจ้าโตขนาดไหนแล้วยังทำตัวเหมือนกับเด็กไม่มีผิด? พูดจาไม่เข้าหูหน่อยก็โมโห?”“เจ้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ มีความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ เจออุปสรรคไม่รู้จักคิดหาหนทางแก้ไข?”“ในเมื่อไม่พอใจ ก็นั่งลงเปิดใจคุยกับท่านพ่อท่านแม่ให้รู้เรื่อง ขอเพียงแค่พูดกันรู้เรื่อง และคิดตก จะกังวลใจถึงขนาดนั้นเสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่ควรค่าแก่การให้กังวลใจเลยสักนิด”“มีครอบครัวไม่รู้จักทะนุถนอม เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้หล้านี้คนที่ไม่
จ้องมองร่างเล็กที่แลดูเศร้าซึมนั่น หัวใจของชายหนุ่มแน่นขึ้น ราวกับถูกมีดปัก เจ็บมาก เจ็บมาก ๆ แม้กระทั่งหายใจก็รู้สึกแน่นเขาเม้มริมฝีปากบาง ค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า อย่างเบา ๆ ทันทีที่มือแตะบนบ่าของนาง มือของนางก็ห้อยตกลงมา ถึงได้พบว่านางหลับไปแล้ว เนื่องจากตากลม ร่างกายจึงเย็นเฉียบเขาขมวดคิ้ว ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก คลุมบนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือ กลับไปถึงจวนอ๋องเฉิน เปิดประตูเข้าห้องทันทีที่วางนางลงบนเตียง นางส่งเสียงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กลิ้งตัวไปด้านในครึ่งที คิ้วงามขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ท่าทางไม่พอใจแม้กระทั่งตอนนอนยังยัยโง่...เขาจะไม่รู้ว่าลูกของพวกเขา...บางทีเขาควรจะบอกความจริงแก่นาง ขอเพียงแค่พูด ทั้งสองคนเผชิญหน้าด้วยหัน ก็ดีกว่าให้นางคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“นายท่าน...”ด้านนอก หานเฟิงเดินเข้ามา จงใจลดเสียงเพื่อขอคำแนะนำลง กล่าวรายงานเสียงเบา“ข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าเชื่อถือ เจ้ากรมคลังเขา...”ค่ำคืนนี้ เต็มไปด้วยความสงบเงียบเช้าวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมา เห็นว่าตนเองกลับมาที่เรือนหานเฟิง รู้สึกว่าตนเองหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่
พ่อบ้านหยางร้อนใจจนเหงื่อแตกหอบหายใจ “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เลือดเต็มตัว ทั้งยังถูกหามกลับมาอีก!”ฉู่เชียนหลีหน้าถอดสี ทันทีที่จะลุกขึ้นยืน ก็นึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเขาไม่อยากมีลูก แต่กลับโหยหาร่างกายของนาง ระหว่างพวกเขามีเพียงความสัมพันธ์แค่การร่วมเตียงเท่านั้น เขาได้รับบาดเจ็บ นางจะร้อนใจทำไม?เกี่ยวอะไรกับนาง?เมื่อคิดจบ ใบหน้าก็เย็นชาลง แล้วนั่งกลับลงไปตามเดิม“ได้รับบาดเจ็บก็ไปหาหมอ มาหาข้าทำไม?”พ่อบ้านหยาง “?”ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันอีกแล้ว?อีกแล้ว?อีกแล้ว?ระยะห่างจากครั้งก่อน เพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่กี่วัน?ไม่ถูกต้อง เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ได้ขว้างปาข้าวของ?“พระชายา...”“เยว่เอ๋อร์ ส่งพ่อบ้านออกไป!” ไม่รอให้พ่อบ้านหยางพูดมาก ฉู่เชียนหลีได้ออกปากไล่แล้วใบหน้าของนางเย็นชา เหมือนกับถุงยาที่ใกล้ระเบิด ทุกคนไม่กล้ายั่วโมโห เยว่เอ๋อร์จำต้องไล่พ่อบ้านหยางออกไปอย่างกระอึกกระอักอวิ๋นอิงเม้มปาก มองท่าทางที่เย็นชาของพระชายาแวบหนึ่ง หลังจากลังเลครู่หนึ่ง แล้วสาวเท้าตามไปเรือนอีกหลังหนึ่งบรรดาคนรับใช้ องครักษ์ ทุกคนห้อมล้อมอยู่ที่เรือนตรงกลาง บนใบหน้าแต่ละคนเต็มไป
“พระชายา...”“ไม่ได้ยินที่พระชายาพูดหรือ! ไสหัวออกไปให้หมด!”คำพูดประโยคนี้ เฟิงเย่เสวียนที่อยู่บนเตียงเป็นผู้พูดหลังจากตะโกนอย่างหมดความอดทน ก็ล้มกลับลงไปอย่างอ่อนแอ หายใจหอบถี่ เลือดไหลออกมากกว่าเดิม กลิ่นคาวเลือดภายในห้องยิ่งรุนแรงกว่าเดิมหานอิ๋งหน้าสลด หลังจากกวาดสายตามองฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง ก็หันหลังกลับไปอย่างเย็นชานางติดตามนายท่านมาสิบห้าปีแล้ว!ตลอดสิบห้าปีมานี้ ไม่ว่าจะแผลเล็กแผลใหญ่ ล้วนมีนางเป็นคนคอยจัดการ ร่างกายของนายท่าน ตำแหน่งไหนมีแผล ได้รับบาดเจ็บตอนไหน โดนอะไรมา ลึกแค่ไหน ป่วยกี่วัน นางเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน!ไม่มีใครเข้าใจร่างกายของนายท่านได้ดีกว่านาง!แต่นับจากมีฉู่เชียนหลี ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่นางถูกนายท่านไล่...ปิดประตูฉู่เชียนหลีพุ่งตัวไปด้านหน้าเตียง คลำที่บริเวณเอวของเขาเสื้อผ้าเปียกชุ่ม เต็มไปด้วยเลือด!อาการบาดเจ็บสาหัสมาก!ทันทีที่นางพลิกข้อมือ ก็หยิบกรรไกรเล่มหนึ่งออกมา ตอนที่กำลังจะตัดเสื้อผ้าของเขาออก ทันใดนั้นก็ถูกชายหนุ่มจับข้อมือเอาไว้“เชียนหลี... เชียนหลี...”เขาหายใจหอบ หน้าอกยกขึ้นลงด้วยความเจ็บปวดทรมานมาก“ข้
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วยาม ในที่สุดประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออกมาจากด้านใน“พระชายา!”“นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่?”ทุกคนรีบเดินไปข้างหน้าทันที สายตาที่เป็นห่วงจำนวนมากมองไปยังหญิงสาวอย่างพร้อมเพรียงกันฉู่เชียนหลีที่ทำการผ่าตัดสี่ชั่วโมงเต็ม ใบหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับสบายใจขึ้นมาก“บาดแผลของ เลือดก็หยุดไหลแล้ว ตอนนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่อาการบาดเจ็บสาหัสมาก อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เกรงว่าอาจจะต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด”แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่สำคัญก็คือปลอดภัยแล้วหานอิ๋งรีบวิ่งเข้าไปในห้อง รีบเข้าไปจับชีพจรให้อ๋องเฉิน พ่อบ้านหยางรีบเข้าไปเยี่ยม เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองอยู่ไกล ๆ ตอนที่หานเฟิงกำลังจะเดินเข้าไป เสียงหนึ่งก็เรียกเขาเอาไว้“เจ้ามากับข้า”เขาหยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยพระชายา...มองด้านในห้องแวบหนึ่ง แล้วก็มองแผ่นหลังของพระชายาที่เดินออกไปด้านนอก ลังเลครู่หนึ่ง จึงสาวเท้าเดินตามไปด้านนอกเรือน บริเวณที่ไร้ผู้คนฉู่เชียนหลีเช็ดคราบเลือดบนมือทั้งสองข้างจนสะอาด เอ่ยปากพูดเ
รองเจ้ากรมเดินตามเกี้ยว ยังคงหัวเราะอย่างได้ใจไม่หยุด“ใต้เท้า เกรงว่าเจ้าอ๋องเฉินนั่นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะหายได้ยาก มีรัชทายาทคอยคุ้มครอง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ ก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก พวกเราต้องไปเยี่ยมคนแพ้ที่จวนอ๋องเฉินหรือไม่?”ด้านในเกี้ยว น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม“ถ้าหากเขาเห็นว่าข้ากำลังกระโดดโลดเต้นต่อหน้าเขา ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ไม่แน่ว่าถ้าได้เห็นข้า อาจจะโมโหจนตายไปเลยก็ได้...เอ่อ!”น้ำเสียงหยุดชะงักลงกะทันหัน“ฮ่า ๆ ๆ!” รองเจ้ากรมไม่สังเกตเห็นถึงรายละเอียดนี้ ยังคงหมกมุ่นอยู่ในเรื่องที่เอาชนะอ๋องเฉินได้ หัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจ จนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหู“ฮ่า ๆ ๆ! ใต้เท้าช่างมีจิตใจเมตตา ฮ่า ๆ ๆ!”“ใต้เท้า ข้าคิดว่า...”เขากำลังพูดเสียงเจื้อยแจ้วด้านในเกี้ยว กลับไม่มีเสียงตอบรับไม่มีใครมองเห็นด้านในเกี้ยว ชายวัยกลางคนที่เดิมทีนั่งตัวตรงตอนนี้แขนขาทั้งสี่ข้างกางออก ล้มอยู่บนพื้น หัวโผล่ออกมาด้านนอกอีกด้านอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดไหลออกมาจากมุมปากแท่งน้ำแข็งแท่งหนึ่งแทงทะลุหัวใจมาจากทางด้านหลัง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิของร่างกาย แท่ง
เวลานี้ห่างออกไปพันลี้ ดินแดนเจียงหนาน สี่ฤดูดั่งวสันตฤดู สภาพอากาศอบอุ่น เป็นสถานที่อยู่อาศัยและพักผ่อนชั้นเยี่ยม เจียงหนานทำเนียบมีการเฝ้าอย่างแน่นหนา คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ เหล่าทหารสวมชุดเกราะ อาวุธครบมือ เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา มีคนวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นระยะ แม้แต่ในอากาศก็เต็มไปด้วยอารมณ์ของความกดดันและเคร่งขรึม ภายในห้องหนังสือภาพแผนที่แคว้นตงหลิงติดอยู่บนกำแพง บนนั้นถูกทำเครื่องหมาย วาดวงกลม ปักธงเล็กๆ และอื่นๆหลายเส้นทาง สองมือเฟิงเย่เสวียนยันอยู่บนโต๊ะ กำลังอธิบายแผนการเดินทัพครั้งต่อไปอย่างเป็นระเบียบมีคนนั่งจนเต็มทั้งสองด้านของโต๊ะยาว พวกเขาตั้งใจฟัง พยักหน้าเป็นระยะ“รวบรวมกำลังทหารพร้อมแล้ว พวกเราจะโจมตีเมืองเทียนสู่เมื่อไร?” ผู้ว่าการเจียงหนานถาม“ผู้คนในเมืองเทียนสู่ล้วนเป็นราษฎรของแคว้นเรา เพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด ข้าขอแนะนำให้เจรจาก่อน แล้วค่อยโจมตี” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมคนของสำนักอู๋จี๋ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทุกคนช่วยกันออกแรงหานอิ๋งกล่าว“ตลอดทางที่ฝ่ามา พวกเราอยากใช้วิธีที่สันติ แต่เฟิงเจิ้งหลียอมหรือ? เขาไม่เพียงไม่ยอม และยังใช
ห้องทรงพระอักษรเฟิงเจิ้งหลีมาอย่างรีบร้อน เพราะมีรายงานสงครามล่าสุดถูกส่งมาจากเมืองที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ ครึ่งเดือนมานี้ เขากับเฟิงเย่เสวียนประกาศสงครามกัน เฟิงเย่เสวียนรวบรวมกำลังทหาร บุกพิชิตเมือง เตรียมพร้อมข้ามแม่น้ำอูหลาน โจมตีดินแดนในปกครองของเขาตลอดเวลาสถานการณ์ตึงเครียดแม่ทัพกล่าวรายงาน“ฝ่าบาท ในเวลาสั้นๆ ห้าวัน โจรกบฏเฟิงเย่เสวียนบุกตีสองเมืองติดต่อกัน ยังไม่มีท่าทีที่จะหยุด ตามแนวโน้มการเดินทัพของเขา อีกไม่กี่วันก็จะบุกถึงเมืองเทียนสู่พ่ะย่ะค่ะ!”เมืองเทียนสู่ เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของแคว้นตงหลิงมันตั้งอยู่บนเส้นทางสายหลักที่อยู่ตรงกลางสุดของแคว้นตงหลิง ซึ่งทะลุผ่านทั้งแคว้น และเชื่อมโยงเศรษฐกิจทั้งแคว้นเข้าด้วยกัน เป็นสถานที่สำคัญสำหรับการรวมตัวของเหล่าพ่อค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจถ้าหากเสียเมืองแห่งนี้ เศรษฐกิจของแคว้นตงหลิงจะซบเซาลงครึ่งหนึ่งและเมื่อไม่มีการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ จะมีเงินทำสงครามได้อย่างไร?จุดประสงค์ของเฟิงเย่เสวียนนั่นชัดเจนมาก ถ้าไม่ลงมือก็ไม่ทำอะไรเลย แต่เมื่อไรที่ลงมือแล้ว ก็โจมตีจุดสำคัญโดยตรงเฟิงเจิ้งหลีขมวดคิ้ว “จะเสียเมืองนี้ไม่ได้
เฟิงเจิ้งหลีมาแค่สองเค่อ ก็ไปที่ห้องทรงพระอักษรอย่างเร่งรีบแล้ว เหมือนมีเรื่องเร่งด่วนอะไรบางอย่างฉู่เชียนหลีที่ได้รับอิสรภาพในที่สุด ก้าวออกจากตำหนักเจาหยางอย่างแทบรอไม่ไหวผ่านไปครึ่งเดือน ตอนที่ออกมาเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งอากาศที่บริสุทธิ์ยังคงสดชื่นฉู่เชียนหลีอุ้มจื่อเยี่ย เตรียมไปเยี่ยมไท่ซ่างหวง เพิ่งเดินออกจากประตูตำหนัก ก็ถูกทหารรักษาพระองค์แปดนายติดตามนางไปที่ไหน พวกเขาไปที่นั่นนางเดินเร็ว พวกเขาก็เดินเร็ว นางเดินช้า พวกเขาก็เดินช้า รักษาระยะห่างไว้ที่สามเมตรตลอดฉู่เชียนหลีนิ่งไปครู่หนึ่งตอนแรกคิดว่าเฟิงเจิ้งหลีรู้สึกผิด ในที่สุดก็ยอมปล่อยนางออกมา ที่แท้แค่เปลี่ยนวิธีจับตาดูนาง แต่ก็ดี สามารถออกมาเดินเล่น อย่างไรก็ดีกว่าถูกขังอยู่ในตำหนักเจาหยางตลอดเวลาไม่คอยท่า นางรีบไปอย่างที่พักของไท่ซ่างหวงทันทีที่นี่ก็ถูกทหารรักษาพระองค์เฝ้าอย่างแน่นหนา เหมือนกับเป็นคุกที่หรูหราแห่งหนึ่ง“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านมาแล้ว…”ไม่ได้เจอกันหลายวัน ขมับทั้งสองข้างของเต๋อฝูกลายเป็นสีขาว สีหน้าซีดเซียว เหมือนแก่ขึ้นสิบปี แม้แต่หลังก็คร่อมแล้วเมื่อเห็นฉู่เชียนหลี เต๋อฝูน้ำตาคลอเ
ทหารรักษาพระองค์คนนี้ถอยออกไป เพิ่งพลบค่ำ เฟิงเจิ้งหลีก็มาแล้วฝีเท้าของเขาเร่งรีบ และยังดีใจเล็กน้อย เดินปรี่เข้าไปในห้อง ประโยคแรกก็ถามอย่างสุขใจ“ทหารบอกว่าเจ้าคิดถึงข้าแล้ว?”“?”นางให้ทหารรักษาพระองค์คนนั้นหาวิธี คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวิธีแย่ๆ เช่นนี้…นางไม่ได้ปฏิเสธ “ช่วงนี้ยุ่งมากเลยหรือ?”เฟิงเจิ้งหลีเข้าห้อง “นิดหน่อย”นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย“สีหน้าเจ้าดูไม่ดีนัก ไม่ได้พักผ่อนเลยกระมัง? มีเรื่องอะไรต้องยุ่งทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้? ถ้าหากเหนื่อยจนล้มป่วย แผ่นดินที่กว้างใหญ่นี้ ก็ตกไปเป็นของคนอื่นแล้ว”เฟิงเจิ้งหลีหัวเราะพลางส่ายศีรษะมีแต่นางที่กล้าพูดเช่นนี้กับเขาใจกล้า ตรงไปตรงมา และยังประชดประชันเขา ล่วงเกินเขาอย่างไม่เกรงใจเขา แต่เขาดันชอบนางที่เป็นเช่นนี้ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆหลังจากเฟิงเย่เสวียนไปถึงที่ศักดินาในเขตเจียงหนาน วาดเขตแดน ตั้งตนเป็นกษัตริย์ เกณฑ์ทหารเข้ากองทัพ แบ่งดินแดนของแคว้นตงหลิงไปครึ่งหนึ่ง เขากำลังจัดการเรื่องนี้ ชั่วขณะยากที่จะได้ผลลัพธ์“รอผ่านช่วงนี้แล้ว ข้ามาหาเจ้าทุกวัน”ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “ฟังที่เจ้าพูด คือตั้งใจจะขังข้าไว้ที่นี
พริบตาเดียว ก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือนตำหนักเจาหยางนี่เป็นวันที่เท่าไรที่ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ นางจำไม่ได้แล้ว ตั้งแต่เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยมา ทุกๆ วันของนางถูกเติมจนเต็มภายใต้การดูแลอย่างเอาใจใส่ บาดแผลบนแขนของจื่อเยี่ยหายดีแล้ว เจ้าหนูน้อยดูมีชีวิตชีวา ใบหน้าน้อยแดงระเรื่อ ดวงตาสุกใส สดชื่นคึกคัก ร้องอีอาๆ ทุกวันจับตรงนี้ ถีบตรงนั้นผ้าอ้อมที่เพิ่งเปลี่ยนเสร็จ ถูกเขาถีบจนเบี้ยวเพราะพลิกตัว“อา!”เสียงทั้งดังทั้งสดใสเมื่อฉู่เชียนหลีที่อ่านตำราแพทย์ข้างเปลโยกได้ยินเสียง เงยหน้ามองไป ก็หน้าบึ้งทันที“เหตุใดถีบอีกแล้ว?”ทำได้เพียงเก็บตำราแพทย์ สวมผ้าอ้อมให้ดี หยิกแก้มเขาเบาๆ“เพิ่งกินอิ่ม ห้ามขยับมั่ว เดี๋ยวจะอาเจียนนมนะ รู้หรือไม่?” เสียงดุเหมือนกำลังขู่จื่อเยี่ยน้อยกระพริบดวงตาที่สุกใสคู่นั้น มองนางอย่างมีชีวิตชีวา แสยะปากน้อยๆ หัวเราะคิกคักฉู่เชียนหลีเพิ่งนั่งลง หยิบตำราแพทย์ขึ้นมาก็ได้ยิน“อา!”เสียงดังขึ้นเจ้าหนูน้อยดึงผ้าอ้อมออกนาง “...”ถือว่านางเข้าใจแล้ว เจ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่อยากให้นางอ่านตำรา จงใจแกล้งนาง อยากให้หนังเล่นด้วยตีด่าก็ทำไม่ลง ทำได้เพียงถอน
“เป็นไปไม่ได้ที่เฟิงเย่เสวียนจะไม่ข้ามแม่น้ำ นอกเสียจากเขาติดปีกบินข้ามไป!”คำพูดของเฟิงเจิ้งหลีเพิ่งสิ้นเสียง ก็มองเห็นร่างกายของทหารคนนั้นสั่น สายตาของเขาเย็นลงทันที พลันกระชากคอเสื้อของเขา“เจ้ากำลังโกหก!”ทหารตกใจจนหน้าซีด“ฝ่า ฝ่าบาท…”“พูด เกิดอะไรขึ้นกันแน่!” เขาตวาดอย่างเย็นชา“กระหม่อม กระหม่อม…กระหม่อม…” ทหารอ้ำอึ้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นอาการร้อนตัว มีบางอย่างปิดบังเมื่อเห็นฮ่องเต้พิโรธ รู้ว่าปิดไม่อยู่แล้ว เขากลัวจนยอมพูดสิ่งที่เกิดขึ้น“กระหม่อมพูด! ในคืนเมื่อสามวันก่อน อ๋องเฉินพยายามบุกข้ามสะพาน รถม้าพลั้งตกลงไปในแม่น้ำอูหลาน แม่ทัพหลี่บอกว่าเป็นต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ ตอนนี้กำลังกู้ศพ เตรียมนำศพของอ๋องเฉินกลับมา ค่อยสารภาพกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!” อูหนูอุทานด้วยนิสัยของอ๋องเฉิน จะทำผิดพลาดเรื่องโง่ๆ อย่างรถม้าตกแม่น้ำได้อย่างไร?นางรีบถามต่อทันที“พวกเจ้าเห็นอ๋องเฉินตกแม่น้ำกับตาตัวเองหรือไม่?”คำถามนี้ทำเอาทหารตะลึงโดยตรง“ไม่ ไม่เห็น…คืนนั้น อ๋องเฉินอยู่ในรถม้าตลอด ไม่พูด ไม่แสดงตัว…”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาเข้าใจอะไรบางอย่างทันที หน้าซีดเหมือนกับคนตา
“ฝ่าบาท…”ฉู่เจียวเจียวเสียงอ่อน ข่มความโกรธลงไป เดินเข้าไปแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “พระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ มีเรื่องมากมายต้องทำ เรื่องของผู้หญิงในวังหลัง ให้หม่อมฉันดูแลเองเพคะ”ท่าทางของนางอ่อนโยนเอาใจใส่ วางมาดเหมือนเป็นภรรยาที่รู้หน้าที่เฟิงเจิ้งหลีมองนางอย่างเย็นชา“ให้เจ้าดูแล? แน่ใจหรือว่าไม่ใช่ช่วยจนยุ่ง ทำให้เรายิ่งต้องหนักใจ?”“...”นางก็แค่ให้ฉู่เชียนหลีอดอาหารสามวันไม่ใช่หรือ?ไม่ได้กินข้าวสามวัน ไม่ตายสักหน่อย ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้นางกลับปวดใจฉู่เชียนหลีจนมาถามนาง?ฉู่เจียวเจียวโกรธมาก มือสองข้างก็กำจนแน่นแล้ว เล็บมือจิกเข้าไปในฝ่ามือ กล่าวเสียงเย็น“ฉู่เชียนหลีคือภรรยาของผู้กระทำความผิด ไม่ฆ่านางก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว หรือยังจะเลี้ยงนางไว้ในวัง ยกย่องให้เป็นแขกคนสำคัญ?”สายตาเฟิงเจิ้งหลีเย็นชา “ภรรยาผู้กระทำความผิด”“นางเป็นภรรยาผู้กระทำความผิดตั้งแต่เมื่อไร? เฟิงเย่เสวียนเขียนหนังสือปลดแล้ว นางเป็นเพียงพระชายาที่ถูกปลด เกี่ยวอะไรกับเฟิงเย่เสวียน? ฉู่เจียวเจียว ระวังคำพูดของเจ้า!”ฉู่เจียวเจียวสะอึกทันที“หม่อมฉัน…”“อีกอย่าง ฉู่เชียนหลียังมีประโยชน
สิ่งที่เขาต้องการนั้นง่ายมากทุกวันหลังทำงานเสร็จ เมื่อกลับถึงห้อง เห็นนางเลี้ยงลูก เล่นกับลูก นางหัวเราะ พวกเขาทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า อบอุ่นเหมือนภาพวาดนางนั่งอยู่ตรงหน้าเขานี้เอง เขาเหมือนอยู่ใกล้นางมาก แต่ก็เหมือนอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมสายตาของเขาลึกซึ้ง เข้าใกล้นางโดยไม่รู้ตัว จับคางของนางเบาๆฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อย กำลังจะส่ายศีรษะ“ยังอุ้มเด็กไว้ อย่าขยับ” เขากล่าว ขณะเดียวกันก็ควักยาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาก้อนเล็กๆ ทาลงบนแก้มของนางนิ้วมือนวดเบาๆ อ่อนโยนมากท่าทางที่ระมัดระวังนั่น เหมือนกำลังปฏิบัติต่อสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งฉู่เชียนหลีหลุบตาลง ปล่อยให้เขาทำต่อไปเขากล่าว“ต่อไป ไม่มีใครสามารถรังแกเจ้าได้อีก”“ฉู่เจียวเจียวจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก”“จำไว้ว่าวันข้างหน้าเจอเรื่องอะไรให้บอกข้า ข้าคือที่พึ่งของเจ้า เจ้าสามารถเชื่อใจข้าโดยไม่มีเงื่อนไข”“แค่เจ้าขมวดคิ้วทีหนึ่ง ข้าก็ไม่มีความสุขแล้ว เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เขาถอนหายใจเบาๆ ซ่อนความรักและความอ่อนโยนทั้งหมดของตัวเองไว้ในนั้นหลังจากผ่านไปธูปครึ่งก้านทายาเสร็จก็ปล่อยนางแล้วในที่สุดฉู่เชียนหล
“...”ฉู่เชียนหลีถือว่าเข้าใจความหมายของเขาแล้ว อุ้มเด็กมาขู่นาง“ส่งเด็กมาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้ามา สะบัดชายเสื้อ แล้วนั่งลงที่ข้างโต๊ะสง่างาม “ข้าบอกแล้ว กินข้าวก่อน”“เจ้า…”“อย่าท้าทายความอดทนของข้า นิสัยของข้าไม่ได้ดีตลอด ครู่ต่อมาอาจเปลี่ยนใจก็ได้”“...”สายตาฉู่เชียนหลีเย็นลง กัดฟันแน่น เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งนางมองเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย แล้วหันไปมองเฟิงเจิ้งหลี ทำได้เพียงเดินไปที่ข้างโต๊ะ ยกข้าวขึ้นมาหนึ่งชาม ก็เริ่มกินอย่างเต็มปากเต็มคำเมื่อเฟิงเจิ้งหลีเห็นแล้ว คิ้วจึงจะคลายออก“ดีมาก”ผู้หญิงที่เชื่อฟัง จึงจะคู่ควรกับความรักของผู้ชาย“ดื่มน้ำแกงหน่อย”ฉู่เชียนหลีไม่อยากคุยกับเขา เอาแต่เขี่ยข้าวใส่ปาก แล้วกลืนลงไปโดยไม่เคี้ยว พลันไม่ระวังสำลักแล้วเขาไม่สบอารมณ์ทันที“รีบอะไร?”เขาพลางตบหลังของนาง พลางรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว “เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีใครสามารถแย่งเขาไปได้ เจ้ารีบร้อนอะไร?”นางสำลักจนแก้มแดง ผ่านไปหนึ่งนาทีจึงจะดีขึ้น กล่าว“เจ้าสามารถแย่งไปได้”เขา “...”“เทียบกับใช้คำว่าแย่ง ข้าชอบคำว่าเลี้ยงมากกว่า พวกเราเลี้ยงเขาด้ว