Share

บทที่ 563

Author: จี้เวยเวย
“กว่าเจ้าจะมีลูกได้สักคนมิได้ง่ายดาย ขอเพียงนางตั้งใจคลอดเด็กคนนี้อย่างสงบ ข้าเชื่อว่าด้วยกำลังของตระกูลฉิน ย่อมมิปล่อยให้นางต้องลำบาก จะต้องมีหนทางให้เจ้าได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้งเป็นแน่”

ทว่าเมื่อได้ฟังถ้อยคำนี้แล้วหลินจือเยว่กลับเผยสีหน้าขมขื่นออกมา

“เป็นไปมิได้หรอกขอรับ แม่ทัพฉินก็ปลดฉินฮูหยินไปแล้ว กระทั่งสองแม่ลูกคู่นั้นยังมิอยากจะข้องเกี่ยว เช่นนั้นจะมาช่วยเหลือข้าได้อย่างไร?”

ได้ยินเช่นนั้น หลินรั่วหลานถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ “เจ้าว่ากระไรนะ? แม่ทัพฉินจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกนางแม่ลูกได้อย่างไร?”

“เป็นเรื่องจริงขอรับ” หลินจือเยว่ถอนหายใจยาวเหยียด แรกได้ยินข่าวเขาก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ทว่าเมื่อลองคิดดูแล้วแต่ไหนแต่ไรแม่ทัพฉินก็เป็นคนไม่แยแสเช่นนี้อยู่แล้ว

ขณะนั้นเอง หลินรั่วหลานก็พลันลุกพรวดขึ้นมา ตะโกนด่ากราดกู้อวิ๋นเวยด้วยความเดือดดาล

“นังหญิงชั่ว! เจ้าโกหกข้า!”

กู้อวิ๋นเวยกลับหัวเราะเยาะขึ้นมา “ข้าหลอกเจ้าแล้วจะอย่างไร? หากมิใช่เพราะเจ้าก่อเรื่อง มีหรือที่ข้าจะถูกปลดได้?”

“หากเจ้ามิก่อเรื่องเช่นนี้ ข้าก็ยังมีโอกาสช่วยพวกเขาได้ แต่ตอนนี้เจ้ากลับทำให้ข้าสูญเ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 564

    “ท่านแม่ จู่ๆ กลับคำพูดต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทเช่นนั้น มีโทษถึงตายเลยมิใช่หรือ?”“ก็แน่นอนว่านางต้องตายอยู่แล้วสิ!”ภายในดวงตาของกู้อวิ๋นเวยฉายชัดถึงความตื่นเต้นและอำมหิต นางเฝ้ารอที่จะได้เห็นหลินรั่วหลานตายตกไปแทบไม่ไหวอยู่แล้ว!หญิงมากความผู้นี้กล้าตบตีทำร้ายนาง ซ้ำยังทำนางต้องตกเป็นภรรยาที่ถูกขับไล่ หากปล่อยให้อยู่ดีมีสุขต่อไปแล้วความแค้นที่สุมแน่นอยู่ในอกนางจะมอดดับลงได้อย่างไรเล่า?ฉินซวงซวงถึงกับหน้าถอดสี “โทษถึงตายเชียวหรือ?”กู้อวิ๋นเวยพยักหน้า “นางทำตัวเองแท้ๆ หากนางมิเข้าวังไปร้องทุกข์ต่อฝ่าบาทเรื่องราวก็คงมิบานปลายมาถึงขั้นนี้หรอก นางสมควรแล้ว!”“นางตายไปเสียก็ดีแล้ว อยู่ไปก็คอยแต่จะสร้างปัญหามิให้ได้หยุดหย่อน ขอเพียงไร้นาง วันข้างหน้าเจ้าก็จะมิมีแม่สามีน่ารำคาญใจเช่นนี้อีกต่อไป”แม้ฉินซวงซวงจะรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ทว่าเมื่อครุ่นคิดให้ดีก็กลับรู้สึกโล่งอกขึ้นมา อย่างไรเสียนางก็ไม่ถูกชะตากับหลินรั่วหลานอยู่นานแล้ว!“หลินรั่วหลานจะถูกกุดหัวในเที่ยงวันพรุ่งนี้!”ผู้คุมผู้หนึ่งเดินเข้ามาแจ้งข่าวคราวได้ยินเช่นนั้น หลินรั่วหลานที่เดิมทียังคงพร่ำพรรณาถึงความทุกข์ยากในห้อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 565

    หลินจือเยว่หน้าซีดขาวไร้สีเลือด ท่านพ่อสิ้นชีพไปนานแล้ว เหลือก็แต่เพียงเขาและท่านแม่สองคนให้ได้พึ่งพาอาศัยหล่อเลี้ยงกันไปหากบัดนี้ยังต้องสูญสิ้นท่านแม่ไปอีกคน บนโลกนี้จะไม่เหลือเพียงตัวเขาโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ผู้เดียวหรอกหรือ?ทว่าฝ่าบาทมีพระราชโองการลงมาเช่นนี้ ไม่ว่าจะวิงวอนร้องขออย่างไรก็ไร้ผลแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานภาพของเขาที่แม้แต่โอกาสให้ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทก็ยังไม่มี“เจ้ารีบตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้เถิด ความผิดที่เจ้าทำลงไปมีโทษสถานเดียวคือโทษถึงตาย!”นัยตากู้อวิ๋นเวยเต็มด้วยความเยาะหยัน เมื่อเห็นหลินรั่วหลานตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว หัวใจของนางก็พองโตสุขสะใจเสียจนไม่อาจอธิบายสมควรแล้ว!กล้าทำร้ายนาง แค่กุดหัวยังนับว่าปรานีเกินไปมากแล้ว!“ท่านแม่ยาย ที่ท่านแม่ข้าพลั้งมือทำลงไปก็เพียงเพื่อปกป้องข้าเท่านั้น ไยท่านจะต้องใจร้ายต่อกันถึงเพียงนี้เล่า?” หลินจือเยว่เอ่ยถามด้วยดวงตาแดงก่ำกู้อวิ๋นเวยปรายตามองเขาจังหวะหนึ่ง ทีท่าฉายชัดถึงความยโสโอหัง “หลินจือเยว่ เจ้าจะต้องเข้าใจเสียทีว่าข้าเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้!”“แม่ของเจ้าก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้เอง มิใช่นางก็ข้าที่ต้อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 566

    กู้อวิ๋นเวยร้องไห้อย่างเจ็บปวด มองเส้นผมถูกดึงหลุดบนพื้น รู้สึกคล้ายศีรษะของตนว่างเปล่าไปหย่อมใหญ่หลินจือเยว่เองก็ไม่สามารถระงับไหวอีกต่อไป “ท่านทำร้ายท่านแม่ข้าจนไม่มีทางรอดแล้ว บัดนี้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือยังเสียใจอีก?”กู้อวิ๋นเวยรู้สึกเหลือจะเชื่อ “เจ้าพูดอะไร?”สายตาหลินรั่วหลานโกรธแค้น อาศัยช่วงกู้อวิ๋นเวยร้องไห้โอดครวญ มือที่เปื้อนเลือดจับปิ่นปักผมกรีดหน้าของกู้อวิ๋นเวย!อย่างไรเสียนางก็ไม่มีหนทางรอดแล้ว ต่อให้ไม่สามารถฆ่ากู้อวิ๋นเวยได้ ก็ไม่มีวันปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดี!กู้อวิ๋นเวยสัมผัสได้ถึงอันตรายครู่ต่อมาจึงอยากหลบไปข้างหลัง จนใจที่ไม่ทันการณ์แล้ว นางรู้สึกเพียงปิ่นปักผมกรีดลงบนหน้าตนเอง นำพาเอาความเจ็บปวดมาด้วย“กรี๊ด!”เสียงแหลมสูงดังขึ้น ภายในสายตากู้อวิ๋นเวยเปี่ยมความตกตะลึงหวาดกลัว ปิดใบหน้าที่ได้รับบาดเจ็บของตน ก้มหน้ามองก็พบมือสีแดงเปื้อนเลือด“เลือด ล้วนคือเลือด...”กู้อวิ๋นเวยเกิดความกลัวภายในใจ หันมองทางฉินซวงซวงอย่างว้าวุ่น “ใบหน้าข้าถูกทำลายไปแล้วใช่หรือไม่?”ฉินซวงซวงถูกหลินรั่วหลานที่เสียสติไปทำให้ตกตะลึงอึ้งงันอยู่กับที่แล้ว วันปกติเลวร้าย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 567

    “ท่านพูดอะไรน่ะ?” ฉินซวงซวงเบิกตากว้าง “ทั้งๆ ที่ข้าอุ้มท้องลูกของท่าน ท่านถึงขั้นสงสัยว่าเป็นลูกของคนอื่น?”หลินรั่วหลานที่กำลังตัวชาเพียงได้ยินว่าเด็กอาจไม่ใช่ของหลินจือเยว่ หัวใจตึงเครียดขึ้นมา รีบจับมือหลินจือเยว่ถามไล่เรียงว่า “นางตั้งครรภ์นานมากเพียงใดแล้ว?”“หนึ่งเดือน” หลินจือเยว่ตอบสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก“นั่นมิใช่ช่วงที่จับได้ว่ามีชู้หรือ?”หลินรั่วหลานจดจำเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน คำนวณดูแล้วบังเอิญเป็นช่วงเวลานั้นจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นางจำได้ว่าช่วงนั้นจือเยว่และฉินซวงซวงขัดแย้งกัน ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ไม่ดี น่ากลัวว่ามิได้นอนร่วมห้องกันเช่นนี้แล้ว เด็กคนนี้ก็อาจเป็นลูกชู้หลินจือเยว่พยักหน้า ในฐานะบุรุษ นี่คือการหยามเกียรติอย่างใหญ่หลวงฮูหยินมีชู้ ยังไม่ต้องพูดว่าบัดนี้อาจท้องลูกชู้ของคนอื่น แท้จริงแล้วเขาเองก็คำนวณวันภายในใจมาโดยตลอดทีแรกยังสามารถพูดเอาชนะใจตนเองได้ ทว่าลองนึกถึงสถานการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนอย่างละเอียดแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ เด็กคนนี้น่าจะเป็นของเหยาจิ่นเฉิง ชนิดที่ว่าฉินซวงซวงมีชายอื่นอยู่ภายนอกหรือไม่เขาก็ไม่แน่ใจสรุปก็คือ เด็กคนนี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 568

    “ไม่ต้อง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนดี ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”หัวหน้าผู้คุมโบกมือ เขาเชี่ยวชาญการมองสีหน้าคนที่สุด คนหนึ่งคือภรรยาลูกสาวสกุลฉินที่ถูกทอดทิ้ง คนหนึ่งคือสกุลหลินที่ไม่อาจพลิกชะตากลับมาได้อีก เดิมทีก็ไม่มีเบื้องหลังให้พูดถึงพวกเขายังล่วงเกินท่านอ๋องอีกด้วย ช่วยพวกเขาไม่เพียงไม่มีข้อดียังจะพลอยซวยตามตกกันไป ตัวโง่งมเท่านั้นถึงจะทำเรื่องพรรค์นี้!……ณ สกุลซ่งซ่งรั่วเจินมั่นใจว่าอีกไม่นานบิดาของตนก็สามารถกลับมาได้ รู้สึกยินดีอย่างมากนับตั้งแต่นางทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ยังไม่เคยพบบิดามาก่อน แต่ภายในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็รู้ว่าบิดาดีต่อนางมากเดิมทีต้องการแจ้งข่าวนี้ต่อมารดาก่อน แต่กังวลนางรู้แล้วจะร้อนใจ นี่จึงตัดสินใจรอข่าวที่แน่นอนยืนยันกลับมาก่อนแล้วค่อยพูดจากนั้น นางเพิ่งกลับมาก็ได้ยินว่าคนสกุลกู้มาเยี่ยมเยียน หลิ่วหรูเยียนเรียกนางไปพร้อมกันที่เรือนส่วนหน้า“สกุลกู้มาเยี่ยมอย่างกะทันหันในตอนนี้ คาดว่ามาขอบคุณกระมัง?”หลังหลิ่วหรูเยียนกลับมาแล้วก็อดรู้สึกกังวลสถานการณ์ของฮูหยินผู้เฒ่ากู้ไม่ได้ นางเชื่อวิชาแพทย์ของเจินเอ๋อร์ เพียงแต่ความสัมพันธ์ของสองตระกูลก็เป็นเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 569

    กู้ชิงซิวมองหลิ่วหรูเยียนตรงหน้า ก็เกิดความรู้สึกราวกับเคยรู้จักกันก็มิปาน คล้ายเคยพบที่ใดมาก่อน แต่นึกไม่ออกจริงๆ เพียงแต่รู้สึกสนิทสนมกันอยู่ภายในใจแปลกเหลือเกิน!“เหตุที่พวกเราเร่งเดินทางมา แท้จริงแล้วยังมีอีกเรื่องต้องการขอร้อง”กู้ชิงซิวเห็นกู้ชิงเหยี่ยนทักทายปราศรัยไปแล้ว หลังชื่นชมเด็กทั้งห้าของสกุลซ่งเรียบร้อย นี่ถึงพูดเป้าหมายที่แท้จริงที่มาที่นี่ในวันนี้“นายท่านรองกู้พูดโดยตรงเถอะ” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยปาก“วันนี้หลังกลับไปแล้วหมอก็จับชีพจรของท่านแม่ เดิมทีหลังนางหมดสติไปแล้วร่างกายจะแย่ลง แต่ปรากฏว่าได้พบสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าไม่เพียงอาการไม่แย่ลง ตรงข้ามกันยังดีขึ้น”“หมอพูดว่าหากสามารถได้กินยามากหน่อย เชื่อว่าอาการของท่านแม่จะต้องดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นพวกเราจึงมาเพื่อขอยา”กู้ชิงเหยี่ยนรีบพูดเสริม “พวกเรารู้ว่ายาจะต้องล้ำค่ามาก พวกเราอยากซื้อกลับไป หวังว่าฮูหยินซ่งจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราและแม่ทัพซ่ง ช่วยเหลือพวกเราในครั้งนี้”หลิ่วหรูเยียนเองก็คิดไม่ถึงว่ายาลูกกลอนนี้จะมีประสิทธิภาพดีถึงเพียงนี้ หันมองลูกสาวบ้านตนอย่างไม่รู้ตัว นางไม่รู้ว่าเจินเอ๋อร์ยังมียาอยู

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 570

    “เป็นผลงานของเจินเอ๋อร์”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าเองก็เผยแววภาคภูมิใจหากไม่ใช่เพราะระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นที่บ้านอย่างต่อเนื่อง นางกังวลคนโดดเด่นเกินไปอาจตกเป็นเป้า นี่ก็อยากทำให้คนทั่วหล้าได้รู้ว่าลูกสาวของนางมีความสามารถมากเพียงใด!สองพี่น้องสกุลกู้ลอบตกตะลึงภายในใจ ที่แท้แม่นางซ่งก็มีความสามารถถึงเพียงนี้ อยู่ภายนอกกลับถ่อมตนอย่างมาก สายตาฉู่อ๋องไม่ธรรมดาดังคาดซวงซวงใช้ทุกกลเม็ดโจมตีทำลายงานแต่งของอีกฝ่าย อีกฝ่ายยังไม่ถือสาหาความเรื่องที่ผ่านมาและช่วยรักษามารดา ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด“เช่นนั้นก็ขอรบกวนแม่นางซ่งแล้ว บุญคุณครั้งนี้พวกเราจดจำไว้ภายในใจแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราขอให้พูดออกมาโดยตรง ตราบใดที่พวกเราสามารถทำได้ จะไม่มีวันปฏิเสธเป็นอันขาด!”กู้ชิงเหยี่ยนเผยสีหน้าจริงจัง แท้จริงแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่องกับซ่งหลิน พวกเขาเองก็ลอบช่วยเหลือเล็กน้อย เพียงแต่ด้วยความสัมพันธ์ของสองฝ่าย จึงมิได้เปิดเผยออกมาบัดนี้ก็ใช้โอกาสนี้ ดึงความสัมพันธ์ของสองตระกูลให้ใกล้ชิดกัน พวกเขาเองก็สะดวกมากยิ่งขึ้น นับว่าทำให้มิตรภาพระหว่างพวกเขาและซ่งหลินสมบู

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 571

    ซ่งอี้อันเผยสีหน้าตกตะลึง แต่ตกใจเพราะท่านลุงทั้งสองท่านนี้ยังไม่ได้นับญาติก็สืบข่าวของบิดาอยู่ตลอดหลังเกิดเรื่องกับบิดา พวกเขาเห็นความเย็นชาและอบอุ่นของคนจนคุ้นชินแล้วในอดีตคนที่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเหล่านั้นค่อยๆ ห่างเหินไปทีละคน กลัวว่าตนเองจะเกี่ยวข้องกับพวกเขา คนช่วยเหลือในยามลำบากก็มี แต่ส่วนใหญ่กลับเพียงแค่รับชมอยู่ข้างๆ หลายปีที่ผ่านมาสกุลกู้ไม่ได้มีการติดต่อกับพวกเขามาโดยตลอด แต่กลับคอยช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ความสัมพันธ์นี้...แท้จริงแล้วล้ำค่ามาก“ขอบท่านลุงมากขอรับ ที่ยังคงคิดถึงท่านพ่อของข้า” ซ่งอี้อันกล่าวกู้ชิงเหยี่ยนมองไปที่ซ่งอี้อันที่เติบโตแล้วตรงหน้า ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม “คนในตระกูลซ่งของพวกเจ้าล้วนเป็นเด็กดี เชื่อว่าพ่อของเจ้ากลับมาได้เห็นเจ้าเข้าไปทำงานในราชสำนัก เขาจะต้องดีใจมากแน่”“ในภายภาคหน้าหากเจอปัญหาอะไร อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเรา”“พูดไปแล้วก็รู้สึกผิด พวกเราเป็นผู้ใหญ่ของพวกเจ้า เดิมทีก็สมควรจะดูแลเอาใจใส่ให้มาก แต่เพราะเรื่องในอดีตเหล่านั้นมากระทบ”กู่ชิงซิวหันมองทางหลิ่วหรูเยียน “ตอนนี้พวกเจ้ายอมช่วยพวกเราโดยไม่ถือ

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 593

    บัดนี้ยังมีผู้ใดบ้างเล่ากล้าตั้งสัตย์สาบานต่อหน้าซ่งรั่วเจิน?กลางวันแสกๆ นางก็สามารถเรียกทัณฑ์อัสนีมาสังหารคนทั้งเป็นได้ หากตั้งสัตย์เท็จจะไม่เท่ากับรนหาที่ตายเองหรอกหรือ?ดวงตานายหญิงหลิ่วหดเกร็งด้วยหวั่นเกรง นางไม่ได้อยากตาย!“เจินเอ๋อร์ นางเป็นถึงท่านยายของเจ้า เจ้าก็อายุอานามเพียงเท่านี้เหตุใดจึงได้ใจคอโหดร้ายเพียงนี้!”นายท่านหลิ่วว่าด้วยขุ่นเคืองแกมแฝงด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ช่างเถิด ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ต้อนรับพวกข้าแล้วจริงๆ จึงได้ใช้วิธีต่ำช้าถึงเพียงนี้เพื่อตัดสัมพันธ์กับพวกข้า”“ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าวางแผนรัดกุมรอบคอบเช่นนี้ไปเพื่ออะไร แต่พวกเราจะไปให้เดี๋ยวนี้แหละ!”ว่าพลาง นายท่านหลิ่วก็จูงมือนายหญิงหลิ่วเดินจากไป ท่าทีโกรธเกรี้ยวดูราวกับถูกเหยียดหยามเต็มประดาซ่งรั่วเจินมองดูละครลวงโลงแสนช่ำชองจากครอบครัวนี้แล้ว ในดวงตาก็ฉายแววเย้ยหยันอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดิบดีเพื่อแสดงละครฉากหนึ่ง บัดนี้ยังคิดเสแสร้งแกล้งทำตนเป็นผู้ถูกกระทำให้ผู้อื่นชี้หน้าด่าทอพวกนาง มีหรือที่เรื่องจะง่ายดายได้เช่นนั้น?“หรือจะถูกข้าพูดแทงใจเข้า จึงได้ร้อนตัวจนต้องรีบหนีกลับกัน?” ซ่ง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 592

    ว่าพลาง ซ่งรั่วเจินก็ส่งกระดาษเขียนยันต์ในมือให้กับฉู่จวินถิงหากนางเป็นผู้จุดเทียนเองก็เกรงว่าครั้นผลลัพธ์ปรากฏขึ้น สกุลหลิ่วก็ยังจะคิดหาหนทางมาปฏิเสธอยู่วันยังค่ำ แต่การให้ฉู่จวินถิงจุดเทียน ย่อมทำให้พวกเขาหุบปากสิ้นข้อสงสัยเมื่อผู้คนได้ยินได้เห็นถึงการพิสูจน์สายเลือดที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้แล้ว ในดวงตาก็ค่อยๆ เปี่ยมเต็มด้วยความกระหายใคร่รู้หลิ่วเฟยเยี่ยนจำยอมกรีดปลายนิ้วของตน นำเอาหยาดเลือดสดหยดลงบนกระดาษเขียนยันต์ด้วยความไม่เต็มใจ ตั้งแต่ได้รู้ว่าในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ซ่งรั่วเจินได้ใช้คำสัตย์สาบานเรียกทัณฑ์อัสนีลงมาฟาดฟันใส่คนพูดปดสองคนจนถึงแก่ชีวิตทั้งเป็น ในใจของนางก็อดหวาดผวาขึ้นมาไม่ได้หญิงผู้นี้ช่างเป็นนางมารนางปิศาจโดยแท้!ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดหลิ่วหรูเยียนจึงได้คลอดบุตรสาวเช่นนางออกมาได้ ทั้งยังเห็นประหนึ่งสมบัติล้ำค่า!ไม่นานกระดาษเขียนยันต์ก็ถูกจุดขึ้นโดยฉู่จวินถิง ผู้คนต่างเป็นประจักษ์พยานกันโดยทั่วว่าเทียนไขทั้งสี่เล่มล้วนถูกจุดขึ้นจนสว่างไสวลุกโชน เสียก็เพียงแต่กระดาษยันต์ที่ค่อยๆ มอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้ากลับคล้ายมีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงอยู่กับ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 591

    ทันทีทันใดที่สิ้นเสียงของซ่งรั่วเจิน สีหน้าของนายหญิงหลิ่วก็พลันเปลี่ยนสีนางลืมไปเสียสิ้นว่าซ่งรั่วเจินมีความสามารถเช่นนี้อยู่กับตัว!“เจ้าลูกอกตัญญูมิรู้คุณ! แม่ของเจ้าก็คือข้าอย่างไรเล่าที่อุ้มท้องถึงสิบเดือนคลอดเจ้าออกมา บัดนี้เจ้ากลับมาอุตริคิดสงสัยเรื่องเช่นนี้ได้ ตกลงเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน!”นายหญิงหลิ่วคล้ายเดือดดาลจนถึงขีดสุด จึงยื่นมือออกหมายจะทุบตีซ่งรั่วเจิน “เจ้าไม่รู้จักอบรมสั่งสอนลูกให้ดี เช่นนั้นข้าผู้นี้จะช่วยอบรมให้เอง!”ทว่ามือของนายหญิงหลิ่วเพิ่งยื่นออกมากลางอากาศก็ถูกขวางเอาไว้สายตาเยียบเย็นของฉู่จวินถิงกับจ้องเขม็งไปที่นางเสียก่อน “ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วก็เลื่องชื่อมิน้อยเรื่องมิอาจอบรมบุตรหลานให้ดี เช่นนั้นหยุดคิดจะอบรมลูกหลานผู้อื่นเสียจะดีกว่า”สีหน้าของนายหญิงหลิ่วพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางยังพอใช้สถานะความอาวุโสกดข่มผู้อื่นได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่อ๋องเช่นนี้แล้ว ต่อให้ใจกล้าอีกสักร้อยเท่าพันเท่านางก็ไม่กล้า!นางเด็กซ่งรั่วเจินผู้นี้ก็ช่างโชคดีได้น่าบรรลัยแท้ ถึงกับมีฉู่อ๋องมาโปรดปรานให้ความสำคัญเช่นนี้“ท่านอ๋อง ข้าอายุอานามก็ปูนนี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 590

    “พี่หญิง ในใจท่านข้าไม่น่าเชื่อถือปานนั้นเชียวหรือ ท่านถึงได้ใส่ร้ายข้าต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่เห็นข้าเป็นน้องสาวอีกแล้ว ดี ต่อไปข้าจะอยู่ห่างๆ ท่านก็ได้ แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด”“ท่านแค่โทษข้าคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ดีต่อท่านมากเลยนะ”“หรูเยียน พวกเราล้วนแต่เป็นคนในครอบครัว เจ้ากับเฟยเยี่ยนโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ยามนี้กลับทะเลาะจนถึงขั้นพี่น้องแตกหักกันแค่เพื่อร้านค้าร้านเดียวออกจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว”“ต่อไปนางไม่กล้าเรียกร้องร้านขายไก่ทอดอีกแล้ว เจ้าก็หายโกรธเถอะนะ พวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกันดีหรือไม่?” นายหญิงหลิ่วกล่าวทั้งน้ำตาคลอหากเป็นเมื่อก่อน หลิ่วหรูเยียนเห็นนายหญิงหลิ่วเป็นเช่นนี้จะต้องใจอ่อนแน่นอน นางจิตใจดีงามมาตลอด ทนเห็นผู้อาวุโสเสียใจไม่ได้แต่หลังจากรู้ว่านางไม่ใช่ลูกบังเกิดเกล้าของอีกฝ่าย ทุกอย่างนี้กลับแลดูน่าขันยิ่งนักนางถึงกับถูกมารดาจอมปลอมเช่นนี้บีบคั้นมาเสียหลายปี!ซ่งรั่วเจินกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ฝ่ายหลังเข้าใจได้ในทันทีจึงเอ่ยขึ้นมาว่า“ท่านยาย ท่านแม่ย่อมยินดีเห็นคนในครอบครัวอยู่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status