เพียงฟ้าแบมือทั้งสองข้างออกแล้วก้มมองดู แต่ไหนแต่ไรมา มารดาคอยสอนสั่งอยู่เสมอว่าการทำร้ายผู้อื่นเป็นนิสัยของคนพาล ไม่ควรทำ และเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่เราจะไปทำร้ายคนอื่น เหมือนกับที่เพียงขวัญได้บอกเธอไปเมื่อสักครู่ เพราะทุกคำสอนของมารดา ท่านสอนลูกสาวสองคนเหมือนกัน ถึงแม้อีกคนไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ท่านก็เลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน สิ่งที่มารดาพร่ำบอกบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นประโยคที่ว่า แม่หวังแค่ให้ลูกทั้งสองเป็นคนดี ไม่ทำร้ายใคร ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และเอาตัวรอดได้ก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้จะมีนิสัยเอาแต่ใจ เพราะถูกตามใจมาแต่เล็ก ทั้งจากบิดา มารดา และพี่สาวต่างสายเลือดที่ยอมเธอมาตลอด แต่เพียงฟ้าไม่เคยทำร้ายร่างกายใคร ครั้งนี้เธอใช้สองมือทำร้ายคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย เพราะอะไร เพราะเด็กสาวคนนั้นพูดถูกต้องแทงใจดำอย่างนั้นหรือ เพียงฟ้าถอนหายใจแรง เมื่อคิดถึงคำพูดของเด็กสาวที่ว่า
“ใครกันแน่พ่อแม่ไม่สั่งสอน ก็เห็นอยู่ว่าพี่เหมเขาชอบพี่ขวัญ ยังจะมาหน้าด้านอยู่ที่นี่อีก ผัวพี่สาวยังคิดจะแย่งได้อีก”
“แก้ว แก้ว หยุดก่อน” บดินทร์ปั่นจักรยานมาทันเด็กสาวต
“ก็ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมาสอน ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อยแก้วเลยนะ บอกให้ปล่อย” เด็กสาวเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง ระดมทุบไปสุดแรงที่บ่าซึ่งตัวเองกัดจนได้แผลอย่างลืมตัว“โอ๊ย!” บดินทร์ปล่อยมือออกจากร่างเด็กสาว โอดโอยด้วยสีหน้าเหยเกเจ็บเกินจริง ชายหนุ่มกุมบาดแผลที่มีเลือดซึมไว้แน่น“พี่ดิน! เจ็บมากมั้ย แก้วขอโทษ” แก้วใจตกใจกับอาการของเขา เด็กสาวไร้เดียงสาหรือจะตามทันมารยาของชายหนุ่มผู้ผ่านโลกมามากกว่าเกือบแปดปีได้ บดินทร์ก้มหนาโอดโอยอย่างสมบทบาท ในขณะที่พยายามซ่อนยิ้มอย่างยากเย็น“เจ็บมาก แผลน่าจะอักเสบ” ชายหนุ่มงัดมารยาชายร้อยเล่มเกวียนออกมาใช้“ไปหาหมอกันเถอะ เดี๋ยวแก้วปั่นจักรยานเอง พี่ดินนั่งซ้อนท้ายไปนะคะ” เด็กสาวร้อนรนกับอาการบาดเจ็บของคนรัก พยายามฉุดให้เขาลุกขึ้นยืน บดินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกแขนของคนที่ลุกขึ้นยืนให้ล้มทับลงมาบนร่างตน แล้วกอดรัดไว้แน่นอีกครั้ง“พี่ดิน!”“ครับ” เสียงขานรับรื่นเริงจนเด็กสาวเริมเอะใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อบดินทร์เบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้เธอโกรธได้สำเร็จ แถมด้วยการโอบกอดร่างที่เกยทับบนร่างตนเองไว้แน่น เพื่อจะปรับความเข้าใจกั
“ใจร้ายนะเนี่ย ทำผัวได้ลงคอ” ใบหน้านวลแดงก่ำ อะไรของเขานะ ย้ำอยู่นั่นแหละ คำว่าผัวเมียน่ะ รู้มั้ยว่ามันทำให้หัวใจเธอฟูฟ่องพองโตจนคับอกแล้วนะ เพียงขวัญอมยิ้มขณะที่จัดผักใส่จานไปเรื่อยๆ ปล่อยให้คนชอบกอด รัดร่างตัวเองไว้อย่างเอาแต่ใจ เธอชอบช่วงเวลาแบบนี้จัง ชอบความอบอุ่นจากร่างกายของเขา คิดไม่ออกเลยว่า หากสักวันต้องห่างกันเธอจะอยู่ได้อย่างไรเพียงฟ้ามองภาพชายหญิงยืนกอดกันกลมอยู่ในห้องครัวแล้วถอยหายใจเฮือกใหญ่ เหมันต์ดูจะหลงใหลพี่สาวต่างสายเลือดเธอเหลือเกิน จะยากเกินไปมั้ยถ้าเธอดึงดันจะอยู่ที่นี่เพื่อแย่งผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ใกล้ชิดเลย“ขวัญใกล้เสร็จหรือยัง ฟ้าหิวแล้วนะ” เพียงฟ้าตัดสินใจเอ่ยทำลายบรรยากาศออกไป เพียงขวัญรีบเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่น หันกลับมายิ้มและตอบน้องสาว“เสร็จแล้วจ้ะ ฟ้านั่งรอได้เลยจ้ะ คุณเหมไปนั่งรอกับฟ้าเลยนะคะ เดี๋ยวขวัญเสิร์ฟกับข้าวอร่อยๆให้ทาน” รอยยิ้มหวานของคนพูดทำให้เหมันต์ทำตามแต่โดยดี“เห็นขวัญบอกว่าพี่เหมไปใส่บาตรข้าวเหนียวทุกเช้าเหรอคะ พรุ่งนี้ขอฟ้าไปด้วยได้มั้ย ฟ้าอยากทำบุญบ้างค่ะ” เพียงฟ้าฉีกยิ้
“คุณนิธิเป็นผู้ชายอายุสี่สิบสองปี สถานภาพโสด ส่วนสูงอืม...น่าจะสูงน้อยกว่าผมสามเซ็น ก็น่าจะสูงราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็น น้ำหนัก...อันนี้ไม่ทราบจริงๆ เอาเป็นว่าหุ่นบางกว่าผมนิดนึง ไว้ผมรองทรง แต่จัดทรงผมหวีเรียบแปล้เรียบร้อยตลอดเวลา ใส่แว่น แต่แว่นไม่หนาเท่าไรนะ หน้าตาก็พอใช้ได้ ผมว่าดูดีเลยล่ะ แต่ก็หล่อน้อยกว่าผมนะ” เพียงขวัญค้อนวงเล็กๆให้ชายหนุ่ม เธอไม่ได้อยากรู้ละเอียดซะขนาดนั้นสักหน่อย“ขวัญอยากรู้แค่ว่าเขาไว้ใจได้ใช่มั้ยคะ” เหมันต์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ ขณะที่สายตากวาดมองไปบนถนนในยามโพล้เพล้“คุณนิธิทำงานกับคุณพ่อมานานแล้ว จนกระทั่งคุณพ่อเสีย ผมก็ได้คุณนิธินี่แหละคอยช่วยสอนงาน เป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดแล้ว อ้อ...คุณนิธิเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทของเราด้วยนะห้าเปอร์เซ็น คุณพ่อโอนให้ตอนที่ท่านยังไม่เสีย ท่านรักและไว้ใจเขามาก และผมก็เชื่อว่าคุณพ่อดูคนไม่ผิด เป็นไง...สบายใจหรือยัง”“ค่ะ เอ...ว่าแต่บ้านคุณนิธิเขาอยู่ไหนคะ คุณเหมวานให้เขาไปรับฟ้าแบบนี้ ไม่ลำบากแย่หรือคะ” หญิงสาวถามอย่างเป็นกังวล“คุณนิธิอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแถวๆถนนเลี่ยงเมือง ผมโอนก
“ขะ...ขวัญอาบเสร็จแล้วค่ะ” เพียงขวัญรีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพันห่อกายทันทีเมื่อเห็นคนตัวโตเปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ หญิงสาวปิดฝักบัว เบี่ยงตัวเดินห่างเขาให้มากที่สุด เหมันต์ไหวไหล่ไม่สนใจฟังสิ่งที่หญิงสาวต้องการจะสื่อความหมาย ชายหนุ่มปลดผ้าเช็ดตัวออกจากเอวสอบ ยืนเปลือยกายปักหลักขวางประตู ปิดกั้นทางออกไม่ให้คนตัวเล็กได้หนีไปไหนได้อย่างใจ เพียงขวัญหลับตาปี๋ตั้งแต่เห็นมือเขาลดลงไปแกะปมผ้าเช็ดตัวแล้ว หญิงสาวนึกต่อว่าเขาในใจว่า ช่างหน้าไม่อายเหลือเกินที่มายืนเปลือยกายต่อหน้าเธอแบบนี้“ผมยังไม่ได้อาบเลย” เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือศีรษะใกล้ๆทำให้ดวงตาที่หลับอยู่เบิกกว้าง“ตะ...แต่ขวัญอาบเสร็จแล้วค่ะ” เพียงขวัญบอกออกไปด้วยเสี่ยงสั่นๆ อยากจะก้าวถอยหลังไปอีกสักสองสามก้าว เพราะเขายืนชิดเธอเกินไป หากแต่ก็ติดตรงที่เธอยืนจนหลังพิงผนังห้องน้ำแล้วนี่แหละ“ใครที่ไหนเขาอาบน้ำกันแค่ห้านาทีเล่า ถูทุกซอกทุกมุมแล้วเหรอ ต้องไม่สะอาดแน่ๆ” เหมันต์วางมือทับลงที่สองมือน้อยซึ่งกำปมผ้าเช็ดตัวที่ห่อหุ้มเรือนกายขาวผ่องไว้แน่น“สะอาดแล้วค่ะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ปากหยักระบายยิ้มเจ้าเล่ห์
“ขวัญ ขวัญอยู่ไหน” เพียงฟ้าเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากใช้เวลาอีกสามสิบนาทีอยู่ในนั้น หญิงสาวออกมาในสภาพผ้าขนหนูพันกายผืนเดียวและมีผ้าเล็กอีกผืนหนึ่งโพกศีรษะไว้ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเพียงขวัญจึงทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ“ไปไหนของเขา จะใช้ให้มาเป่าผมให้หน่อย” หญิงสาวเดินไปเคาะประตูห้องนอนปังๆ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ด้วยความเอะใจ เพราะรู้ดีว่าตนเองใช้เวลาในห้องน้ำค่อนข้างนาน เพียงฟ้าจึงรีบวิ่งไปที่ประตู เพื่อจะดูว่ารถยังอยู่หรือเปล่า หากแต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็ต้องผงะ เมื่อผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้า หวีผมเรียบแปล้สวมแว่นสายตา มายืนจังก้าอยู่ตรงประตูในท่าเตรียมเคาะพอดี สายตาภายใต้กรอบแว่นนั้นกวาดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เพียงฟ้าได้สติในตอนที่เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง หญิงสาวรีบปิดประตูกดล็อกทันที แล้ววิ่งหนีไปนั่งหลบอยู่หลังโซฟา ทั้งตกใจทั้งกลัว เพียงขวัญกับเหมันต์คงจะออกไปแล้วแน่ๆ เมื่อกี้เธอไม่เห็นรถจอดอยู่ด้านนอก คนอะไรนิสัยไม่ดีทั้งสองคนเลย ไม่รู้จักรอ นี่กะจะปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวล่ะสิ น่าเจ็บใจนักนิธิยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าประตู พยายามเรียก
“ลุงคะ ฟ้าแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำผมแต่งหน้า เดี๋ยวลุงช่วยพาฟ้าแวะร้านเสริมสวยหน่อยนะคะ เอาร้านดีหน่อยๆนะคะ เอาแบบร้านที่อยู่ในห้างนะคะ ไม่เอาร้านริมถนน” นิธิกลอกตาเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนหันกลับไปยิ้มให้หญิงสาว“ครับ” สุดแต่จะบัญชา หนุ่มใหญ่รับคำโดยเติมข้อความสุดท้ายในใจ แล้วเดินนำออกจากบ้านไปก่อน เพียงฟ้าก้มลงสำรวจมองตัวเอง แล้วรีบก้าวตามไป ในใจของหญิงสาวรู้สึกแปลกๆที่ต้องเดินทางไปกับลุงแก่ๆ ที่เพิ่งจะเจอหน้ากัน แต่ดันเห็นร่างกายเธอไปทุกสัดส่วนเสียแล้วนิธิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้ เมื่อต้องนั่งรอสาวสวยแต่งหน้าทำผมอยู่ในร้านนานร่วมสองชั่วโมงแล้ว หญิงสาวสั่งโน่นสั่งนี่ เปลี่ยนคำสั่งกลางอากาศทั้งๆที่ช่างทำเกือบเสร็จ ดูน่ารำคาญจนเขาชักจะทนไม่ไหว หากแต่เพียงฟ้ากลับไม่สนใจท่าทางกระวนกระวายของหนุ่มใหญ่ เธอเห็นท่าทางนั้นเพราะปรายตามองดูเขาหลายครั้งแล้วเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ทำให้นิธิลุกขึ้น เดินออกไปรับสายด้านนอกร้าน หนุ่มใหญ่เป็นฝ่ายฟังแล้วก็รับคำเสียมากกว่าที่จะพูดโต้ตอบอะไรออกไป หลังจากวางสายเขาถอนหายใจยาวอย่างอึดอัด คุณเ
“ลุงคิดจะทำอะไร นี่จะพาฟ้ามาทำมิดีมิร้ายเหรอ แก่แล้วไม่รู้จักเจียมตัว คอยดูเถอะฟ้าจะฟ้องพี่เหม ลุงต้องโดนไล่ออกจากงานแน่ๆ ลุง! นี่ลุงออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมาพาฟ้าไปหาพี่เหมเดี๋ยวนี้” เพียงฟ้าตะโกนลั่น หญิงสาวยืนกำหมัดแน่นไม่ยอมเดินตามเข้าไปในบ้าน เพียงฟ้ามองประตูบ้านกับประตูรั้วสูงตระหง่านสลับกัน หญิงสาววิ่งไปเขย่าๆประตูรั้ว พยายามจะเลื่อนให้มันเปิดออก แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ ทั้งโกรธทั้งโมโห“โทรหาขวัญ ใช่เราต้องโทรหาขวัญ” มือบางควานลงไปในกระเป๋าถือใบใบเล็กของตนอย่างร้อนรน“ไม่มี ไม่มี หายไปไหน อยู่ไหนนะ” ด้วยความร้อนใจเพียงฟ้าจึงเททุกอย่างในกระเป๋าออกมากองกับพื้น หญิงสาวทรุดนั่งลงอย่างหมดหวัง เมื่อไม่มีโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าจริงๆ อีตาลุงนั่นต้องขโมยเอาโทรศัพท์ของเธอไปตอนที่หลับอยู่แน่ๆ ดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยความโกรธมองไปยังประตูรั้วอีกครั้ง เมื่อหมดหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ เธอก็จะเข้าไปสู้กันให้รู้ดำรู้แดง กะอีแค่ลุงแก่ๆจะมีปัญญาอะไรมาสู้กับเธอได้ หญิงสาวเหลียวมองรอบกายเพื่อหาอะไรที่พอจะเอามาเป็นอาวุธป้องกันตัวร่างบางที่ก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมกับท่อนไม้แห้งเล็กๆทำให้นิธิหัว
เพื่อปกป้องเจ้านายที่ถูกผู้มีพระคุณฝากฝังไว้ก่อนสิ้นใจ เขาคงต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว“คุณก็จะหมดสิทธิ์เป็นเมียคุณเหม” น้ำเสียงเข้มจริงจังและสายตาที่กวาดมองเธอไปทั้งร่างอย่างประเมิน ทำให้เพียงฟ้าผงะ กระถดกายหนีจนหลังชนฝา ฝืนยันกายลุกขึ้นยืนโดยใช้หลังพิงผนังไว้“ไอ้บ้า อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย กรี๊ด!” มือใหญ่ฉีกดึงชุดสวยออกอย่างไม่ปราณี หญิงสาวดิ้นรนทั้งถีบทั้งเตะแต่ก็ทำได้ไม่ถนัดเพราะยังรู้สึกเจ็บจากการถูกทุ่มลงพื้น จนกระทั่งไม่เหลือผ้าผ่อนติดกายสักชิ้น เพียงฟ้าจึงยืนหอบหายใจหนักใช้สองมือปิดส่วนสงวนของกายสาวไว้พัลวัน จ้องมองหน้าคนเปลือยท่อนบนด้วยความเกลียดความกลัวสุดขีด นิธิยกยิ้มสะใจ ผู้หญิงร้ายกาจก็ต้องเจอคนร้ายกาจอย่างเขานี่แหละถึงจะสาสม“กรี๊ด! อื๊อๆๆ” ร่างใหญ่โถมกายตรึงร่างบางกับผนัง ใช้ริมฝีปากประกบปิดปากบาง กดทับรุนแรงจนหญิงสาวรู้สึกเจ็บจนต้องเผยอปากออก เปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปสำรวจโพรงปากนุ่มอย่างอุกอาจ ผิวเนื้อเนียนนุ่มถูกลูบคลำสำรวจไปทั่วทุกตารางนิ้ว ทรวงอกอวบถูกบีบเคล้นรุนแรงตามอารมณ์ร้อนของคนตัวใหญ่ ก่อนจะเลื่อนต่ำ
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค