“ข้าไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างพวกเจ้า ข้าหิวจะตายแล้ว ไปกันเถอะ!”มือใหญ่ของตวนชินอ๋องคว้าจับ เฉินฝานที่อยู่ข้างกายตน “เขยรัก พวกเราออกจากวังหลวง กลับไปดื่มสุราและเป่ายิงฉุบกันเถอะ!”“ไปไม่ได้!”เสิ่นหมิงหยวนลุกขึ้นยืนแล้วพูดทันควันตวนชินอ๋องหันหน้ากลับมา มองค้อนไปที่เสิ่นหมิงหยวน ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห “เจ้าเป็นใคร? มีสิทธิ์ใดมาขวางข้า?”ยามตวนชินอ๋องโมโห เขาเหมือนราชสีห์ในทุ่งหญ้า แม้ส่วนลึกในใจของเสิ่นหมิงหยวนจะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เขาควบคุมสีหน้าได้ดียิ่งนัก ผู้อื่นมองไม่ออก“ฝ่าบาทยังไม่มีคำสั่งจบการประชุมราชสำนัก!”“มนุษย์ไม่ใช่เทพเซียน ตอนนี้เที่ยงวันแล้ว ตวนชินอ๋องหิวแล้ว เป็นเรื่องปกติ หากเขาคิดจะไป ข้า...”ฉินเย่ว์เหมยเงียบครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นแล้วโบก “อนุญาตให้เขาไป!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฮ่าๆๆๆ!”เสียงหัวเราะดังก้องของตวนชินอ๋อง ดังขึ้นในท้องพระโรง“เขยรัก พวกเราไปกันเถอะ!”“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสิ่นหมิงหยวนลุกขึ้นห้ามอีกครั้ง“ตึ้ง!” ตวนชินอ๋องที่โมโหร้าย ถอดรองเท้าของตน โยนไปที่หน้าของเสิ่นหมิงหยวน“เจ้าหูไม่ดี ก็รีบไปหาหมอ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินหรือ ฝ่าบาทบอกว
เดือนสี่ของแคว้นหลู่ ร่ำรวยยิ่งนักทั่วทั้งแคว้น ล้วนไม่ต้องทำไร่ทำนา ทุกบ้านเรือนกินดีอยู่ดีก่อนหน้านี้เพียงกินอิ่ม ก็พอใจแล้ว ตอนนี้ไม่เพียงกินอิ่ม แต่ยังต้องกินดีอีกด้วยข้อนี้ ภายในวังหลวงของแคว้นหลู่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนโอวหยางน่าหลันเรื่องมากด้านการกินยิ่งนัก อาหารจำพวกแป้งต้องซื้อมาจากเมืองข้าวสาลีอย่างแคว้นเยี่ยน ข้าวสารต้องเป็นข้าวที่ปลูกในเมืองอย่างแคว้นจ้าว“ถุย!”โอวหยางน่าหลันที่กำลังกินอาหาร จู่ๆ ก็คายข้าวในปากออกมา“นี่คืออะไร ไม่อร่อยเลยสักนิด? เกาลี่!”โอวหยางน่าหลันร้องเรียกขุนนางคนสนิทเสียงดัง“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!” เกาลี่รีบวิ่งมาจากนอกตำหนัก“ไปถามห้องเครื่อง วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดข้าวนี้จึงไม่อร่อยเลยสักนิด”ไม่นาน เกาลี่ก็นำตัวพ่อครัวหลวงประจำวันนี้มาตรงหน้าโอวหยางน่าหลัน“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อเข้ามาในตำหนัก พ่อครัวหลวงตอบตามความจริง “ข้าววันนี้ ไม่ใช่ข้าวสารจากเมืองน้ำอย่างแคว้นจ้าวพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของพ่อครัว โอวหยางน่าหลันโมโหกว่าเดิม “เหตุใดจึงไม่ใช่ข้าวสารจากเมืองน้ำอย่างแคว้นจ้าวเล่า ข้ากินได้แค่ข้าวสารของที่นี่ เจ้า
“จางผิงเล่า ไปตามตัวจางผิงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงตะคอกด้วยความโมโหของโอวหยางน่าหลัน ดังก้องในตำหนักองค์หญิงแคว้นหลู่ผ่านไปห้าวันแล้ว สำนักห้องเครื่องหลวงยังไม่มีข้าวสารจากเมืองน้ำแคว้นจ้าว และแป้งจากดินแดนข้าวสารลีแคว้นเยี่ยนก็หมดแล้ว“เคร้ง!”โอวหยางน่าหลันโยนกระบี่เล่มหนึ่งไปตรงหน้าจางผิง“ลำพังข้าวสารและแป้งยังไม่อาจจัดซื้อได้ ตำแหน่งเลขาธิการของเจ้ามีประโยชน์ใด? ปลิดชีพตนเองซะ!”จางผิงถือมีดด้วยสองมือที่สั่นเทา“องค์หญิง ไม่ใช่ว่ากระหม่อมไม่อยากซื้อ แต่ว่าข้าวสารจากเมืองน้ำและแป้งจากเมืองข้าวสาลีไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ก่อนตาย จางผิงอยากแก้ตัวให้ตนเองก่อน“ไม่มีแล้ว? ไม่มีแล้วได้อย่างไร? นี่เป็นเพียงวาจาของพ่อค้าเจ้าเล่ห์เท่านั้น ข้าบอกให้เจ้าเสนอราคาเพิ่ม เจ้าเพิ่มแล้วหรือไม่?”“เพิ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าวสารหนึ่งจิน กระหม่อมเพิ่มราคาให้เป็นสิบตำลึงเงินแล้ว แต่พวกพ่อค้ายังคงบอกว่าไม่มี”ข้าวสารจินหนึ่งสิบตำลึงเงิน แม้จะเป็นข้าวสารคุณภาพดีอันดับหนึ่ง ราคานี้ก็สูงลิ่วมากแล้วโอวหยางน่าหลันขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? บวกราคาเพิ่มขนาดนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ขายหนิ
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเหี้ยมโหดเช่นนี้ สืบมา ไปสืบมาให้ดี ต้องเอาตัวคนลึกลับคนนั้นออกมาให้ข้า!”โอวหยางน่าหลันนั่งบนบัลลังก์มังกร ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหแคว้นหลู่ใช้ทรัพยากรคนและสิ่งของไปมาก สืบมานานกว่าครึ่งเดือน ยังไม่เจอเบาะแสใดๆ ที่มีประโยชน์วิกฤตขาดแคลนอาหารของแคว้นหลู่รุนแรงขึ้นเรื่อยชาวบ้านหลายคนเริ่มหิวตายบนท้องถนน ชาวบ้านที่หิวตายเหล่านั้น ตอนตาย ในมือยังกำเงินจำนวนมากเอาไว้ผู้คนสิ้นหวังเป็นที่สุด นับตั้งแต่โบราณ ได้ยินเพียงว่าไร้เงินจะหิวตาย ทว่ามีเงินแล้วยังหิวตาย เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรกในใต้หล้า“เฮ้อ! สวรรค์จะทำลายแคว้นหลู่ของข้าแล้ว!”คนมากมายที่ไม่หิวตาย ทว่าสิ้นหวังเริ่มปลิดชีพตนแล้วเวลาเพียงสี่วันท้องฟ้าแคว้นหลู่ปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มในทุกวันมีคนจำนวนมากหิวตายและฆ่าตัวตายแคว้นใกล้เคียงเห็นภาพนี้ ล้วนเศร้าสลดเมื่อเดือนสองเดือนก่อน ชีวิตของชาวแคว้นหลู่ ทำให้แคว้นใกล้เคียงอิจฉายิ่งนักคนที่มีญาติอยู่แคว้นใกล้เคียง ล้วนหนีจากแคว้นหลู่ไปหาญาติแคว้นอื่นแล้ว ทว่าคนที่ไม่มีญาติอยู่แคว้นใกล้เคียง ทำได้เพียงรอคอยความตายในแคว้นหลู่ทั่วทั้งแคว้นหลู่ ยังคงพยาย
เมื่อใดที่ชาวบ้านเคืองขุ่นเหล่านั้นบุกเข้ามา ก็คือวันตายของเฉินฝานเฉินฝานมองเสิ่นหมิงหยวนด้วยสีหน้านิ่งสงบ ตอบไม่ตรงคำถาม “จำนวนตัวเลขของหลี่ชิงไม่ถูกต้อง แคว้นต้าชิ่งของเราไม่ได้มีเสบียงแค่นี้!”“ใต้เท้า เวลานี้แคว้นของเรามีเสบียงเพียงเท่านี้จริงๆ ขอรับ ทุกเมืองจะส่งตัวเลขเสบียงอาหารมาที่เมืองหลวงทุกเดือน ทุกหนึ่งเดือน ข้าก็ออกนอกเมืองหลวงเพื่อตรวจตรา ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนขอรับ”แม้หลี่ชิงจะทำงานภายใต้บัญชาของเสิ่นหยวนเลี่ยง แต่เขาแตกต่างจากหลิวเกาจัว เขาตั้งใจทำงานและรอบคอบ ระมัดระวังอย่างมากข้อนี้ฉินเย่ว์เหมยยอมรับท่ามกลางพวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวน หลี่ชิงเป็นขุนนางเพียงคนเดียวที่ฉินเย่ว์เหมยเกลียด“เฉินฝาน หากเจ้าไม่สบาย ข้าอนุญาตให้หมอหลวงมาดูอาการ” ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเรามีเสบียงอาหารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เสบียงอาหารเหล่านั้นอยู่ในคลังเก็บอาวุธ”เฉินฝานไม่อยากอ้อมค้อมแล้ว เขาจึงพูดออกไปตรงๆ“คลังเก็บอาวุธมีเสบียงอาหารเช่นนั้นหรือ?”สายตาของทุกคนในท้องพระโรง มองไปทางฟางซินฮุ่ย“...” ฟางซินฮุ่ยลำบากใจทว่าไม่อาจพูดออกมาได้นับตั้งแต่เกณฑ์ทหาร
“ทุกคลังเก็บอาวุธ มีเสบียงอาหารบรรจุอย่างน้องครึ่งหนึ่งมองข้าวสารกองโต นอกจากพวกเสิ่นหมิงหยวนแล้ว ขุนนางคนอื่นๆ ล้วนน้ำตาคลอเบ้าเสบียงอาหารแคว้นต้าชิ่งมีเสบียงอาหารมีเสบียงอาหารในใจ จิตใจไม่กระวนกระวายครั้งนี้ ทุกคนเข้าใจถ้อยคำนี้อย่างชัดเจนจิตใจที่คอยกังวล ในที่สุดก็ปล่อยวางลงได้ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยความดีใจ “เปิด เปิดคลังเสบียง อีกทั้งต้องเปิดเดี๋ยวนี้!”หิวโหยมานานหลายเดือนต้องให้ราษฎรต้าชิ่งอิ่มท้องเสียทีชาวบ้านที่รวมตัวกันด้านนอกคลังเก็บอาวุธ มีมากกว่านอกวังหลวงเพิ่งออกมาจากวังหลวง เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนไปแพร่ข่าว บอกว่าตอนนี้เฉินฝานอยู่ที่คลังเก็บอาวุธ“สังหารเฉินฝาน!”“ไม่สังหารเฉินฝาน ชาวบ้านยากจะสงบ!”“สังหารเฉินฝาน!”“ไม่สังหารเฉินฝาน ชาวบ้านยากจะสงบ!”นอกคลังเกบอาวุธ เสียงร้องบอกให้สังหารเฉินฝาน ราวกับฟ้าผ่าลงมาจากสวรรค์ ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ว่า ไม่นาน...“ขอบคุณใต้เท้า!”“ช่างเป็นอัครเสนาบดีแสนดีของต้าชิ่งจริงๆ! ให้ความสำคัญกับราษฎร!”“นับตั้งแต่วันนี้ ผู้ใดกล้าบอกว่าจะสังหารใต้เท้าเฉิน ข้าจะไปสังหารเขาคนนั้นก่อน!”เสียงร้องบอกให้สังหารในต
“ฝ่าบาท ท่านเสด็จมาได้อย่างไร?”เมื่อมองเห็นคนในห้องหนังสือได้อย่างชัดเจน เฉินฝานก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นพี่สาว แต่เวลานี้ฉินเย่ว์เหมยคือฉินหย่งคัง ฮ่องเต้ของต้าชิ่ง ดังนั้นฉินเย่ว์เหมยจึงไม่เคยมาที่บ้านของเฉินฝานเลย“เจ้าตอบคำถามของข้าก่อน!”ฉินเย่ว์เหมยร้อนอกร้อนใจเดิมทีนางอยากให้หงอิงมาเรียกเฉินฝานเข้าวัง แต่นางรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงได้ออกมาพร้อมกับหงอิง“ซื้อมาพ่ะย่ะค่ะ” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ซื้อมา?”“ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้แย่งมาหรือ?”“เจ้าจริงจังหน่อยสิ!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องขอบคุณ... เข้ามาได้!”เฉินฝานโบกมือไปทางด้านนอกห้องหนังสือ ครู่หนึ่ง ร่างอรชรงดงามก็เข้ามาอย่างช้า ๆแม้ว่าบนร่างของนางจะสวมเสื้อผ้าของต้าชิ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นของนาง และหมุดจมูกที่ส่องประกายวาววับบนจมูก ทำให้คนเห็นแวบเดียวก็ดูออกได้ว่านางมิใช่ชาวต้าชิ่ง“อีจี๋ถวายบังคมฝ่าบาท”ฐานะของอีจี๋ไม่ด้อยไปกว่าฉินเย่ว์เหมย นางเพียงแค่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่ได้ทำการคุกเข่า“สวัสดีจักรพรรดินี!”ฉินเย่ว์เหมยพยักหน้าอย่างเร่งรีบ แล้วมองไปทางเฉินฝานด้วยความร้อนใจการมาเยื
“พระพี่นาง!” อีจี๋ปิดปากหัวเราะเบา ๆ “ท่านอย่าได้เกรงใจข้าเลย ไม่จำเป็นต้องคืนหรอก เสียเงินแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไร!”ฉินเย่ว์เหมยไม่รู้จริง ๆ ว่าเศรษฐินีอย่างอีจี๋ร่ำรวยมากเพียงใด“ฝ่าบาท ท่านอย่าได้เกรงใจนางเลย นางบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องแล้ว”“หา? นี่มัน...”คำพูดของเฉินฝานทำให้ฉินเย่ว์เหมยตกใจมาก ไม่คืนจริง ๆ จะเหมาะสมได้อย่างไร“พระพี่นาง สามีกล่าวเช่นนั้นแล้ว ท่านก็อย่าได้เกรงใจถึงเพียงนั้นเลย เมื่อหลายปีก่อน ต้าชิ่งมีบุญคุณใหญ่หลวงกับแคว้นของข้า เดิมทีแคว้นของข้าต้องถวายบรรณาการให้ต้าชิ่งทุกปี ขาดมานานหลายปีแล้ว เวลานี้ข้าเพียงชดเชยคืนให้ครบเท่านั้น”นั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่อีจี๋ใช้เพื่อปลอบโยนให้ฉินเย่ว์เหมยสบายใจขึ้นเท่านั้น บรรณาการแค่นั้นจะมีสักเท่าไรเชียวการแย่งชิงเสบียงกับโอวหยางน่าหลันในครั้งนี้ อีจี๋ใช้ผลผลิตจากเหมืองทองคำถึงสามสิบปีโชคดีที่นางมีเหมืองทองคำอยู่กว่าสิบแห่ง“ไม่ให้เงินท่าน แต่ท่านยังต้องนำของสิ่งอื่นกลับไป” เฉินฝานกล่าวอาวุธที่ซื้อจากแคว้นหลู่ครานี้ เฉินฝานมอบให้อีจี๋ครึ่งหนึ่งแคว้นที่ร่ำรวยมั่งคั่ง กองทัพย่อมต้องแข็งแกร่ง พลังกายของมนุษย์มีขี
“พื้นที่ต้าเฮยนั่น!” เฉินฝานกล่าว“พื้นที่ต้าเฮยที่พวกโจรป่าอาศัยอยู่หรือ?”“ถูกต้อง!”“ข้าว่าพื้นที่ต้าเฮยนั่น นอกจากโคลนดำที่ดูดมนุษย์ได้แล้ว ภูเขาโดยรอบก็เป็นภูเขาหัวโล้น ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้ แล้วจะอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร?”“ภูเขาหัวโล้นเหล่านั้นคือความร่ำรวยที่มากล้น”“เสี่ยวฝาน!” ทันใดนั้นเองดวงตาของอ๋องตวนทอประกาย “หรือว่าด้านในภูเขามีทองคำเช่นนั้นหรือ?”อ๋องตวนครุ่นคิด ภูเขาหัวโล้นมีความร่ำรวยซ่อนอยู่ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นทองคำ“ไม่ใช่ทองคำ ชั่วขณะหนึ่งอธิบายให้ท่านฟังก็ไม่อาจเข้าใจได้ อีกสองสามวันพวกเราไปพื้นที่ต้าเฮย ถึงเวลานั้นท่านก็จะรู้เอง”เฉินฝานเพิ่งตื่นนอน ทั่วทั้งเมืองเฟิ่งหวงก็มีข่าวลือแพร่สะพัดพื้นที่ต้าเฮยซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของโจรป่า มีความร่ำรวยที่มากล้นเมื่อคืน หลังออกมาจากห้องของเฉินฝาน อ๋องตวนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงวิ่งไปถามเหอหรันที่คุกข่าวลือจึงแพร่สะพัดเช่นนี้ผู้คนมากมายต่างไปถามคนที่เคยเป็นโจรป่ามาก่อน ว่าพื้นที่ต้าเฮยร่ำรวยมากใช่หรือไม่ข่าวลือนี้เกินจริงไปเรื่อยๆ กล่าวถึงขั้นว่าพื้นที่ต้าเฮอยที่พวกโจรป่าอยู่นั้นมีสมบัติล้ำค่
ได้ฟังถ้อยคำของเฉินฝานขุนนางเมืองเหอตูหลายคนต่างกลั้นหัวเราะ บางคนถึงขั้นไม่อาจกลั้นหัวเราะ หลุดหัวเราะออกมาพวกเขาไม่ได้ใจกล้า แต่คำพูดของเฉินฝาน เพ้อเจ้อเกินไปแล้วจริงๆเมืองเฟิ่งหวงแทบจะเป็นเมืองยากจนที่สุดของต้าชิ่ง การจะให้เมืองเฟิ่งหวงกลายเป็นเมืองร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าชิ่งเทียบเท่ากับ การให้คนไม่รู้แม้กระทั่งคัมภีร์สามอักษรสอบผ่านจอหงวน“เอ่อ...” อ๋องตวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาเอียงตัวหันมาถามเฉินฝานเสียงเบา “เจ้าเมาหรือไม่? หืม!”อ๋องตวนพูด แล้วส่ายหน้ากับตนเอง “ข้าลืมไปเสียสนิทว่าเหล้าดอกท้อของแคว้นจ้าวค่อนข้างแรง ข้าไม่ควรให้เจ้าดื่ม”เฉินฝานบอกว่า เขาจะทำให้เมืองเฟิ่งหวงกลายเป็นเมืองร่ำรวยที่สุดของต้าชิ่งคืนวันนั้น มีคนออกเดินทางจากเมืองเฟิ่งหวง ขี่ม้าเร็วส่งข่าวนี้ไปยังเมืองหลวงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเสิ่นหมิงหยวนหัวเราะกันจนฟันแทบหลุดฉินเย่ว์เหมยที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร สีหน้าของนางไม่แตกต่างจากอ๋องตวนเท่าใดนัก พวงแก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย รู้สึกประหม่าอย่างมากไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อเฉินฝาน แต่การทำให้เมืองเฟิ่งหวงกลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของต้าชิ่ง ยากรา
หลี่เต๋อเจียงใช้สายตา ลอบส่งสัญญาณให้กับขุนนางที่คุกเข่าอยู่ข้างๆหลังจากขุนนางคนนั้นเห็น ก็รีบย่องออกไปจากหอประตูเมืองทั้งหมดนี้ หลี่เต๋อเจียงคิดว่าตนทำได้อย่างเนียบแนนโดยไม่รู้เลยว่า...เฉินฝานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยวันนี้อารมณ์ดี เช่นนั้นก็จะเล่นกับหลี่เต๋อเจียงเสียหน่อย เขาจะดูสิว่า หลี่เต๋อเจียงจะมาไม้ไหน?หลังจากขุนนางคนนั้นไปจากหอประตูเมืองไม่นาน...“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง”เสียงฝีเท้ามากมายและชุลมุนวุ่นวาย ดังมาจากด้านล่างหอประตูเมืองเฉินฝานโน้มตัวมองลงไปกลุ่มคนมากมายล่างหอประตูเมืองพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นชาวเมืองเฟิ่งหวงหลังจากพวกเขามาถึงด้านล่างหอประตูเมือง ต่างก็คุกเข่าลง“ท่านอัครเสนาบดี โปรดให้ใต้เท้าเหออยู่ในเมืองเฟิ่งหวงต่อด้วยขอรับ”“ท่านอัครเสนาบดี พวกเราไม่อาจไปจากใต้เท้าเหอ”“ท่านอัครเสนาบดี โปรดเมตตาด้วยขอรับ!”ใต้หอประตูเมืองมีชาวบ้านมาขอร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ถนนตรอกซอยต่างๆ ระแวกหอประตูเมือง ล้วนเต็มไปด้วยชาวบ้านที่กำลังคุกเข่าเจตนาของชาวบ้านล้นหลามเช่นนี้ บวกกับเหอจื้อเฟยไม่ยอมไป หากเฉินฝานยืนกรานให้เหอจื้อเฟยเช่นนั้นก็ไร้ประโยชน์ ทั้งยังทำให้ชาว
“ทำไม?” อ๋องตวนเคาะศีรษะของเหอจื้อเฟย “ซื่อบื้อไปแล้วจริงๆ หรือ? ยังไม่รีบขอบพระทัยฝ่าบาทอีก?”“ข้าน้อยจะเป็นเจ้าเมืองเหอตูได้อย่างไร?”“เหอจื้อเฟยจะเป็นเจ้าเมืองเหอตูได้อย่างไร?”เหอจื้อเฟยและหลี่เต๋อเจียงพูดขึ้นพร้อมกันเหอจื้อเฟยถูกอ๋องตวนเคาะศีรษะอีกครั้ง “เสี่ยวฝานบอกว่าเจ้าทำได้ก็ทำได้ พูดพล่ามอะไรมากมาย?”“ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ท่านมีสิทธิ์อันใดจึงทำเช่นนี้? มีอำนาจใดในการทำเช่นนี้?”หลี่เต๋อเจียวที่กำลังสับสนงุนงงอยู่นั้น ใบหน้าและหูแดงก่ำ เขาทั้งกระวนกระวาย ทั้งสับสนและทั้งหงุดหงิด จึงถามเฉินฝาน“เฉินฝานไม่ได้ตอบในทันที แต่ง้างมือตบอย่างแรง“เพี๊ยะ!”เสียงตบดังก้อง ใบหน้าของหลี่เต๋อเจียง มีรอยฝ่ามือแดงก่ำ“ข้าเป็นถึงอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ข้าไม่อาจเปลี่ยนเจ้าเมืองคนหนึ่งได้หรือ?”“ข้า ตำแหน่งเจ้าเมืองของข้า ท่านอัครเสนาบดีเบื้องขวาเสิ่นหมิงหยวนเป็นคนแต่งตั้งด้วยตนเอง...”“เพี๊ยะ!”หลี่เต๋อเจียงยังพูดไม่จบ เขาก็ถูกตบอีกหนึ่งฉาด“เจ้าแกล้งทำเป็นถูกรังแกอะไรของเจ้าหา?” แววตาเย็นชาของเฉินฝาน มองไปยังใบหน้าเคืองขุ่นของหลี่เต๋อเจียง “เจ้าแทนตนเองว่าข้าเมื่อครู่ตอนอย
หลี่เต๋อเจียงมองหมวกขุนนางในมือเฉินฝานด้วยความงงงันทั้งตกใจ งุนงงและหวาดกลัวหลี่เต๋อเจียงมิกล้าหายใจดังคนที่ตกใจกลัวมิได้มีเพียงหลี่เต๋อเจียงเท่านั้น ยังมีเหล่าขุนนางเมืองเหอตูอีกด้วยเฉินฝานเขย่าหมวกขุนนางสีดำเล็กน้อย “ฝุ่นบนหมวกช่างมากมายเสียจริง!”หลี่เต๋อเจียงลอบถอนหายใจที่แท้เฉินฝานมิชอบใจที่หมวกขุนนางของเขามีฝุ่นมากมาย“ใต้เท้า ข้าน้อยรีบเคลื่อนทัพมามิได้หยุดพัก ฝุ่นควันระหว่างทางมีมากมายจึงมาติดอยู่บนหมวก ข้าน้อยจะไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้ขอรับ”ระหว่างที่พูด หลี่เต๋อเจียงคุกเข่ายกมือสองขึ้นต่อหน้าเฉินฝาน รอให้เฉินฝานนำหมวกขุนนางสีดำส่งคืนให้กับมือเขาเฉินฝานเหลือบมองมือของหลี่เต๋อเจียงอย่างเรียบนิ่ง เขาเงยหน้าขึ้น กล่าวกับเหอจื้อเฟยที่คุกเข่าอยู่ตรงมุมหนึ่ง “เหอจื้อเฟย เจ้ามานี้!”เหอจื้อเฟยโน้มวิ่งเหยาะมาด้านหน้าเฉินฝาน“ใต้เท้า!” เหอจื้อเฟยคุกเข่าอยู่ด้านหลังหลี่เต๋อเจียง เขาตำแหน่งต่ำกว่าหลี่เต๋อเจียงจึงมิสามารถคุกเข่าอยู่ในระนาบเดียวกันได้“เจ้าขยับขึ้นมาอีกนิด” เฉินฝานกล่าวเหอจื้อเฟยขยับขึ้นเล็กน้อยตามที่สั่งทว่าก็ยังอยู่ด้านหลังหลี่เต๋อเจียงอยู่ดี“ไฉนเจ
“ข้าน้อยหลี่เต๋อเจียงขอคารวะท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายขอรับ!” กลุ่มขุนนางจำนวนมหาศาลด้านหลังพากันคุกเข่า ทำให้ด้านหน้าเฉินฝานมีคนคุกเข่ามากมายสุดลูกหูลูกตาเมื่อทราบว่าหลี่เต๋อเจียงมาเยือน เหอจื้อเฟยก็รีบพาเหล่าขุนนางวิ่งขึ้นมาด้านบนหอประตูเมืองเช่นกัน“ข้าน้อยขอคารวะใต้เท้าหลี่ขอรับ!”เหอจื้อเฟยนำเหล่าขุนนางเมืองเฟิ่งหวงคารวะหลี่เต๋อเจียง หลี่เต๋อเจียงมิชายตามองเขาแม้แต่น้อย เดินนำเหล่าขุนนางเมืองเหอตูผ่านหน้าเหอจื้อเฟยไปคุกเข่าต่อหน้าอ๋องตวนทันที“ข้าน้อยขอคารวะอ๋องตวนขอรับ!”อ๋องตวนเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา คิดสิ่งใดก็จะเปิดเผยออกไปทันที เขายกเท้าถีบออกไปทันที“หลี่เต๋อเจียง เจ้าคนไร้ประโยชน์ ไฉนจึงมาช้าเช่นนี้?” อ๋องตวนถีบไปพลางก่นด่าไปด้วย“ท่านอ๋อง มิใช่ว่าข้าน้อยมิอยากมา ในอำเภอหนึ่งของเมืองเหอตูมีโจรประจำถิ่นอาละวาด ข้าน้อยจึงต้องไปปราบปรามตั้งแต่เมื่อแปดวันก่อน วันนี้ปราบปรามได้สำเร็จจึงรีบเดินทัพมาโดยมิได้หยุดพักขอรับ”“เรื่องนี้ข้าให้ส่งเรื่องไปที่เมืองหลวงแล้ว ฝ่าบาทก็เห็นชอบแล้วด้วยขอรับ”เกรงว่าอ๋องตวนและเฉินฝานจะมิเชื่อ หลี่เต๋อเจียงจึงเอ่ยถึงฉินเย่ว์เหมยด้วยการที่หล
“เรื่องนี้ข้าคิดว่าเหอจื้อเฟยทำถูกแล้ว อย่างไรเสียเหอหรันก็ทำผิดกฎหมาย นายหญิงเหอก็มิได้ผิดอันใด เฝ้ารอมานานหลายปีในที่สุดหลานที่กลายเป็นโจรก็กลับบ้านมาเสียที ทว่ามินานก็ถูกลูกชายส่งเข้าคุก จะมิเศร้าโศกได้อย่างไร?”อ๋องตวนส่ายหน้าไปมา “เสี่ยวฝาน ทางที่ดีพวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ดีกว่า”เฉินฝานมองไปทางเสียงร้องไห้ของนายหญิงเหอ กล่าวเสียงเรียบนิ่ง “ข้าก็มิได้คิดจะเข้าไปยุ่งอยู่แล้ว”สองสามปีที่ผ่านเหอจื้อเฟยตรากตำเพียรพยายามที่ให้ราษฎรเมืองเฟิ่งหวงมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะประจบประแจงมิเป็นจึงทำให้อยู่ตำแหน่งเดิมมาหลายปี ให้กำเนิดลูกชายสองคนด้วยความยากลำบากก็ถูกโจรป่าจับตัวไปอีกเมื่อคำนึงถึงความยากลำบากของเหอจื้อเฟย เฉินฝานจึงมิได้พูดถึงเรื่องกฎหมาย เนื้อแท้ของเหอหรันก็มิใช่คนเลว เขาจึงทำเป็นมิรู้มิเห็นปล่อยผ่านเรื่องที่เหอหรันเคยเป็นโจรป่าไปการที่เขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ตอนที่รับประทานอาหารค่ำ เฉินฝานก็บอกเป็นนัยให้เหอจื้อเฟยแล้ว เขาเข้าใจและซาบซึ้งอย่างมาก กล่าวขอบคุณเฉินฝานมิหยุดมิคิดว่าผ่านไปครู่เดียวเหอจื้อเฟยจะส่งลูกชายตนเองเข้าคุกเฉินฝานลอบพยักหน้า เขามองคนมิผิด มิว่าจะเป
“แน่นอนว่าต้องจับมัดห้อยลงมาแล้วโบยตี เจ้าคนมิรู้จักผิดชอบชั่วดี” อ๋องตวนก่นด่ามิหยุดปาก“ท่านอ๋องพูดถูก!”ระหว่างที่พูด เฉินฝานยกดาบปลายปืนจ่อทางเหอหรันเหนี่ยวไกออกไป...วันถัดมาณ ประตูทางเข้าจวนพำนักของเจ้าเมืองเฟิ่งหวง“เขาคือหัวหน้าของโจรป่ารึ?”“หน้าตาคล้ายคลึงกับใต้เท้าเหอจริงด้วย!”เหล่าราษฎรเมืองเฟิ่งหวงพากันมารวมตัวที่ประตูทางเข้าจวนพำนักเจ้าเมือง ชี้ไปชายหนุ่มที่ถูกมัดห้อยอยู่บนคานประตู“เพี้ยะ ๆ ๆ ๆ!”อ๋องตวนใช้แส้ในมือฟาดก้นเหอหรันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะเดียวก็บ่นพึมพำมิหยุดปาก“เจ้าคนที่ริเอาโจรมาเป็นพ่อ ที่แห่งนี้เป็นบ้านของเจ้า เจ้าเมืองเหอต่างหากที่เป็นพ่อของเจ้า”เหอจื้อเฟยที่อยู่ในจวนพำนักมองลูกชายที่ถูกอ๋องตวนใช้แส้โบยตีมัดห้อยตรงคานประตู สีหน้าเหมือนกับพ่อส่วนใหญ่ที่มองลูกชายทรพีทั้งโกรธและสงสารหลายปีที่ผ่านมานี้ เหอหรันปล้นเงินและเสบียงของชาวบ้านทำลายครอบครัวไปตั้งมากมายก็สมควรถูกโบยตีนายหญิงเหอสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสาร ทนมิได้จึงคิดที่จะวิ่งนำเหอหรันลงมา ทว่าเมื่อชนเข้ากับอ๋องตวน จึงมิกล้ารุดหน้าเข้าไปอีกเหอหรันจ้องเขม็งไปที่เหอจื้อเฟยทันที “พ่อ
“ไอ้หยา เสี่ยวฝาน ข้าบอกแล้วเจ้ามิตายหรอก เจ้าจะตายได้อย่างไรกัน?”อ๋องตวนตะโกนร้องด้วยความดีใจชายกำยำสูงสองเมตร จู่ ๆก็น้ำตาไหลอาบน้ำราวกับสาวน้อยเฉินฝานอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายผู้นั้นรึ?เหอหรันหันไปมองเฉินฝานตามสัญชาตญาณ“ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนทางที่ดีอย่าขยับ หากโดนปืนยิงจะมีจุดจบเช่นไรข้าว่าสหายเหล่านั้นของเจ้าทราบดี!” เฉินฝานกล่าวเสียงเรียบนิ่ง“หัวหน้าใหญ่ ท่านอย่าขยับเด็ดขาดนะขอรับ!”เหล่าโจรป่ากล่าวเตือนเหอหรันด้วยความลนลาน“เหอะ!”เฉินฝานแสยะยิ้มทันที “ดูสิ เหล่าสหายของเจ้าตื่นตระหนกแทนเจ้าปานนั้น แต่เจ้ากลับสังเวยชีวิตพวกเขาให้กับข้า เจ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่หรือไม่? นอนหลับอย่างไร้กังวลได้รึ?”“สังเวยชีวิต?”กั้วเจียงหลงมองเฉินฝานด้วยความงุนงง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“หมายความว่าจงใจให้พวกเจ้าออกไปตาย เมื่อพวกเจ้าตายแล้ว พวกเราก็ถือว่าปราบโจรได้สำเร็จ หลังจากนั้นพวกเราก็จะกลับเมืองหลวง และพวกเขา...”อ๋องตวนโบกมือด้านหน้าเหอหรันและชายชราผู้นั้นไปมา “ก็สามารถสบายใจหายห่วง จากนั้นค่อยฝึกโจรป่ากลุ่มใหม่”“หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ เป็นความจริงรึ?”กั้วเจียงหลงจ้องเหอ