ไม่ได้พูดว่าจะชดเชยอะไรให้กับหยุนเจิงแต่อย่างไร ทำเอาหยุนเจิงแอบรู้สึกน้อยใจไปครู่หนึ่งด้วยแรงสนับสนุนจากขนห่านหิมะ ทำให้หยุนเจิงเขียนได้เร็วมากขึ้นในเวลาอันสั้น หยุนเจิงเขียนเสร็จเขาไม่ได้เขียนอะไรมากมายเขียนไปราวหนึ่งหน้ากระดาษพร้อมคำอธิบายประกอบ ดังนั้นจึงไม่เขียนอะไรเพิ่มต่อไปแม้นจะเขียนไปมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีทางศึกษาออกมาได้หรอกเท่านี้ ก็อาจจะมากพอสำหรับให้พวกเขาศึกษาเป็นเวลาหลายปีแล้วจักรพรรดิเหวินไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ จึงมอบให้กับจางฮว๋าย และสั่งให้คนในสำนักศึกษาเหวินฮว๋าทำการศึกษาสิ่งเหล่านี้ หลังจากที่พวกเขาศึกษาอย่างละเอียดแล้วค่อยเขียนเป็นหนังสือ“สิ่งเหล่านี้ลึกลับมาก!”จางฮว๋ายเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อความสนใจของนักวิชาการเฒ่าผู้นี้ “องค์ชายหก ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะถามเรื่องอะไร ต่อจากนี้หากข้ามีเรื่องต้องรบกวนองค์ชายหก ขอองค์ชายหกโปรดให้คำแนะนำแก่ข้าด้วย”"จางเก๋อเหล่าพูดเกินไปแล้ว"หยุนเจิงรีบโบกมือ “จริงๆ แล้วข้าเองก็ยังไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง แต่หากเรื่องใดที่ข้ารู้ ข้าจะบอกทุกอย่างแน่นอน”“ขอบพระทัยองค์ชายหก” จางฮว๋ายยืนขึ้นด้วยรอยยิ้
บุรุษผู้นี้มาทำอะไรที่จวนของตนกัน?มิน่าล่ะ ทำไมผู้คนถึงมาล้อมอยู่หน้าประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไป!นี่คือ ราชครูแห่งเป่ยหวน!หากปล่อยให้เขาเข้าไป จะทำให้ผู้อื่นไปพูดกันได้ไม่ใช่หรือ?เมื่อมองไปที่ปานปู้แล้ว ดวงตาของตู้กุยหยวนและจั่วเริ่นทั้งสามคนแทบจะลุกเป็นไฟหากไม่ใช่เพราะตระหนักว่าปานปู้มาที่ต้าเฉียนในฐานะคณะทูตล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงสับปานปู้เป็นชิ้นๆ แล้วเมื่อห้าปีก่อน หากไม่ใช่เพราะความแยบยลของปานปู้ ต้าเฉียนก็คงไม่สูญเสียหนักเพียงนี้กองทหารโลหิตเองก็คงไม่กระจัดกระจายไปอย่างสิ้นเชิงด้วย!ทั้งสามคนจ้องไปที่ปานปู้้ตาเขม็ง อยากจะสับหัวปานปู้เพื่อล้างแค้นให้พี่น้องของตนแต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ปานปู้และผู้ติดตามนั่นกลับดูสงบไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดราวกับว่า ไม่มองตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ไว้ในสายตาด้วยซ้ำพวกเขามั่นใจว่าคนเหล่านี้ไม่กล้าแตะต้องพวกเขาดังนั้น ปานปู้จึงกล้ามาพร้อมกับผู้ติดตามเพียงคนเดียว“องค์ชายหก ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”ปานปู้มองดูหยุนเจิงด้วยรอยยิ้ม “หากท่านยังไม่กลับมาอีก เกรงว่าคนในจวนท่านคงได้สับข้าเป็นชิ้นๆ แน่”"ราชครูพูดเล่นแล้ว"หยุนเจิงค่อยๆ เดิ
"แค่นี้น่ะหรือ?"หยุนเจิงส่ายศีรษะแล้วยิ้ม “แต่ในสายตาของข้า ราชครูต่างหากที่ชนะ ข้าแพ้!”“โอ๋?”ปานปู้ไม่เข้าใจ “เหตุใดองค์ชายหกจึงพูดเช่นนี้ องค์ชายกำลังดูถูกข้าหรือ?”หยุนเจิงส่ายศีรษะ ถอนหายใจ "ตามที่เราได้เดิมพันไว้ ของที่เป่ยหวนควรจะให้แก่ต้าเฉียน ทว่าสุดท้ายกลับให้ต้าเฉียนใช้เสบียงจำนวนสามล้านชุดไปแลก! หากนี่ไม่ถือว่าข้าแพ้ แล้วคืออะไรกัน?”ปานปู้สะดุ้งเล็กน้อย ทว่าก็เข้าใจความหมายของหยุนเจิงเขาไม่พอใจกับข้อตกลงระหว่างเป่ยหวนกับต้าเฉียน!“องค์ชายหกผิดแล้ว!”ปานปู้ยิ้มแล้วพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “แม้นจะไม่ใช่เพราะการเดิมพันทั้งสองครั้งขององค์ชายหก เป่ยหวนของข้าไม่ลงของอะไรด้วยก็ตาม ต้าเฉียนก็ต้องมอบเสบียงจำนวนสามล้านชุดให้กับเป่ยหวนอยู่ดี!”คำพูดของปานปู้ทำให้ทุกคนคันฟันความหมายปานปู้เข้าใจง่ายมาก เป่ยหวนต้องการเสบียง ต้าเฉียนไม่กล้าไม่ให้!หากไม่ใช่เพราะสถานะตัวตนของพวกเขาไม่เหมาะที่จะขัดจังหวะล่ะก็ ตอนนี้พวกเขาคงกระโดดไปทักทายบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของปานปู้แล้ว“อาจจะ!”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ แล้วเงยหน้ามองปานปู้ “ราชครูอยากจะเดิมพันอะไรล่ะ?”“ในเมื่อองค์ชายหกเก่งเ
คำถามของปานปู้ ทำให้หยุนเจิงชะงักทันใดพนันหรือ ได้!สิ่งสำคัญคือ เดิมพันด้วยอะไรปานปู้พวกเขามีด้วยกันอยู่สองคนเท่านั้นดูทั้งสองแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่มีค่าเลยด้วย!หรือจะให้ทั้งสองถอดเสื้อผ้าวิ่งกลับไปดี?เช่นนี้จะถือเป็นการดูหมิ่นเป่ยหวนเกินไป แต่ตนคิดทางออกที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วนี่!หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามปานปู้ยิ้มๆ ว่า “คณะทูตเป่ยหวนครั้งนี้มากันกี่คน แล้วก็ม้ากี่ตัว?”หืม?ปานปู้มึนงงเหตุใดเขาถึงถามเช่นนี้?หรือว่าเขาคิดจะเดิมพันด้วยชีวิตของคนทั้งคณะทูตเป่ยหวน?หากหยุนเจิงเดิมพันเช่นนี้จริง เขาจะดีใจมากเพราะเขารู้ดีว่าหากเดิมพันเช่นนี้ ถึงแม้เขาจะแพ้ ต้าเฉียนก็ไม่กล้าเอาชีวิตของคนเหล่านี้ไปแน่นอน มิเช่นนั้น พวกเขาจะต้องรับมือกับความเกรี้ยวกราดของทหารม้าเป่ยหวนเมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ปานปู้ก็ตอบด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “คณะทูตเป่ยหวนรวมถึงองครักษ์คุ้มกันที่มาพร้อมกันในครั้งนี้มีทหารมากกว่าสามร้อยนาย และม้าศึกมากกว่าหกร้อยตัว!”ครั้งนี้พวกเขามาเป็นทูตที่ต้าเฉียนอย่างเร่งด่วน ดังนั้นเพื่อให้มาทันเวลา พวกเขาจึงมีม้าสองตัวต่อคนแท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่ความลับอะไรพว
“องค์ชายดูเหมือนจะมั่นใจในชัยชนะนะ?”ปานปู้มองดูหยุนเจิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหยุนเจิงยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ราชครูเองก็มั่นใจเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”"ฮ่าๆ!"ปานปู้หัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเราทั้งสองต่างก็มั่นใจในชัยชนะ หรือว่าเราเพิ่มสิ่งเดิมพันอีกดีหรือไม่?”"โอ๋?"หยุนเจิงเริ่มมีความสนใจ “ราชครูอยากจะเพิ่มอย่างไร?”ปานปู้หัวเราะฮี่ๆ “ได้ยินมาว่าองค์ชายหกกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ หากข้าชนะ พระชายาองค์ชายหกขององค์ชายหกจะตกเป็นของข้าด้วย ว่าอย่างไร?”“โจรเฒ่าไร้ยางอาย!”เยี่ยจื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป นางตะโกนออกไปด้วยความโกรธ"เป็นไปไม่ได้!"หยุนเจิงส่ายศีรษะโดยไม่คิดปานปู้หัวเราะเยาะ “องค์ชายมั่นใจไม่ใช่หรือว่าจะชนะ? แต่ไม่กล้าเดิมพันด้วยสิ่งนี้เนี่ยนะ?”หยุนเจิงส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า "ถึงแม้ว่าข้าจะไร้ประโยชน์ แต่ข้าไม่เคยคิดจะเดิมพันด้วยผู้หญิงของข้า! นี่ไม่ใช่กล้าเดิมพันหรือไม่ แต่เป็นเรื่องของหลักการ!"เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ดวงตาของเยี่ยจื่อพลันฉายแววแปลกๆคำพูดของหยุนเจิงกระแทกเข้าไปในจิตใจของนางกล้าเดิมพันหรือไม่กล้าเดิมพัน กับสามารถนำมาเดิมพันหรือไม่สามารถนำมาเดิมพันนั
แม้ว่าทุกคนอยากจะห้ามปราม แต่กลับทำไม่ได้ไม่นาน ซินเซิงก็จุดธูปปานปู้ปลีกตัวไปเขียนคำตอบข้างๆ องครักษ์ติดตามของเขาเฝ้าดูไม่ห่างราวกับกลัวว่าจะมีใครเข้ามาแอบดูคำตอบอย่างไรอย่างนั้นหยุนเจิงยิ้ม แล้วหยิบปากกาขนนกออกมาเริ่มคำนวณภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคนเยี่ยจื่อเหลือบมองปากกาขนนกในมือของหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้หยุนเจิง ดูเขาแก้โจทย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นX Y อะไรนั่น เยี่ยจื่อไม่เข้าใจเลยนางเพียวแค่เห็นหยุนเจิงขีดเขียนอยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วy=(100-5x)/3ไม่นาน หยุนเจิงก็ร่างสมการออกมาแล้วเริ่มแทนค่าจากหนึ่งถึงยี่สิบ เพียงแค่แทนค่าที่ใกล้เคียงกันเป็นพอเพียงแค่ไม่กี่นาที หยุนเจิงก็ได้คำตอบถึงหกคำตอบด้วยกันเมื่อเห็นคำตอบทั้งหกข้อของหยุนเจิงแล้ว เยี่ยจื่อก็เข้าใจในทันทีมิน่าล่ะ ปานปู้ถึงได้มั่นใจเพียงนั้น แท้จริงแล้วก็มีคำตอบมากมายเพียงนี้นี่เองสมแล้วที่เป็นราชครูของเป่ยหวน เก่งเลขจริงๆ!ขณะที่เยี่ยจื่อกำลังตรวจสอบคำตอบเหล่านี้ในใจทีละคำตอบอยู่นั้น หยุนเจิงพลันวางปากกาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ราชครู ตรวจคำตอบได้แล้ว!"ในเวลานี้ ธูปเ
พ่อบ้านไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปและวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนกเขาต้องรีบบอกข่าวให้คนของจักรพรรดิเหวินทราบหากจักรพรรดิเหวินเสด็จมา บางทีองค์ชายหกอาจจะมีโอกาสรอดก็เป็นได้เมื่อเห็นพ่อบ้านที่วิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกแล้ว ปานปู้ถึงกับหัวเราะลั่น “องค์ชายหก อย่ารอช้าเลย รีบเผยคำตอบมาดีกว่า วันนี้ข้าจะทำให้ท่านแพ้อย่างราบคราบ!”“ราชครูหัวเราะอะไรน่ะ?”หยุนเจิงมองปานปู้ด้วยสีหน้าดำคล้ำ“ข้ากำลังหัวเราะองค์ชายหกผู้โง่เขลาอยู่น่ะ!”ปานปู้หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “องค์ชายหกคิดว่าคำถามนี้จะง่ายขนาดนี้เชียวหรือ องค์ชายหกท่านอวดดีเกินไปแล้ว! และการอวดดีนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ!”“อืม พูดดี!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย “การอวดดีย่อมต้องมีราคาที่ต้องจ่าย!!”ระหว่างนั้น หยุนเจิงพลันเผยคำตอบของตนออกมาเมื่อเห็นคำตอบที่หยุนเจิงเผยออกมานั้น ปานปู้มึนงงในทันใดวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะของปานปู้ก็หยุดลงกะทันหันหกคำตอบ?หยุนเจิงหาได้หกคำตอบนั้นหรือ?เมื่อเห็นคำตอบของหยุนเจิงแล้ว คนรับใช้ในจวนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเกิดอะไรขึ้น?เกิดอะไรขึ้น?แต่ไม่นานทุกคนก็กลับมาเศร้าอีกครั้งคำตอบของปานปู้มีทั
คำตอบสองคำตอบตรวจสอบไม่ยากนักเพียงแค่บวกเพิ่มเข้าไปก็พอขณะที่ปานปู้ตรวจสอบคำตอบที่เพิ่มออกมาทั้งสองตัวแล้ว เขาก็ทำตัวไม่ถูกทันทีถูก!คำตอบทั้งสองตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง!โจทย์ข้อนี้มีคำตอบทั้งหมดหกตัวจริงๆ?เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทั้งๆ ที่ตนคิดรอบคอบแล้วนี่!เหตุใดจึงมีหกคำตอบ?“เป็นไปไม่ได้ๆ...”ปานปู้เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างร้อนรน แล้วเริ่มคำนวณขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำของปานปู้แล้ว ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ต่างตะลึงงันทันทีเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าองค์ชายหกคิดถูกแล้ว?เป็นปานปู้ที่คิดออกมาไม่หมดนั้นหรือ?ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เยี่ยจื่อพลันพยุงซินเซิงที่ยังไม่ทันไม่สติดีขึ้นพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าเด็กโง่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว องค์ชายหกชนะแล้ว!"นางคิดคำนวณดูแล้วคำตอบของหยุนเจิงทั้งหกตัวนี้เป็นคำตอบที่ถูก!ถึงแม้ปานปู้จะคำนวณอีกเป็นร้อยครั้งก็ยังถูกอยู่ดี!“องค์ชาย...ชนะแล้ว?”ซินเซิงมองเยี่ยจื่ออย่างโง่เขลาราวกับไม่เชื่อหูตนเองอย่างไรอย่างนั้นเหตุใดองค์ชายถึงชนะอีกแล้ว?ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ปานปู้ก็ล้มลงกับพื้นถูกจริงๆ ด้วย!คำตอบอีกสองตัวท
เขารู้เพียงว่า ท่านอ๋องผู้นี้ ซึ่งผ่านศึกมานับไม่ถ้วน มิใช่คนที่จะเมตตาปรานีใครได้ง่ายๆอู๋โหย่วเต๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในที่สุดก็พยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ขยับร่างที่อ่อนแรงของตนขึ้นคุกเข่าให้เรียบร้อย“ขอ… ขอท่านอ๋องเมตตาด้วย…”“ได้! ข้าจะให้เจ้า!”หยุนเจิงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองหลิวอู่และหลี่เจี่ย “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกตระกูลอู๋ ทั้งบิดา บุตร และพ่อบ้านผู้นี้ จะเป็น วัวไถนา ของพวกเจ้า! ให้พวกมันลากคันไถให้พวกเจ้า! ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องห่วง ข้าจะเป็นคนดูแลเอง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่อดตาย!”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ไม่เพียงแต่อู๋โหย่วเต๋อเท่านั้นที่ตะลึงงัน แม้แต่หลิวอู่และหลี่เจี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกันภายในแคว้นต้าเฉียน ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนถูกใช้ให้ลากคันไถแทนวัวแต่เรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับชาวบ้านยากไร้ที่ไม่มีเงินเช่าวัวเท่านั้นทว่า เรื่องให้ตระกูลอู๋กลายเป็นวัวไถนาให้พวกเขา แม้แต่ในฝัน พวกเขาก็ไม่เคยกล้าคิด!พวกเขานิ่งอึ้งไปอยู่นาน ก่อนจะได้สติ รีบคุกเข่ากระแทกพื้นและกล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋อง! ขอขอบพระคุณในพระเมตตาอันล้ำลึก!”ใ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรเพียงแค่อู๋โหย่วเต๋อโลภอยากได้วัวไถนาของเหล่าหลิวโถวเดิมทีเขาตั้งใจจะใช้เงินซื้อวัวจากเหล่าหลิวโถวในราคาถูก แต่เหล่าหลิวโถวกลับไม่ยอมขายให้ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่ออู๋โหย่วเต๋อหมดความอดทน จึงใส่ร้ายว่าเหล่าหลิวโถวขโมยวัวของตระกูลอู๋ไป และกล่าวว่า หากไม่ได้ขโมยจริง ก็ต้องมีทะเบียนวัวมายืนยันแต่ปัญหาก็คือ วัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้เหล่าหลิวโถว! แล้วเหล่าหลิวโถวจะมีทะเบียนวัวจากที่ใดกัน?เหล่าหลิวโถวพูดจนปากจะฉีกก็ยังแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เขายืนกรานว่าวัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้ แต่ไม่ว่าอย่างไร อู๋โหย่วเต๋อก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำยังข่มขู่ว่าจะพาตัวเหล่าหลิวโถวไปแจ้งความที่ศาลเหล่าหลิวโถวเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต พอได้ยินว่าต้องไปแจ้งความก็ถึงกับตกใจกลัวสุดท้าย วัวตัวนั้นก็ถูกอู๋โหย่วเต๋อแย่งไปจนได้หลังจากวัวถูกพาออกไป เหล่าหลิวโถวก็ร้องไห้ไม่หยุด ราวกับจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อหลิวอู่และหลี่เจี่ยได้ยินข่าวอีกครั้ง เหล่าหลิวโถวก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว… เขาแขวนคอตายใต้ต้นไม้ข้างกระท่อมของตัวเอง“ที่พวกเขาก
อู๋โหย่วเต๋อเห็นท่าไม่ดีจึงไม่กล้าเอนกายต่อ รีบลุกจากเก้าอี้ไม้ไผ่ แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประจบ“นายทหาร ข้ามิทราบว่ามีใครในจวนข้าทำเรื่องผิดไป…”“พาตัวไป!”เสิ่นควานไม่แม้แต่จะให้เขาพูดจบ โบกมือสั่งการทันที ทหารองครักษ์สองนายตรงเข้าไปจับกุมอู๋โหย่วเต๋อ“ปล่อยข้านะ!”อู๋โหย่วเต๋อโกรธจัด “พวกเจ้าคิดว่าเป็นใคร ถึงกล้าบุกเข้ามาอาละวาดในตระกูลอู๋ของข้า? อย่าคิดว่าใส่ชุดเกราะแล้วจะขู่ข้าได้ ข้า…”ผัวะ!ยังไม่ทันที่อู๋โหย่วเต๋อจะพูดจบ ทหารองครักษ์นายหนึ่งก็ซัดหมัดเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรงอู๋โหย่วเต๋อร้องลั่น ร่างกายโค้งงอราวกับกุ้งต้ม“เจ้าด้วย! จับไป!”เสิ่นควานปรายตามองพ่อบ้าน ก่อนจะสั่งต่อไปยังเหล่าทหาร “ปิดล้อมตระกูลอู๋! หากไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ห้ามผู้ใดเข้าออกเด็ดขาด!”“รับทราบ!”กองทหารองครักษ์รับคำสั่งทันทีท่านอ๋อง!เมื่อได้ยินคำนี้ พ่อบ้านถึงกับรู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง ก่อนจะล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดท่านอ๋อง! เป็นท่านอ๋องจริงๆ!สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!อู๋โหย่วเต๋อที่กำลังเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยวก็ถึงกับแข็งค้างไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขา
ตระกูลอู๋นายท่านอู๋โหย่วเต๋อกำลังเอนกายบนเก้าอี้ไม้ไผ่ รับไออุ่นจากแสงแดดอย่างสบายใจ บนร่างยังมีผ้าขนสัตว์นุ่มคลุมอยู่สาวรับใช้สองนางคุกเข่าอยู่ข้างซ้ายขวาของเขา พลางนวดเฟ้นให้เป็นจังหวะเป็นตอน บางครั้งยังถูกอู๋โหย่วเต๋อใช้มือบีบเค้นร่างกายพวกนางไปด้วยสาวรับใช้ทั้งสองไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ได้แต่ปล่อยให้อู๋โหย่วเต๋อกระทำตามใจขณะที่อู๋โหย่วเต๋อกำลังหลับตาเพลิดเพลิน พ่อบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา“นายท่าน!”พ่อบ้านดูร้อนรน รีบเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูอู๋โหย่วเต๋อลืมตาขึ้นทันที โบกมือไล่สาวรับใช้ทั้งสองออกไป ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “เหล่าหลิวโถวตายแล้ว? ตายได้อย่างไร?”พ่อบ้านตอบกลับ “เจ้าเฒ่านั่นบอกว่าจะออกไปเข้าห้องส้วมเมื่อคืน แต่กลับไปหยิบเชือกป่านแล้วแขวนคอตายใต้ต้นไม้ ตอนที่มีคนพบเข้าก็แข็งทื่อไปแล้ว…”“แขวนคอตายรึ?”อู๋โหย่วเต๋อถอนหายใจโล่งอกก่อนจะบ่นอย่างไม่พอใจ “มันแขวนคอตายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เจ้าจะร้อนรนไปทำไม?”“ข้าน้อยแค่กลัวว่าเรื่องที่เจ้าเฒ่านั่นพูดไว้จะเป็นความจริง…” พ่อบ้านสีหน้าไม่สู้ดีนัก “นายท่าน วัวตัวนั้นจะเป็นของที่ท่านอ๋องมอบให้เหล่าหลิวโถวจริ
พวกเขาต่างรู้ดีว่า การนำโหวซื่อไคมาขายแบบนี้ ย่อมทำให้โหวซื่อไคมีความแค้นต่อพวกเขาแน่นอนว่าโหวซื่อไคคงไม่คิดร่วมมือกับพวกเขาอีกหากต้องการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ ก็มีเพียงให้หยางหุยโจวเป็นผู้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เท่านั้น“เรื่องนี้… ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”หยางหุยโจวรู้สึกโลภขึ้นมา แต่กลับทำเป็นวางตัวไว้ก่อนหากสามารถฟันกำไรจากพวกซูเฮ่อเหนียนอีกทาง หลังจากได้จากโหวซื่อไคไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า ตนไม่ต้องลงทุนแม้แต่ตำลึงเดียว แต่กลับสามารถกอบโกยเงินมหาศาลได้!เงินขาวๆ กองโตเช่นนี้ จะให้ตนไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?“ใต้เท้ากล่าวอะไรเช่นนั้น!”ซูเฮ่อเหนียนหัวเราะ “หากมิใช่เพราะใต้เท้า พวกเราคงยังไม่รู้เลยว่าโหวซื่อไคมีเส้นทางทำเงินเช่นนี้! นี่เป็นสิ่งที่ใต้เท้าควรได้รับอยู่แล้ว!”“ถูกต้อง!”ซูซ่งฝู่รีบเสริม “ขอใต้เท้าอย่าได้ปฏิเสธเลย!”อืม… พวกเขากล่าวมาถึงเพียงนี้แล้ว จะปฏิเสธก็ใช่ที่!หยางหุยโจวรู้สึกยินดีจนแทบกลั้นไม่อยู่ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง “เช่นนั้น… ข้าขอไปหารือกับโหวซื่อไคก่อน แล้วค่อยว่ากัน”สำเร็จแล้ว!ซูเฮ่อเหนียนและซูซ่งฝู่สบตากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจตราบใดที่
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขามิได้หลอกเจ้า?”หยางหุยโจวยังคงระมัดระวัง จึงย้ำถามอีกครั้ง“แน่ใจ!”โหวซื่อไคพยักหน้าหนักแน่น “เขากล่าวว่าสามารถสอนข้าได้ต่อหน้า! รอจนข้าเรียนรู้วิธีได้แล้ว ค่อยจ่ายเงินให้เขาก็ยังไม่สาย! หากมิเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เชื่อเขาแน่!”อืม เช่นนี้ก็สมเหตุสมผลหากเป็นการสอนกันต่อหน้า ก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่แต่ว่า เขาเองก็แปลกใจยิ่งนักผางลู่ซานมีวิธีการเช่นไร ถึงกล้ารับประกันว่าน้ำตาลแดงห้าจินจะได้เป็นน้ำตาลขาวหนึ่งจิน?หากเป็นเรื่องจริง นี่จะกลายเป็นเส้นทางทำเงินมหาศาลทีเดียว!“หากน้ำตาลขาวผลิตได้ง่ายเพียงนี้ เหตุใดเขาจึงมีเพียงสิบจินเท่านั้น?”หยางหุยโจวถามต่อ“เขาไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย”โหวซื่อไคกล่าวเสียงต่ำ “ข้าเคยได้ยินเขาพูดว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคนสนิทของหยุนเจิงหักหลัง ขายเส้นทางทำเงินมากมายออกไป! ทำให้หยุนเจิงไม่ไว้ใจผู้ใดอีก เขาจึงไม่กล้าซื้อน้ำตาลแดงมากเกินไป เกรงว่าหยุนเจิงจะสงสัย…”คนที่ทรยศหยุนเจิง?นั่นไม่ใช่จางซูหรอกหรือ?หยางหุยโจวแค่นยิ้มในใจ ไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่ออีก แล้วถามว่า “เจ้าขาดอยู่อีกหนึ่งแสนตำลึงเท่านั้นหรือ?”“ยังขาดอยู่อีกมาก”โหวซ
“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองรับคำสั่ง แล้วเข้ามาจับกุมโหวซื่อไคทันทีโหวซื่อไคตกใจจนหน้าซีด รีรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบร้องตะโกนออกมา “ใต้เท้า ข้า… ข้ายอมพูด! ข้าจะพูด!”เมื่อเห็นโหวซื่อไคยอมอ่อนข้อ หยางหุยโจวจึงส่งสัญญาณให้องครักษ์ปล่อยตัวเขา“ว่ามา!”หยางหุยโจวกล่าวเสียงขึงขัง แสดงอำนาจขุนนางเต็มที่“เรื่องนี้…”โหวซื่อไคลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลองกล่าวอย่างระมัดระวัง “ใต้เท้า ขอเจรจาเป็นการส่วนตัวสักคราเถิด?”หยางหุยโจวพยักหน้า แล้วพาโหวซื่อไคเดินออกไปอีกทางครานี้ โหวซื่อไค “สารภาพ” อย่างว่าง่ายน้ำตาลขาวเหล่านี้ล้วนมาจากซั่วเป่ย เป็นผางลู่ซานที่ขายให้แก่เขาผางลู่ซานเป็นผู้ดูแลโรงงานทั้งหมดในซั่วเป่ย รวมถึงโรงงานผลิตน้ำตาลขาวด้วยดังนั้น ผางลู่ซานจึงแอบกักตุนและยักยอกน้ำตาลขาวไว้ไม่น้อยแต่เพราะเขาไม่กล้าออกหน้าขายเองโดยตรง จึงเลือกขายผ่านโหวซื่อไคเหตุที่เขาไม่กล้าบอกที่มาของน้ำตาลขาว ก็เพราะกลัวหยุนเจิงล่วงรู้เรื่องนี้ หากหยุนเจิงรู้เข้า ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ผางลู่ซานก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้ง!หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบ โหวซื่อไคยังหยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมายัดใส่มือหย
ตอนเที่ยวันรุ่งขึ้นง โหวซื่อไคถูกเชิญไปที่จวนซูซ่งฝู่อีกครั้งเพื่อดื่มสุราวันนี้ ไม่เพียงแต่มีซูซ่งฝู่และซูเฮ่อเหนียน ยังมีหยางหุยโจวร่วมอยู่ด้วยหลายคนมิได้ร่วมรับประทานอาหารกันในเรือนหลักของจวนซูซ่งฝู่ แต่เลือกไปยังศาลาเย็นในสวนหลังบ้าน ดูจากท่าทีแล้วชัดเจนว่ามีเรื่องจะพูดคุยกัน“หลานรัก ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือใต้เท้าหยาง หยางหุยโจว ผู้ช่วยที่ปรึกษาจวนรัชทายาท!”ซูซ่งฝู่กล่าวพลางหัวเราะ พลางแนะนำโหวซื่อไค“ข้าน้อยคารวะใต้เท้าหยาง”โหวซื่อไครีบคารวะหยางหุยโจวทันที“โหวซื่อไค เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?”หยางหุยโจวมองโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าฉายแววไม่พอใจเจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?ประโยคแรกที่หยางหุยโจวเอ่ยออกมา ทำให้โหวซื่อไคถึงกับตกตะลึงโหวซื่อไคมองอย่างงุนงง “ข้าน้อยโง่เขลาเกินไป มิทราบว่าใต้เท้าหยางกล่าวถึงเรื่องใด?”“ในเมื่อเจ้าคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ ข้าก็จะเตือนเจ้าให้สักหน่อย”หยางหุยโจวจ้องโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นเยียบ “น้ำตาลขาว!”น้ำตาลขาว?แววตาของโหวซื่อไคพลันส่องประกายความเข้าใจขึ้นมาวูบหนึ่งเข้าใจแล้วพวกเขามุ่งเป้ามาที่น้ำตาลขาวนี่เอง!นี่ช่
หลังจากออกจากตระกูลซู โหวซื่อไคก็รีบเดินทางไปยังหัวเมืองสี่ทิศเพื่อทำการซื้อขายน้ำตาลแดงหัวเมืองสี่ทิศแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตของตระกูลซูโดยสมบูรณ์ การกระทำของโหวซื่อไค ย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของคนในตระกูลซูไปได้จากพฤติกรรมของโหวซื่อไค พวกเขาก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่า น้ำตาลขาวนั้นผลิตขึ้นจากน้ำตาลแดงที่ผ่านกระบวนการกลั่นให้บริสุทธิ์เมื่อคิดถึงกำไรอันมหาศาลของน้ำตาลขาว ซูซ่งฝู่ก็รีบเรียกประชุมผู้อาวุโสทั้งหกของตระกูลซูในทันที เพื่อหารือกันว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจน้ำตาลขาวนี้ได้อย่างไรโอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว!หากมีเงินให้หา ยังนิ่งเฉยอยู่ ก็คงเป็นพวกโง่งมเต็มที!แต่ว่า โหวซื่อไคกลับปากแข็งเกินไปและที่สำคัญ ดูเหมือนว่าโหวซื่อไคจะไม่ต้องการให้ตระกูลซูเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งในธุรกิจนี้เลย!หากต้องการเข้ามาในธุรกิจน้ำตาลขาว ก็ต้องหาทางให้โหวซื่อไคเปิดปากให้ได้ขณะที่ทุกคนกำลังหารือกันว่าจะบีบให้โหวซื่อไคพูดออกมาได้อย่างไร จู่ๆ ก็มีคนจากจวนของซูเฮ่อเหนียนรีบรุดเข้ามา เขาก้มกระซิบข้างหูซูเฮ่อเหนียนอย่างลับๆ“ว่าอย่างไรนะ!?”ซูเฮ่อเหนียนถึงกับลุกพรวดขึ้นทันที ก่อนจะลากพ่อบ้