หลงเสี่ยวจวิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้า“ก็ได้ จื่อเสวียน เห็นแก่หน้าเธอ ฉันลองโทรหาพ่อของฉันฉันดูก็ได้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าคุณชายตู้จะปล่อยเขา ในเมื่อเรื่องที่ไอ้หมอนั่นทำมันเกินขอบเขตเกินไป”“นิสัยของคุณชายตู้แย่มาก ถ้าหากโมโหขึ้นมา เกรงว่าก็คงไม่ไว้หน้าพ่อของฉัน”“ไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนฝืนยิ้มออกมาหลงเสี่ยวจวิ้นล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเดินไปที่มุมห้อง จากนั้นแสร้งทำเป็นกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกไป และพยักหน้าไม่หยุดแต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้โทรศัพท์หาพ่อของตัวเองด้วยซ้ำถึงแม้หลงเสี่ยวจวิ้นปากพูดว่าจะช่วยเหลือ แต่เขาก็รู้ว่า หากเขาขอความช่วยเหลือจากพ่อ นอกจากถูกด่าแล้ว ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดถ้าจะให้พ่อของเขาขอให้คุณชายตู้ไว้หน้า เรื่องนี้คงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีกไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็คงไม่ถูกน้องชายของคุณชายตู้ตบหน้าโดยที่ไม่พูดพล่ำทำเพลงเลยด้วยซ้ำพูดถึงที่สุด ท่าทางของเขาแบบนี้ก็แค่แสร้งทำไปแบบนั้นสำหรับหลินเฟิงเขาจะเป็นจะตาย เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลินเฟิงแย่งหน้าแย่งตาเขาหลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางเด็กสาวที่
“อะไรนะ? ไอ้หมอนั่นออกมาจริง ๆ แล้วเหรอ?”หลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ตรงฟุตบาทฝ่ายตรงข้าม ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยเพราะว่าเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุการณ์ที่เขาให้พ่อไปขอความเมตตาจากคุณชายตู้ส่วนเรื่องที่หลินเฟิงจะออกมาได้หรือไม่นั้นเขาไม่เพียงไม่มีความหวัง ถึงขั้นที่สาปแช่งหลินเฟิงให้ตายไวไว“คุณไม่เป็นไรนะ?”ทุกคนเดินออกจากร้านอาหาร อวี๋จื่อเสวียนเดินเข้าไปถามหลินเฟิงเป็นคนแรก“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่วนหน้า จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า: “ฉันให้เธอกับอาอวี๋กลับไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก?”“จื่อเสวียนกลัวว่าคุณจะถูกคุณชายตู้ฆ่าตาย ให้พวกเราทุกคนรอคุณอยู่ที่นี่”“คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่เป็นไรจริง ๆ ดูท่าวันนี้คุณชายตู้ท่านนั้นจะอารมณ์ดีไม่เบาสินะ”ผู้หญิงคนหนึ่งยืนออกมาแล้วยิ้มพูด“เขาอารมณ์ดี?”หลินเฟิงเบะปาก “เป็นเพราะฉันอารมณ์ดีต่างหาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ดี เขาคงจบเห่ไปนานแล้ว”หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการเผยสายตากระอึกกระอักออกมาทันทีเด็กสาวผมสั้นยิ่งฉีกยิ้มพูดขึ้นมาโดย
ชุมชนกลางเมือง บ้านหลังเล็กที่มีลานบ้านขนาดย่อมหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะถึงบ้าน ก็เห็นอาอวี๋ที่รออยู่หน้าบ้านเป็นเวลานานแล้วอาอวี๋ถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และร้อนรนอย่างมากในตอนที่เห็นหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนกลับมาอย่างปลอดภัย ถึงได้ถอนหายใจอย่างแรง และเดินเข้าไปยิ้มพูด:“คุณหลินเฟิง เมื่อครู่ผมโทรศัพท์ไปหาคุณหลานเฟยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยคุณออกมาได้เร็วขนาดนี้”“หึหึ ไม่ต้องแล้ว อาอวี๋ คุณรีบโทรศัพท์ไปแจ้งคุณหลานเฟย ให้เธอไม่ต้องมาแล้ว”“ดีดีดี”อาอวี๋รีบโทรศัพท์ไป เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงได้ยินน้ำเสียงที่จนปัญญาของหลานเฟย“เอาโทรศัพท์ให้หลินเฟิง”อาอวี๋ยื่นโทรศัพท์ไปให้หลินเฟิงด้วยความระมัดระวัง ส่วนหลานเฟยก็พูดอยู่ในโทรศัพท์ด้วยความจนปัญญา: “คุณหลินเฟิง เพิ่งวันแรกก็ก่อเรื่องให้ฉันแล้วเหรอ?”“อย่าโทษผม”หลินเฟิงเหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างกาย จากนั้นยิ้มพูด: “มีพวกคนโง่กลุ่มหนึ่งจะจัดการอาอวี๋ ผมถึงได้ลงมือ”“อาอวี๋...”ในตอนที่หลานเฟยพูดถึงอาอวี๋คำพูดก็หยุดชะงัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง ๆ พูดว่า:“ต่อไปเรื่องของอาอวี๋คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว เอาเป็นว่า อาอวี๋
ปากไม่พูด แต่ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างมากอวี๋จื่อเสวียนถึงแม้จะมีความคิดต่อต้าน แต่ในตอนที่เห็นพ่อตกอยู่ในอันตราย เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่สนสิ่งใด ๆกลับกันนั้น อาอวี๋ก็เป็นแบบนี้ดังนั้นหลินเฟิงถึงได้กล้าชี้ขาดว่า อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เป็นเด็กเกเรอะไร เพียงแต่แค่มีความคิดต่อต้านก็เท่านั้นในวัยนี้เป็นเรื่องปกติ“อ่อใช่คุณหลินเฟิง คุณดูสิครับผมมัวแต่พูดคุยกับคุณ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ผมเตรียมห้องไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว”ขณะพูด อาอวี๋ก็พาหลินเฟิงเดินขึ้นไปชั้นบนห้องของหลินเฟิงอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านภายในห้องถึงแม้จะตกแต่งไม่หรูหรา แต่สะอาดสะอ้าน สิ่งของที่ต้องใช้ก็มีครบครันหมด“ไม่ทราบว่าคุณหลินพอใจไหมครับ?”อาอวี๋ถามอย่างเป็นกังวล“ไม่เลว วางใจเถอะ ผมไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น”การตอบกลับของหลินเฟิงทำให้อาอวี๋“ขอบคุณครับอาอวี๋”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ผมกับลูกสาวของผมคงจะซวยแล้ว”อาอวี๋โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูห้องกลางดึกหลินเฟิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงบนเตียง มองดูพระจันทร์ตรงหน้าต่างหลังคา
เวลาดึกขนาดนี้แอบย่องเข้ามาในห้องของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แถมยังนั่งลงบนเตียงโดยไม่สนใจใยดีตัวเองมาส่งให้ถึงที่ ในฐานะผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะทั่วไป จะไม่คิดซี้ซั้วได้อย่างไร“เอาเป็นว่าขอโทษที่มารบกวนคุณดึกขนาดนี้แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนปรับสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเธอมองไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างจริงจัง:“คุณชื่อหลินเฟิงใช่ไหม? ที่ฉันมาหาคุณดึกขนาดนี้ อันที่จริงเพราะมีเรื่องจะขอร้อง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อย เขาโบกมือพูด: “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?”“วันนี้ฉันเห็นคุณต่อสู้เก่งมาก คุณบอกฉันได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร? คุณมีพลังพิเศษบางอย่างเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนสายตาเผยความแปลกประหลาดออกมา“พลังพิเศษบ้าบออะไรกัน...”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “ฉันเป็นนักบู๊ นักบู๊ที่ฝึกฝนกำลังภายในและศิลปะการต่อสู้”“ความสามารถของฉันแข็งแกร่งมากพอ อย่าว่าแต่เรื่องในวันนี้ ต่อให้มีคนมากขึ้นอีกหลายร้อยคนฉันก็ไม่แพ้”“ชิ...”อวี๋จื่อเสวียนเบะปาก คิดแค่ว่าหลินเฟิงกำลังคุยโวโอ้อวด เธอพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อถือ: “คุณนี่ขี้โม้จริง ๆ เลยนะ! คุณช่วยเก็บอาการนิสัยแย่ ๆ ของตัวเ
“ฮะ?”อวี๋จื่อเสวียนเกาศีรษะ จากนั้นก็ถามหลินเฟิงว่า: “งั้นคุณช่วยฉันดูหน่อยสิ ถ้าหากฉันเป็นสุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศล่ะ?”“อาจจะไม่เยอะมาก”หลินเฟิงส่ายหน้าพูดว่า: “ยื่นมือออกมา”“อ่อ”อวี๋จื่อเสวียนยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย“ฟังให้ดีนะ ฉันจะปล่อยพลังชี่แท้เข้าสู่ร่างกายของเธอ ถ้าหากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของพลังชี่แท้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอมีใบผ่านในการเข้าสู่ทางบู๊ ไม่อย่างนั้น ความพยายามทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์”หลินเฟิงพูดด้วยความจริงจัง“เดี๋ยวก่อน คำพูดนี้ของนายทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ คุณคงไม่ได้อยากจะเอาเปรียบฉันหรอกนะ?”อวี๋จื่อเสวียนดึงมือกลับทันที และมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าระแวงนี่จึงทำให้สีหน้าของหลินเฟิงแข็งทื่อทันที“เธอไม่อยากเรียนก็ช่างเถอะ”หลินเฟิงก็กลัดกลุ้มใจ ในหัวของเด็กคนนี้หุนหันพลันแล่นคิดแต่เรื่องอะไรน่ะ ดึก ๆ ดื่น ๆ เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับยัยเด็กคนนี้หรอก“เอ่อ...”เห็นสีหน้าจนใจของหลินเฟิง ความสงสัยในสายตาของอวี๋จื่อเสวียนก็ค่อย ๆ หายไป เธอยื่นมือออกมาช้า ๆ แล้วพูดว่า: “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันล้อเล่น”“ตาลุงอย่างคุณ ทำไมถึงทนต่อการล้อ
ตราประทับบู๊นี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถโยกย้ายได้อย่งง่ายดายเพียงแต่ตราประทับนี้ไม่ใช่ของไม่ดีอะไรหลังจากหลินเฟิงตรวจสอบดูก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเพียงแค่ตราประทับป้องกันเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียว อาจจะทำให้คนที่มีตราประทับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในภายในจุดตันเถียนได้เพราะว่าเมื่อกำลังภายในปรากฏภายในตัวของเธอ ตราประทับนี้ก็จะทำงาน จากนั้นจะสลายพลังชี่แท้ในทันทีดูท่าเส้นทางนักบู๊ของอวี๋จื่อเสวียนยังไม่เริ่มต้นก็เดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าตราประทับบู๊นี้ เธอไม่มีทางกลายเป็นนักบู๊ได้แต่ว่าจุดสำคัญอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสร้างตราประทับภายในร่างกายคนได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากแท้จริงแล้วอวี๋จื่อเสวียนมีคุณค่าขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ยอดฝีมือแดนแปรภาพเปลืองแรงสร้างตราประทับให้กับเธอ?อีกทั้งตราประทับนี้ยังไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะส่งผลย้อนกลับไปที่เจ้าของ อันตรายอย่างมากหรือว่าเบื้องหลังอวี๋จื่อเสวียนมียอดฝีมืออยู่?และผู้มีฝีมือสูงส่งคนนี้อย่า
หลินเฟิงไม่มีคำพูดที่ไร้สาระใด ๆ“โรงบู๊เลี่ยหยางในเขตเมืองใต้”“รอผม”“อ่อใช่ ท่านหลิน”ในตอนที่หลินเฟิงจะวางสายโทรศัพท์ ตู้ไหวลังเลแล้วพูดว่า: “หัวหน้าแก๊งดูไม่พอใจอย่างมาก คุณจะต้องระวังตัวด้วยนะครับ”“อืม ผมทราบแล้ว”หลินเฟิงล้างหน้าแปรงฟันผ่าน ๆ และออกไปข้างนอก จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ที่ข้างทาง บอกสถานที่กับโชเฟอร์หัวหน้าแก๊งของแก๊งเลี่ยหยางจะยอมแพ้ ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่ตัวเองพยายามมาหลายปีง่าย ๆ ได้อย่างไร?หลินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจอยู่แล้ววันนี้เช้าสายโทรศัพท์ที่ตู้ไหวโทรมา ความเป็นจริงก็คืองานต้อนรับสังหารแขกยิ่งไม่ต้องพูดว่าสถานที่ก็คือโรงบู๊แห่งหนึ่งแค่มองชื่อก็รู้แล้วว่าโรงบู๊นี้จะต้องเป็นหนึ่งในกองทัพของแก๊งเลี่ยหยางอย่างแน่นอนสิบนาทีต่อมา หลินเฟิงก็มาถึงโรงบู๊เลี่ยหยางตู้ไหวที่ขอบตาดำคล้ำแสยะยิ้ม พาคนเข้ามาต้อนรับ“ท่านหลิน คุณจะต้องระวังให้มากนะครับ หัวหน้าแก๊งไม่เพียงเรียกสี่เทพผู้พิทักษ์ใหญ่มา ถึงขั้นที่ยังเรียกผู้แข็งแกร่งแทบทุกคนของแก๊งเลี่ยหยางของพวกผมมาด้วย”หลินเฟิงมองดูตู้ไหวด้วยสีหน้าจริงจัง และหลุดขำเสียงแหบออกมา“ดูท่ารองหัวหน้าตู้อยากจะเลื่
ชายร่างใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังจะชี้หน้าด่าทอพี่ชายของตัวเองแต่ประโยคที่เรียบง่ายของเฝิงชางในตอนนี้ ทำให้ชายร่างใหญ่มีหนวดเครานิ่งอึ้งทันที“หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊อยู่ที่จวนของเรา”“อะไร? หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊? พี่หมายถึง...”“อืม”จ้องมองสีหน้าเหลือเชื่อของน้องชายตัวเอง เฝิงชางพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก วิทยายุทธถูกทำลายจนแทบหมดไป”เฝิงชางพูดต่อ“งั้น...ชีพจรมังกร...”“ชีพจรมังกรไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว”คำพูดของเฝิงชางทำให้ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา“ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ก็มีความคิดที่เหมือนกันกับนาย”เฝิงชางพูดอย่างเรียบเฉย:“แต่ก่อนหน้านี้ เธอได้มอบชีพจรมังกรออกไปแล้ว อีกทั้งนักบู๊จำนวนร้อยกว่าคนที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาในครั้งนี้ ในกลุ่มพวกเขามีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพช่วงกลางจำนวนมาก ได้เสียชีวิตทั้งหมด”“มีเพียงแค่เธอที่ยืนหยัดลมหายใจสุดท้ายหนีออกมา”เฝิงชางสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า:“ฉันสามารถมองออกได้ว่า ชีพจรมังกรเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงของเราจะเกี่ยวข้องได้”“บา
เธอเขินอายอยู่ครู่หนึ่งประธานหลี่ถึงได้แบกหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินเฟิงที่มีสีหน้างุนงง และพูดติดๆขัดๆ ว่า:“ที่...ที่รัก ฉัน...ฉันก็อยากได้ เหมือนกับถังหว่าน คือ...ว่า...”“ฮ่าฮ่า หลี่ฮุ่ยหราน ฉันว่าแล้ว”ถังหว่านไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอกอดอก และมีสีหน้าเย้ยหยัน“อยากได้ก็พูดสิ อิดๆ ออดๆ อายุขนาดนี้แล้ว ยังเขินอายอยู่อีกเหรอ? ประธานหลี่?”“เธอไม่ต้องยุ่งเลย!”หลี่ฮุ่ยหรานหันหน้าไป ตอกกลับถังหว่านประโยคหนึ่งทว่าในตอนที่เธอหันหน้ากลับมา ก็พบว่าหลินเฟิงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้วเขาก้มหน้า สัมผัสอบอุ่นหลี่ฮุ่ยหรานลูบหน้าผากของตัวเองอย่างเหม่อลอยเธอเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเฟิงอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินจนหน้าแดง หันหลังเดินออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า:“เอาล่ะเอาล่ะ ทานข้าว ไปทานข้าวกัน!”ไล่ถังหว่านที่หัวเราะเสียงดังเข้าไปในห้อง ถังหว่านหันหน้าไปมองหลินเฟิง“กลับมาเร็วๆ หน่อยนะ”“อืม”หลินเฟิงยิ้มและพยักหน้าไม่นานนัก เสียงสตาร์ทรถก็ส่งเสียงดังอยู่ที่นอกบ้านหลี่ฮุ่ยหรานถือชามข้าวเอาไว้ มอ
สำหรับน้าจ้าวแล้วลูกสาวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อลูกชายตอนนี้อยู่ที่ต่างประเทศ ชีวิตก็มีการประกันชีวิตบั้นปลายก็ได้พบคนที่อยู่เคียงข้างน้าจ้าวกับอาอวี๋ พึงพอใจชีวิตของพวกเขาในตอนนี้อย่างมาก สิ่งเดียวที่เป็นกังวลนั่นก็คือ อวี๋จื่อเสวียนเด็กบ้าคนนี้ตอนนี้เธออยู่เมืองเจียงโจว กับอิ่นนั่วเจียได้ยินว่าช่วงนี้กำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่กับอิ่นนั่วเจียอาอวี๋ปากพูดว่าทำสิ่งที่ไม่เข้าเรื่อง แต่ความเป็นจริงหน้าตายิ้มแย้มทุกวันทุกอย่างของพวกเขาเป็นฝีมือของคนคนเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงดังนั้นหลินเฟิงในตอนนี้ พูดจากบางด้าน ได้กลายเป็นลูกชายที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาไปแล้ว“จริงด้วยหลินเฟิง ค่ำขนาดนี้แล้วนายยังจะไปไหนอีก?”อาอวี๋หยิบตะเกียบขึ้น และพูดอย่างเป็นกังวล“หึหึ ผมไปที่เมืองหนิงโจวสักหน่อย”หลินเฟิงไม่ได้บอกรายละเอียดว่าไปทำอะไร เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลหลินเฟิงกำลังจะออกจากบ้าน หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านที่หน้าตาอ่อนเพลียก็กลับมาแล้ว“ไม่ไหวแล้วสามี หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนบ้างานจริงๆ ต่อไปฉันไม่ทำงานด้วยกันกับเธอแล้ว”เมื่อถังหว่านเข้ามาก็ระบายความทุกข
ระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนที่หลินเฟิงนำพาหลี่ซื่อกรุ๊ปซุ่มตัวอยู่ระหว่างนั้นชีพจรมังกรออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ ในที่สุดเมืองเจิ้งเต๋อก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งหลักฐานที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ จำนวนนักบู๊ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงอย่างมากเพียงแต่ว่าชีพจรมังกรไม่ใช่ปัญหาที่หลินเฟิงจะให้ความสนใจในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขากังวลเล็กน้อยคือหยินหลิงถึงแม้หยินหลิงจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ความสามารถเฉพาะตัวไม่ธรรมดา อีกทั้งมีลูกน้องจำนวนมากแต่ได้ยินว่าชีพจรมังกรเปลี่ยนมือมาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้อยู่ในมือของกลุ่มพันธมิตรบู๊อีกต่อไปแล้วแบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงเกิดความเป็นกังวลเล็กน้อยขณะที่มีความกังวลแบบนี้ ในที่สุดหลินเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากอาฝูในช่วงบ่ายวันหนึ่ง นั่นก็คือพ่อของหยินหลิงที่โทรมา“คุณชายหลินเฟิง”น้ำเสียงของอาฝูเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่หลินเฟิงสังเกตได้ถึงความร้อนรนที่แฝงอยู่ในนั้นอย่างฉับไว“ว่าไงครับ”หลังจากผ่านเรื่องชีพจรมังกรไป หลินเฟิงรู้ซึ้งได้ว่าประเทศมังกรนั้นเป็นที่ที่มีคนเก่งกาจซ่อนอยู่มากมาย เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรโดยใช้อารมณ
พวกเธอทั้งแสดงท่าทางที่ดูถูกต่อหลินเสวี่ยฮุ่ย และแสดงความกังวลออกมาว่า ต่อจากนี้จะไปฝึกงานกันที่ไหนดีเรื่องพวกนี้ต่างก็ถูกหลินเฟิงได้ยินจนหมดแล้ว“อ้าว คนนี้ไม่ใช่พี่ชายของหลินเสวี่ยฮุ่ยหรอกเหรอ?”นักศึกษาสาวที่เป็นคนเริ่มก็เห็นหลินเฟิงเช่นกัน ก่อนที่เธอจะตกตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นก็เยาะเย้ยว่า : “เพื่องานของน้องสาวของตัวเอง คุณถึงกับต้องพยายามอย่างมากจริง ๆ!”“ใช่ การเอาน้องสาวของตัวเองไปให้กับชายชรา ความกล้าหาญแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะไม่มีวันเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน”การเยาะเย้ยพวกนี้ ทำให้หลินเฟิงสับสนอยู่เล็กน้อยหลังจากฟังพวกเธอพูดคุยและอธิบายอยู่นาน หลินเฟิงก็รู้ว่าพวกเธอนั้นกำลังเข้าใจผิดหลินเสวี่ยฮุ่ยสามารถที่จะเป็นผู้อำนวยการได้ ก็เพราะความสามารถของตัวเองทักษะทางการแพทย์ของเธอก็มีเพียงพอแล้วและไม่ได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยวิธีที่น่ารังเกียจใด ๆด้วยเมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง เหล่าเพื่อนร่วมชั้นของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อยหลินเฟิงก็เลยถือโอกาสดึงพวกเธอเอาไว้ และอยากจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วย เพื่อให้หลินเสวี่ยฮุ่ยได้อธิบายในเรื่องนี้แต่ทั
บริวารของตระกูลซือหม่าคนนี้ที่มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นเท่านั้นแต่หนึ่งเปอร์เซ็นนี้ ก็ถูกเด็กทั้งสองคนที่เพิ่งเรียนจบ และยังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนรักของเผิงกวงฉี่ ได้รักษาจนหาย?แถมตอนนี้ก็สามารที่จะพูดได้แล้วด้วย?หัวหน้าหนงรู้สึกเหมือนโลกของตัวเองพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เขาที่เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาหลายสิบปีโดยเปล่าประโยชน์ และก็คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะล้มเพราะเด็กผู้หญิงทั้งสองคนและเหล่าผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเขา ก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกันทั้งหมดขนาดหัวหน้าหนงก็ยังทำไม่ได้ แล้วเด็กสาวทั้งสองคนนี้ทำได้อย่างไร?หรือว่าทักษะทางการแพทย์ของเด็กสาวทั้งสองคนนั้น จะสูงกว่าของหัวหน้าหนง ผู้มีประสบการณ์มายาวนานกันนะ?“พวกคุณรู้จักคนที่ชื่อหลินเฟิงหรือเปล่า?”และในตอนนี้ บริวารโจวที่หลับตาอยู่ ก็เอ่ยถามหลินเสวี่ยฮุ่ยและโจวเสี่ยวหางขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง“หลินเฟิง?”หลินเสวี่ยฮุ่ยกับโจวเสี่ยวหางต่างมองหน้ากันและกัน“หลินเฟิงคือพี่ชายของฉัน”“หลินเฟิงคืออาจารย์ของฉัน”เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งสองสาว บริวารโจวก็แสดงสีหน้า “เป็นอย่างที่คิดเอาไว้” ออกมา ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแ
“อ๊ะ! พวกเธอมาที่นี่เพื่อมาหาหลินเสวี่ยฮุ่ย”ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า :“เดาว่าพวกเขาเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยได้เป็นผู้อำนวยการแล้ว ก็เลยอยากจะมาฝึกงานที่โรงพยาบาลเจิ้งเต๋อของพวกเรา”“เหอะ!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ หัวหน้าหนงก็มองหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างเย็นชา“เธอคิดว่าโรงพยาบาลของพวกเราเป็นอะไร?!”หัวหน้าหนงพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า :“ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่ที่จะให้เด็กผู้หญิงอย่างพวกเธอมาเลื่อนขั้นได้ ออกไปจากที่นี่ซะ!”“ใครจะอยากอยู่ที่นี่กับพวกคุณ!”สาวที่เป็นคนเริ่มจ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มเยาะอย่างดูถูกแล้วหันหลังเดินจากไป“รอเดี๋ยว...”หลินเสวี่ยฮุ่ยทีเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จ จึงรู้สึกอ่อนเพลียมาก ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยจะมีแรงพูดสักเท่าไหร่“ฉันกำลังคุยผู้อำนวยการหลิน”“แค่มีเธออยู่ที่นี่แค่คนเดียว ฉันก็ลำบากมากพอแล้ว!”“โปรดเข้าใจด้วยว่า ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่สถานทีที่เผิงกวงฉี่จะเอาผู้หญิงมาซ่อนได้!”ในขณะที่พูดอยู่ หัวหน้าหนงก็ชี้ไปที่บริวารของตระกูลซือหม่าที่นั่งอยู่บนรถก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า :“ดูสิ่งที่เธอทำสิ!”“เธ
“ฟู่”ในที่สุด หลังจากการช่วยเหลือมามากกว่าสี่ชั่วโมง หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องผ่าตัดโดยที่มือเปื้อนเลือดอยู่“เสวี่ยฮุ่ย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”โจวเสี่ยวหางนำผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ ในขณะที่หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ส่ายหน้า“น่าเสียดาย....”“ใช่ น่าเสียดาย....”โจวเสี่ยวหางจ้องมองตามสายตาของหลินเสวี่ยฮุ่ย ก่อนจะมองไปทางชายที่ถูกเย็บแผลเรียบร้อยแล้วอยู่บนเตียงผ่าตัดพร้อมกับส่ายหน้า“ดีแล้ว เสวี่ยฮุ่ย เธอทำดีที่สุดแล้ว”“ฉันรู้”หลินเสวี่ยฮุ่ยถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยไม่นานหลังจากนั้น บริวารของตระกูลซือหม่าที่อยู่บนเตียงผ่าตัด ก็ถูกวางลงบนรถเข็น และพาออกไปจากห้องผ่าตัด“อุ๊บ หึ น่าหัวเราะจะตายแล้ว พวกคุณรีบมาดูสีหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นสิ ดูเหมือนว่าจะเสียใจอย่างมากเลยนะ.....”“หึ เด้กสาวทั้งสอง ฉันก็บอกแล้วว่าพวกเธอแค่แกล้งทำ ตอนนี้บริวารของตระกูลซือหม่าตายอยู่บนเตียงผ่าตัดของเธอ คราวนี้คนของตระกูลซือหม่าจะโกรธแล้ว”“ถึงยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราแค่ดูอย่างสนุกสนานก็พอแล้ว”เมื่อได้ยินการสนทนาอันยุ่งวุ่นวายของเหล่าแพทย์ที่อยู่โดยรอบ หลินเสวี
เมื่อรู้ว่าคนรักตัวน้อยของเขารักษาบริวารของตัวเอง งั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยเกรงว่าอาจจะต้องตายเร็วขึ้นอีกนี่ก็คือหลุมพรางที่หัวหน้าหนงวางไว้สำหรับล่อลวงหลินเสวี่ยฮุ่ย ไม่ว่าเธอจะกล้ารับหรือไม่ เธอก็จะต้องโชคร้ายอยู่ดีส่วนหลินเสวี่ยฮุ่ยจะสามารถช่วยชีวิตบริวารคนนี้ได้หรือเปล่า?เดิมทีความเป็นไปได้นี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหัวหน้าหนงยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนหน้าที่หลินเสวี่ยฮุ่ยจะมา ตัวเองได้ทำการตรวจร่างกายบริวารของตระกูลซือหม่าทั้งหมดแล้วทั่วทั้งร่างมีร่องรอยกระดูกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แขนข้างหนึ่งหัก และอวัยวะภายในก็มีเลือดออกเยอะมาก แม้แต่ตัวเลขบนเครื่องช่วยหายใจก็ยังแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแม้แต่คนที่มีประสบการณ์เยอะอย่างหัวหน้าหนงการต้องเผชิญหน้ากับเรื่องร้ายแรงแบบนี้ บาดแผลมันก็ไม่ต่างไปกว่าการถูกรถไฟชนกระแทกเขารู้สึกว่า บริวารของตระกูลซือหม่าไม่อาจจะจะช่วยชีวิตได้แล้วต่อไปก็ถึงเวลาที่จะต้องหาคนโชคร้ายมาเป็นแพะรับบาปแทนแล้วเขาก็ใช้โอกาสนี้ เลือกผู้อำนวยการหลินที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่ถึงวัน“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิเศษขนาดไหน การช่วยชีวิตผู้ป่วยก็ต้องสำคัญเป็นอันด