“โอ๊ย พวกคุณช่วยตัดสินหน่อย ฉันเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาจนโตขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงไม่ดูแลฉัน ยังจะมาบังคับซื้อที่ดินของฉันไปอีก!”จางกุ้ยหลานนั่งอยู่ที่พื้นแล้วตะโกนออกมาไม่หยุด ไม่มีคำพูด ๆใดที่เป็นความจริงเลย“ใช่แล้ว ตอนนี้พี่สาวของฉันก็เป็นประธานของบริษัทใหญ่แล้ว!”“หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จ ก็ทิ้งคนในครอบครัวไป ถึงขนาดร่วมมือกับคนนอกเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วไปทำร้ายแม่ของฉันอย่างนี้!”หลี่เหวินเชาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหน้าไม่อายแล้วชี้ไปที่คราบเลือดบนหัวของแม่ตัวเอง พร้อมกับบอกว่านี่เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ตามคำสั่งของเขาแล้วตอนนี้ ข้อกล่าวหาข้อนี้ก็ตกไปอยู่ที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน ตอนนี้หลี่เหวินเชาที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ที่ดินตรงนี้มา“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือประธานหลี่ของพวกคุณ ผู้หญิงที่เข้มแข็งของพวกคุณแล้วก็แฟนของเธอ หึหึ ช่างน่ารังเกียจและน่าขยะแขยง!”จางซินก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า :“พวกเขาเป็นคนหลอกลวง! แล้วการซื้อที่ดินมาจากเผิงกวงฉี่ก็ล้วนเป็นที่โกหกทั้งนั้น!”เห็นได้ชัดว่าจางซินยังคงคิดหาโอกาสที่จะแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานที่ไล
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็เอาที่ดินกลับมาให้ได้ก่อนดีกว่า“ชู่ว ไม่ต้องพูดแล้ว ดูเร็ว ประธานหลี่กลับมาแล้ว!”“หึหึ ยังคงหน้าไหว้หลังหลอกอีกเหมือนเคย”“มีลูกสาวแบบนี้ด้วยเหรอ? ถ้าเงินเดือนที่นี่ไม่สูงขนาดนี้ ฉันคงลาออกไปนานแล้ว”“มันผิดศีลธรรมจริง ๆ”“ถ้าฉันมีลูกสาวแบบนี้ ฉันคงต้องเลิกยุ่งกับเธอแน่ ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรีบเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง“ประธานหลี่ ฉันพยายามขัดขวางแล้ว แต่ว่า...”เลขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจหลี่ฮุ่ยหรานที่รู้ดีถึงความยากลำบากของพวกเขา ในเมื่อคนเหล่านี้ก็คือคนในครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหราน พวกเขาจึงไม่กล้าใช้ความรุนแรงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาตามใจที่นี่เท่านั้น“ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”หลี่ฮุ่ยหรานตบที่ไหล่ของเลขา พร้อมกับเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กลุ่มคน“แม่!”ยิ่งหลี่ฮุ่ยหรานเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยของคนรอบข้างชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้วความดันโลหิตของเธอก็ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องไม่กี่ปีมานี้ ต่างก็เป็นเธอที่เป็นผู้บริจาคเงินและความพยายามเพื่อเลี้ยงดูจางกุ้ยหลาน หรือแม้แต่จา
ได้ยินเสียงตวาดของหลี่เหวินเชาและคนอื่นๆ พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่รอบๆ พากันมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน และนินทาลับหลัง“ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง เฮ้อ ดูไม่ออกจริงๆ ประธานหลี่จะเป็นคนแบบนี้”“พูดได้แค่ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจสินะ!”“ช่างเถอะ ตอนบ่ายฉันลาออกดีกว่า ติดตามผู้บริหารแบบนี้ ฉันรู้สึกอับอายขายหน้า”“ถูกต้อง ถ้าโดนเผยแพร่ออกไปก็ไม่มีหน้าเจอคนหรอก”“ฉันจะเขียนใบลาออกด้วย”“ฉันก็ด้วย”ได้ยินผู้คนที่อยู่โดยรอบพูดถึงเธอโดยไม่ได้หลีกเลี่ยง และรู้สึกผิดหวังต่อเธอ หลี่ฮุ่ยหรานจึงตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “จางกุ้ยหลาน!”เสียงตะโกนแบบนี้ ทำให้จางกุ้ยหลานสะดุ้งโหยงเล็กน้อยพนักงานคนอื่นๆ ของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่กำลังจะเดินจากไปก็นิ่งอึ้งพวกเขาพากันมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน“จางกุ้ยหลาน ฉันหลี่ฮุ่ยหรานทำผิดต่อคุณตรงไหนกัน? ทำไมถึงต้องทำกับฉันแบบนี้?”หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก สีหน้าเหมือนกับในเวลาปกติแต่น้ำตาไหลรินลงมาบนใบหน้า เธอยื่นนิ้วออกไป ชี้หลี่เหวินเชากับจางซินแล้วพูดว่า:“นี่เป็นความคิดของใคร? หลี่เหวินเชาหรือว่าจางซิน?”“ฉันหลี่ฮุ่ยหรานขยันหมั่นเพียรมาหลายปี ชีวิตของคุณในตอนนี้ก็ไม่ได้
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“แม่งเอ๊ย พวกแกบังอาจมาก กล้าแตะต้องฉัน พวกแกรู้ไหมว่าลุงของฉันเป็นใคร?”“คนที่อยู่เบื้องหลังคุณลุงของฉันคือตระกูลหลง ถ้าหากพวกแกกล้าลงมือต่อฉันที่นี่…”ได้ยินสยงก้วนยังกล้าพูดข่มขู่ทุกคนอยู่ตรงนี้ ดินไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าไปเหยียบนิ้วมือของสยงก้วนโดยตรงเสียงดังแกร่กเหยียบจนนิ้วมือแตกหัก“อ๊ากกกกก!”นิ้วมือเชื่อมต่อหัวใจความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้สยงก้วนกุมฝ่ามือของตัวเองเอาไว้ นอนหมอบอยู่บนพื้นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวด“คุณชายสยง ตอนนี้อยากจะคุยกับผมดีๆ แล้วยัง?”หลินเฟิงก้มตัวลง ถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย“คุย…คุยแม่งสิ! แกคอยดูเถอะ…คอยดูเถอะ!”สยงก้วนเจ็บจนสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง พร้อมทั้งด่าทออย่างบ้าคลั่ง“ยังกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้านายท่านอีกงั้นเหรอ?!”ดินเหยียบลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้ทั้งฝ่ามือของสยงก้วนแตกละเอียดทันที ครั้งนี้สยงก้วนเจ็บจนเกลือกกลิ้งบนพื้นน้ำเสียงก็อ่อนลงในที่สุดท้าย ถึงขั้นสะอื้นไห้เล็กน้อย“พวกแกจะทำอะไรกันแน่?! พวกแก…พวกแกกล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลสยง พวกแกไม่อยากมีชีวิตแล้วงั้นเหรอ?”“ผมเคยพูดแล้ว คุณชายสยง พวกเรามาซื้อบ้านอย่างเป็นมิตร”
ไม่มีทางสองจิตสองใจหลินเฟิงรู้ว่าคำพูดของสองคนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเท่าไหร่นักแต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่ไปแล้วไม่เพียงทำภารกิจของตระกูลสยงไม่สำเร็จ ยังเผยความลับของตระกูลสยง ไม่ต้องพูดว่าตระกูลสยงจะยอมรับพวกเขาใหม่ ตระกูลสยงไม่หาคนมาฆ่าพวกเขาสองคนก็ถือว่าเป็นเมตตามากพอแล้วหลงซวี่จวินไม่มีทางปล่อยพวกเขาเอาไว้ประการที่สองคือ ข้อเสนอที่หลินเฟิงให้กับพวกเขานั้นมีแรงดึงดูดอย่างมากในเมื่อนักบู๊ทั่วๆ ไป ไม่มีการถ่ายทอดและสืบสานใดๆ พวกเขาอยากจะฝึกบำเพ็ญ อาศัยศิลปะการต่อสู้ขั้นต่ำที่ซื้อมาจากตลาดมืดด้วยราคาที่แพงมากสำหรับวิชาศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ต่างเป็นสมบัติล้ำค่าภายในสำนักไม่มีทางหลุดออกมาถึงตลาดมืดต่อให้มี พวกเขาก็ใช่ว่าจะมีกำลังซื้อแต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วถ้าหากพวกเขาติดตามหลินเฟิงงั้นหลินเฟิงเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเทพ ศิลปะการต่อสู้ที่เขาถ่ายทอดให้ ไม่มีทางที่จะเป็นขยะที่เอามาขายในตลาดมืด โดยต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลซื้อมาดังนั้นถึงแม้พวกเขาทำเพื่อตัวเอง จึงเกาะติดต้นไม้ใหญ่อย่างหลินเฟิง ถือว่าทำตามความฝันระดับสูงสุดของพวกเขาแล้วไม่มีนักบู๊คนไหนไม่อยากเลื่อนขั้นคว
“พวกนายสองคนหัวเราะอะไร?!”บอดี้การ์ดที่นำหน้ามาจ้องมองดินกับน้ำทั้งสองคนอย่างดุดัน ก่อนที่ทั้งสองจะหยุดยิ้มอย่างรวดเร็ว แล้วส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอยู่ในเมื่อคนสี่คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าบอดี้การ์ดที่อวดดีกลุ่มนี้ ต่างก็เป็นนักบู๊กันทั้งหมดแถมแต่ละคนก็มีความแข็งแกร่งจนเกินเหตุอีกด้วยคำข่มขู่ของบอดี้การ์ดเหล่านี้ จึงดูตลกมากสำหรับคนทั้งสองคนเพราะอย่างนั้นจึงทนไม่ไหวหลินเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาถ้าหากเป็นไปได้ อันที่จริงเขาไม่อยากเกิดการปะทะกันเขาเพียงอยากจะได้วิลล่าที่เงียบสงบนี้มาครอบครอง และไม่อยากทำให้ที่นี่นองไปด้วยเลือดในเมื่อพรุ่งนี้ยังต้องไปรับเสวี่ยฮุ่ยกับฮุ่ยหรานและคนอื่นๆ มาอยู่ด้วยเพราะอย่างนั้นเขาจึงโบกมือและพาสองสามคนแยกไปทางด้านข้างประตูเหล็ก แล้วกลับไปที่ใกล้ๆรถ ท่ามกลางสายตาที่เหยียดหยามของบอดี้การ์ดพวกนั้น ก่อนจะติดต่อโทรหาเผิงกวงฉี่หลังจากรอจนเขาบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาแล้วเผิงกวงฉี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“แม่ง ไอ้สารเลวนั้นมีชื่อว่าสยงก้วน เขาติดหนี้พนันและเป็นฉันที่ช่วยเขาจ่ายหนี้ พ่อของเขาหาเงินมาได้
“แต่หลี่ซื่อกรุ๊ปได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ขายให้กับพวกเขา”“หลังจากนั้นพวกเขาก็เสนอความร่วมมือที่จะพัฒนาร่วมกัน แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตอบรับพวกเขา”“โอเค ผมรู้แล้ว”หลินเฟิงวางสายโทรศัพท์ พร้อมกับใบหน้าที่แสดงรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมามิน่าล่ะดูเหมือนว่าที่ดินผืนนี้ที่เขาซื้อมาจากจางกุ้ยหลาน คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความชอบเป็นพิเศษจริงๆถึงขั้นที่ชีพจรมังกรก็ยังซ่อนอยู่ในนั้นด้วยในเมื่อชีพจรมังกรตกอยู่ในมือของเขาแล้ว งั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยกให้กับคนอื่นจ่อให้ทำลายชีพจรมังกรเส้นนี้หลินเฟิงก็จะไม่ยกให้หลงซวี่จวินของตระกูลหลงเด็ดขาดหลังจากนั้นไม่นาน รถเก๋งสีดำก็จอดลงที่ข้างทางข้าง ๆกันนั้น ก็เป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ และเป็นวิลล่าเดี่ยวหลังหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างขวางด้านหน้าและด้านหลังรายล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ โรงจอดรถ สวนสาธารณะและทุก ๆอย่างที่ต้องการถึงแม้จะไม่ได้หรูหราและใหญ่โตเท่าที่เมืองจิงอย่างตระกูลถังและตระกูลจี แต่ก็มีทำเลทางภูมิศาสตร์ที่ดีอย่างมากเงียบสงบและสง่างามถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลกันมากใช้เวลาขับรถจากอาคารหลั
“แน่นอนว่าที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง บอกว่าที่ดินผืนหนึ่งมีความสำคัญ และเพิ่งตกไปอยู่ในมือของหลี่ซื่อกรุ๊ปเมื่อไม่นานมานี้”“ตระกูลสยงพยายามที่จะซื้อมันหลายครั้ง แต่หลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ขายให้พวกเขา ดังนั้นถึงได้.....”เมื่อได้ยินแบบนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในความคลุมเครือ เขาคิดว่าหลงซวี่จวินของตระกูลหลงนี้ จะต้องมีเป้าหมายบางอย่างที่คล้ายคลึงกับหยินหลิงอย่างมากแน่ ๆเขาหันกลับไปมองหยินหลิง ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า :“หยินหลิง ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดถึงชีพจรมังกรทางโทรศัพท์ มันเรื่องอะไรกัน?”“ชีพจรมังกร?”ทางฝั่งดินและน้ำที่อยู่ด้านหน้าก็ยืดคอเพื่อแอบฟังด้วยเช่นกันแต่ทว่า ในเวลานี้หยินหลิงกลับแสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมา แถมยังรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อยอีกด้วย“หยินหลิง?”หลินเฟิงเรียกชื่อของเธออีกครั้ง หลังจากนั้นเธอถึงตอบสนองกลับมา“ขอโทษ พี่หลินเฟิง ฉันคิดว่า....ตอนนี้พวกเราไม่ควรไปยั่วโมโหตระกูลสยงนะ”ใครจะคิดว่า เธอเปิดปากก็โน้มน้าวให้หลินเฟิงยอมแพ้“ทำไม?”หลินเฟิงตะลึงงัน“หลงซวี่จวิน”หยินหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดด้วยแววต
หลินเฟิงบดขยี้วิทยุสื่อสารที่อยู่ใต้เท้า ก่อนจะมองไฟที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ทางด้านหลัง ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่หญิงสาวในชุดสีขาวที่เพิ่งจะปรากฏตัวที่หลี่ซื่อกรุ๊ปและไล่ล่าน้ำจนไม่มีทางตันนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยินหลิงผู้นำคนปัจจุบันของพันธมิตรบู๊ เรื่องราวบังเอิญแบบนี้นี่แหละหยินหลิงกับฉู่ฮวาจิ่นนั้นมีการติดต่อกันอย่างลับ ๆฉู่ฮวาจิ่นได้รู้จากหลินเฟิงว่าตระกูลสยงต้องการที่จะจัดการเขา จึงได้โทรหาหยินหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อทันทีคราวนี้เป้าหมายของหยินหลิงกับหลงซวี่จวินก็เหมือนกันทั้งหมดนี้ก็เพื่อชีพจรมังกร เมื่อหยินหลิงได้ยินว่าหลินเฟิงอาจจะตกอยู่ในอันตราย จึงรีบเข้ามาทันทีดังนั้นสายเรียกเข้าที่หลินเฟิงได้รับที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินเมื่อสักครู่นั้นก็เป็นหยินหลิงที่โทรมาหาหลินเฟิงจึงมีความคิดเพิ่มขึ้นมาทันทีในเวลานั้นเขาให้หยินหลิงตามมา ช่วยเขาปกป้องหลี่ซื่อกรุ๊ปส่วนเขาก็ไปทำหน้าที่เป็นเหยื่อล่อ เพื่อที่จะดูว่าตระกูลสยงกำลังเล็งเป้าหมายไปที่ใครกันแน่ผลสุดท้ายแล้ว ก็ออกมาเกินความคาดหมายของหลินเฟิงคนของสยงซื่อกรุ๊ปไม่เพียงแต่จะจัดการกับเขาเท่านั้น อ
มีความเชื่อมั่นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพวกเขากล้าที่จะลงมือต่อหลินเฟิงคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ลมหายใจของหลินเฟิงที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์ยาวเหยียด พูดจาเป็นธรรมชาติอย่าว่าแต่บาดเจ็บจนลมหายใจไม่คงที่แม้แต่ทำให้เขาหายใจหอบสักนิดก็ไม่มีพี่น้องของตัวเองสองคนตายไปแล้วการโจมตีแบบนี้ แทบจะทำให้เขาเสียสติไปในทันที“พี่ใหญ่ พี่มาสักที เร็ว…ช่วยผมด้วยไกลออกไปน้ำที่พกระเบิดอยู่เต็มตัว หายใจหอบวิ่งเข้ามา และที่ด้านหลังของเขา กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมผ้าโปร่งสีขาวถือดาบในมือไล่ตามเขามา“หึ นายก็คือพี่ใหญ่ของเขางั้นเหรอ?”ผู้หญิงคนนั้นหยุดยืนนิ่ง มองดินที่เหม่อลอยอยู่ด้วยความเย็นชา“ฉัน…”ดินอ้าปาก พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้นความสามารถของหลินเฟิง ทำลายความเชื่อมั่นของเขาถ้าหากพูดว่าภายใต้ระเบิดแบบนั้น ยังคงทำร้ายเขาไม่ได้ งั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียว…“นักบู๊ขอบเขตเทพ”กินพูดพึมพำกับตัวเอง“พี่ใหญ่ พี่พูดจาเหลวไหลอะไร? รีบขวางเธอไว้สิ!”น้ำเห็นพี่ใหญ่ของตัวเองยืนเหม่ออยู่ที่เดิมเหมือนกับคนปัญญาอ่อน เขาร้อนใจจนเกือบจะสบถด่าออกมา“ฉันบอกว่า…หลินเฟิงที่เราจะจัดการ คือนักบู๊
ในวิทยุสื่อสารมีเสียงลูกน้องของตัวเองดังขึ้นมาดินคนนั้นที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ พยักหน้าพูดว่า:“ทำได้ไม่เลว แต่ยังต้องตรวจสอบต่อไป หลินเฟิงคนนั้นความสามารถไม่ธรรมดา ไม่แน่เขาอาจจะหนีตายไปได้จริงๆ”“วางใจเถอะพี่ใหญ่ ต่อให้เขารอดมาได้ แต่ถูกระเบิดที่รุนแรงโจมตี ต่อให้เพียงพอที่จะรอดมาได้ ก็ไม่มีทางที่จะมีโอกาสต่อต้านอะไรได้แล้ว”ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าลมค่อนข้างสุขุมเขาพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ผมกับไฟจะรออยู่ที่นี่ ตรวจสอบศพด้วยตนเอง”“ดี”พี่ใหญ่ที่ชื่อดินพยักหน้า นี่เป็นวิธีที่รอบคอบที่สุด“น้ำ นายวางระเบิดเป็นยังไงบ้างแล้ว?”“พี่ใหญ่ เชี่ย ผมถูกจับได้แล้ว!”ในวิทยุสื่อสารมีเสียงหายใจหอบ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่ชื่อน้ำกำลังวิ่งหนีอย่างเต็มแรง“ถูกจับได้แล้ว? นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหนุนกำลังนาย!”“ผมอยู่ที่บ่อน้ำพุตรงสวนชั้นล่างของหลี่ซื่อกรุ๊ป มีผู้หญิงที่น่าหวาดกลัวมากคนหนึ่ง ตามผมมาตลอด!”“ทำยังไงผมก็สลัดเธอไม่หลุด!”“ผู้หญิงที่น่ากลัวมาก?!”ดินได้ฟังก็นิ่งอึ้งเล็กน้อยต้องรู้ว่า ความสามารถของพวกเขาสี่คนต่างอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสูงสุด ถึงขั้นที่เขายังเป็นขั้นเซียนเทียนต้
“ผมจะให้คนของแผนกรักษาความปลอดภัยทั้งหมดตามมา ปกป้องหลี่ซื่อกรุ๊ป ถ้าหากพวกเขาจะจัดการผม ที่นี่ก็จะไม่เป็นอะไร”“แต่ถ้าหากผมออกไปแล้ว พวกเขาจะจัดการหลี่ซื่อกรุ๊ป งั้นก็แสดงว่าพวกเขาพุ่งเป้ามาที่หลี่ซื่อกรุ๊ป“อืม หน่วยลับของตระกูลถังที่ฉันพามาก็จะช่วยปกป้องที่นี่”ถังหว่านพยักหน้าพูด“หน่วยลับ?”หลินเฟิงนึกถึงหน่วยลับของตระกูลถังก่อนหน้านี้ พูดได้ว่าถึงแม้จะมีความสามารถ แต่ภายนอกกลับเละเทะไปหมดดังนั้นเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักแน่นอนว่า ตอนนี้ต่อให้กำลังน้อยแค่ไหนก็ต้องให้ความสำคัญ มีพวกเขาอยู่ ก็มีการรับรองเพิ่มมากขึ้นหลินเฟิงพยักหน้า และไม่ได้เสียเวลา เขานั่งลิฟต์ลงไปยังที่จอดรถใต้ดินโดยตรงในตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นไม่นานนัก รถออดี้คันหนึ่งก็ขับออกจากอาคารใหญ่ของหลี่ซื่อกรุ๊ปชายวัยกลางคนใช้ผ้าคลุมหน้ายืนอยู่บนอาคารสูงที่ไหลออกไป และซ่อนตัวอยู่หลังกระจกที่สะท้อนแสง เก็บกล้องส่องทางไกลที่อยู่ในมือเขาหยิบวิทยุสื่อสาร ใช้รหัสลับแจ้งเตือนเพื่อนร่วมแก๊งคนอื่นๆว่า:“หลินเฟิงออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ย้ำ หลินเฟิงเป้าหมายได้ออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว”“ร