แชร์

บทที่ 358

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แม่นมเกาพยายามหาช่องว่างเข้าไป กว่าจะถามผู้คนดูแลร้านได้ว่า "ไม่ทราบว่ามีสร้อยข้อมือทองคำพันเพชรพลอยหรือไม่"

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วพูดเสียงดัง "มีขายที่ชั้นสองแต่สินค้าขายหมดแล้ว ปีนี้ได้สั่งทำแล้วทำอีก แต่ก็ขายหมดเกลี้ยง หากต้องการซื้อให้ไปที่ชั้นสองเพื่อทำการจอง น่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้ามีของ"

ต้องการจองด้วยอย่างนั้นหรือ? จะรอของในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าด้วย?

แม่นมเกาค่อยๆ ถอนตัวออกแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง นางเห็นว่าชั้นสองได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา และแบ่งออกเป็น แปดเก้าส่วน ตู้ต้อนรับลูกค้านั้นมีจัดวางเก้าอี้เอาไว้ ปูเบาะนุ่มนวลด้วย ตู้หนึ่งดูแลลูกค้าผู้มีเกียรติหนึ่งท่าน

อีกด้านหนึ่ง มีคนรออยู่มากกว่าสิบคน ทุกคนนั่งบนเก้าอี้กำลังกินของว่างและดื่มน้ำชาอยู่ ถ่านเงินกำลังลุกไหม้อย่างอบอุ่นในเตาถ่าน

แม้ว่าลูกค้าเหล่านี้จะร่ำรวย แตกลับไม่ได้สวมผ้ายก ดูท่าว่าล้วนเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ไม่ใช่คนจากตระกูลชั้นสูง

แม่นมเกาเหลือบมองออกไป และเห็นว่าลูกค้าคนหนึ่งได้ใส่สร้อยข้อมือทองคำอยู่ในมือ มองดูว่าก็ดูสวยดีเลยให้ห่อมันทั้งหมด รูปแบบดูค่อนข้างทันสมัย แต่หากเทียบกับร้านจิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 359

    จะว่าบังเอิญไหมล่ะ วันถัดไป ตอนที่เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีกำลังเตรียมตัวกลับบ้านฝ่ายหญิงนั้น ท่านหญิงเจียอี้ได้ส่งคนไปส่งรายงานบัญชีให้ และหัวหน้าจ้าวเป็นผู้ส่งมอบสมุดบัญชีเองเนื่องจากสนมฮุ่ยไทเฟยย้ายเข้ามาอาศัยที่จวนอ๋อง ดังนั้นหัวหน้าจ้าวจึงเข้ามาส่งเอง หากนางอยู่ในวัง ท่านหญิงเจียอี้จะเป็นคนส่งสมุดบัญชีไปให้แม่นมเกาคิดว่า หัวหน้าจ้าวคนนี้คงมาเพื่อทำความรู้จักกับคนที่นี่ เมื่อใดที่ไทเฟยไปที่นั่น พวกเขาก็พอมองออกได้สนมฮุ่ยไทเฟยเปิดสมุดบัญชีออกอย่างมีความสุข มีแค่ไม่กี่หน้าเอง และของที่ขายออกไปนั้นล้วนเป็นสินค้าไม่มีค่าเท่าไร ไม่มีของแพงสักชิ้นเลยดูสรุปรายได้สุดท้ายคือขาดทุนในช่วงเวลาสามเดือนนี้ ขาดทุนเงินไปมากกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงเงินมากกว่าหมื่นตำลึง มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีกสนมฮุ่ยไทเฟยโกรธมากจนตัวสั่นไปหมด แล้วฟาดสมุดบัญชีลงบนพื้น "ทำไมถึงขาดทุนมากขนาดนี้ ให้คำอธิบายกับข้า"หัวหน้าจ้าวคุกเข่าลงกับพื้นและพูดด้วยใบหน้าเศร้าว่า "ไทเฟย ท่านไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหนในการทำธุรกิจตอนนี้ เราคิดว่าเราจะทำกำไรสักหน่อยก่อนปีใหม่ ดังนั้นจึงซื้อของกองหนึ่งเผื่อไว้ ใครจะไปรู้ว่าสินค้าเหล่านั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 360

    หัวหน้าลู่สั่งให้องครักษ์สองคนเข้าไปทันที และทำท่าจะจับหัวหน้าจ้าวไปที่สำนักรัฐหัวหน้าจ้าวตกใจกลัว และตะโกนว่า "พระชายาท่านอ๋องทรงไว้ชีวิตข้าน้อยขอรับ นี่ไม่ใช่เจตนาของข้าน้อย นี่เป็นความคิดของท่านหญิงเจียอี้ นางเป็นคนสั่งให้ข้าน้อยทำสมุดบัญชีเหล่านี้เพื่อหลอกลวงไทเฟยขอรับ""อะไรนะ?" สนมฮุ่ยไทเฟยโกรธมากจนทุบถ้วยลงกับพื้น "เจียอี้นำสมุดบัญชีปลอมมาหลอกข้าด้วยหรือ"ซ่งซีซีขยับมือ และพูดตัดหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย "ในเมื่อสมุดบัญชีก่อนหน้านี้ล้วนเป็นของปลอม ดังนั้นจึงต้องมีสมุดบัญชีจริง"หัวหน้าจ้าวถูกองครักษ์จับตัวไว้ และแขนของเขาก็เจ็บราวกับจะหักเอาอยู่แล้ว เขาไม่กล้าโกหกอีกต่อไป และพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า "มีขอรับ มีขอรับ"เนื่องจากซ่งซีซีต้องการกลับบ้านวันนี้ นางจึงไม่อยากเสียเวลากับเขา เรียกหัวหน้าลู่เข้ามา "รบกวนเจ้าพาสองคนไปร้านจินพร้อมกับเขา เพื่อนำสมุดบัญชีทั้งหมดที่ผ่านๆ มากลับมา แล้วมอบให้กับนักบัญชีของเราคอยตรวจสอบอย่างละเอียด จำเป็นต้องตรวจสอบในแน่ใจว่าสมุดบัญชีเป็นของแท้หรือไม่ หากยังกล้าที่จะกระทำการฉ้อโกง เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมารายงาน เพียงแค่ส่งบุคคลนั้นไปที่สำนักเขตจิงจ้าวโด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 361

    เซี่ยหลูโม่กำลังคิดถึงเรื่องสถาบันว่านซงเหมินในขณะจัดเก็บของขวัญแน่นอนว่าเขาดีใจที่ซีซีมีคนปกป้องนางมากมาย แต่เขาก็ต้องการให้ศิษย์ลุงและคนอื่นๆ รู้ว่า ตอนนี้ซีซีมีเขาคอยปกป้องแล้ว ไม่ได้เป็นห่วงอีกเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือวันนี้เขาต้องพูดสิ่งหนึ่งกับศิษย์ลุง นั่นคือเขาจะคอยเตือนให้ซีซีเขียนจดหมายอย่างน้อยสองฉบับกลับไปหาอาจารย์ในหนึ่งเดือนอีกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีใจหรือเลวร้าย ล้วนต้องแจ้งให้คนของสถาบั้นทราบโดยไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเสียแรงกายแรงใจมาสอบถามหลังจากจัดของขวัญสามรถเต็มๆแล้ว ก็เห็นซ่งซีซีพารุ่ยเอ๋อร์และเป่าจูออกมาใบหน้าของซีซีสงบและนิ่งเงียบ นางสวมชุดสีม่วงทำให้ผิวของนางดูกระจ่างใสขึ้น ที่ผมมีที่ปักผมทรงดอกโบตั๋นสองอัน แต่นางก็ดูสวยกว่าดอกไม้เสียอีกเมื่อนึกถึงเมื่อคืน เขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขาพุ่งไปที่จุดเดียว และดวงตาของเขาก็เผยสายตาอย่างมีเลศนัยซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นดวงตาและสีหน้าของเขา สองคื่นแล้ว นางจำสายตานี้ได้สองคืนที่ผ่านมา เขาเป็นเหมือนเด็กทารกที่กินนมไปครั้งแรก จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะที่ไม่สามารถหยุดได้ แทบจะเรียกร้องอย่างไม่หยุดยั้งแก้มข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 362

    "อ๊า?" เซี่ยหลูโม่สะดุ้งครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข "เจ้าเป็นห่วงข้าถูกอาจารย์ลงโทษ เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าหรือ""ข้าเป็นห่วงท่านอยู่แล้วนี่ ท่านไม่เคยได้รับความเจ็บจากหมัดแข็งๆ ของศิษย์อาเหรอ?" ซ่งซีซีเลิกคิ้ว"อืม ไม่ค่อยถูกทุบตีมากนัก" เซี่ยหลูโม่คิดถึงเวลาที่เขาในสถาบัน พูดตามตรง ปีหนึ่งก็อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน หาใช่ว่าไม่เคยถูกทุบตี แต่นี่เกี่ยวกับศักดิ์ศรี แม้ว่าเขาจะถูกทุบตี แต่ก็ไม่สามารถบอกได้"ท่านประพฤติตัวดีมาตลอดเหรอ" ซ่งซีซีถามอย่างสงสัย ในสถาบันว่านซงเหมิน แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังถูกลงโทษมาก่อน เขาจะประพฤติตัวดีกว่าศิษย์พี่อีกด้วยเหรอเซี่ยหลูโม่หันศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง "หลักๆ ก็คือตอนที่ข้าไปสถาบันว่านซงเหมิน พวกเจ้าก็ไม่มาเล่นกับข้า ข้าได้แต่ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งเท่านั้น อาจารย์เลยพอใจกับข้ามาก"ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะมองดูเขาด้วยความชื่นชม ในฐานะศิษย์หลานอย่างพวกเขาล้วนถูกศิษย์อาลงโทษมา แต่เขาซึ่งเป็นลูกศิษย์โดยตรงกลับไม่เคยถูกลงโทษเลยไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามทักษะการต่อสู้เก่งเช่นนั้น เขาโดดเด่นมากทีเดียวจริงๆในความเห็นนาง ผู้ที่อยู่ในสถาบันว่านซงเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 363

    เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีได้ไหว้กับอาจารย์ ศิษย์อา และพวกศิษย์พี่ตามลำอับดวงตาเล็กๆ ของศิษย์อาหรี่ตาลง มันมองไม่ออกจริงๆ ว่าเขาลืมตาอยู่หรือว่าหลับตาไว้ แต่ซ่งซีซีรู้ดีว่า ศิษย์อาในสภาพแบบนี้น่ากลัวที่สุด เพราะเขากำลังจับจ้องเจ้าอยู่ว่าได้ทำผิดอะไรหรือไม่ดังนั้น ซ่งซีซีจึงกราบไหว้อย่างจริงจังและออกแรงพอเหมาะ ยังสามารถได้ยินเสียง "ตงตง" และเสียงดังก้องมาก การกราบไหว้โดยใช้หัวจรดพื้นนั้นก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ซ่งซีซีเคยได้รับการฝึกวิธีการการบไหว้ด้วยศิษย์อา เพราะเมื่อนางกราบไหว้ให้อาจารย์นั้น ไหว้อย่างขอไปทีมากคืนที่นางได้รับการฝึกฝนนั้น ศีรษะของนางแตะกับพื้นจนเวียนหัวและหน้าผากก็มีเลือดออก จนถึงเช่นนั้น ศิษย์อาถึงลืมตาขึ้นเล็กน้อยแล้วยกมือยอมปล่อยให้นางไปนางถึงขั้นเดินเองไม่ได้ สุดท้ายเป็นศิษย์พี่สาวรองที่ให้นางขี่หลังตนเองกลับห้องเมื่อนึกย้อนกลับไปในอดีต ช่างสงสารจริงๆเมื่อนางทำการกราบไหว้โดยเอาหัวจรดที่พื้นนั้น กลับพบว่าเซี่ยหลูโม่แค่โค้งคำนับให้อาจารย์และคนอื่นๆ และเพียงกราบไหว้ให้กับศิษย์อาเท่านั้น ยิ่งไปกว่าการเอาหัวแตะพื้นนั้นไม่มีเสียงอะไรเลย นี่มันไม่ผ่านเลยแย่แล้ว... ซ่งซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 364

    เหรินหยางอวิ๋นได้ยินคำตอบของนางอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงยื่นมือออกไปเรียกนางว่า "มาหาอาจารย์"ซ่งซีซีเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง และอาจารย์ก็ยื่นมือออกไปแล้วเคาะที่ปลายจมูกของนางซ่งซีซีคร่ำครวญว่า "อาจารย์ มันเจ็บนะ""การลงโทษ!" เหรินหยางอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "ใครใช้ให้เจ้าพอเจอเรื่องเข้าไม่ยอมบอก นี่ถือว่าลงโทษเบาแล้วนะ"ดวงตาของซ่งซีซีฉายแววด้วยความโศกเศร้า แต่ไม่นานนักก็ถูกปกปิดกลับไป "ข้ารู้แล้ว จะไม่ทำอีก"แน่นอนว่าเหรินหยางอวิ๋นจะไม่เพิกเฉยต่อสีหน้าของนาง และถอนหายใจในใจ ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาผ่านเรื่องพวกนั้น มันต้องห้ามคิด พอคิดแล้วก็ทำให้เขาใจหายเลยนางจับมือนาง ให้นางนั่งข้างเขาแล้วพูดว่า "นิสัยใจคอของเซี่ยหลูโม่ดีกว่าจ้านเป่ยว่างตั้งไม่รู้กี่เท่า ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรือปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี แต่โลกนี้ก็ไม่แน่นอน และใจคนก็เช่นกัน เมื่อก่อนเขาชอบเจ้า เมื่อเขาไม่ได้เจ้าก็คิดถึงเจ้า บัดนี้ได้แต่งงานกับเจ้าตามที่เขาปรารถนาแล้ว ก็ไม่รับประกันว่าเขาจะไม่เบื่อและไปชอบคนใหม่เข้า ผู้ชายไว้ใจไม่ได้สักคนเลย ดังนั้นหากเจ้าชอบเขา ก็ไม่สามารถเปิดใจให้เขาได้อย่างทั้งหมด เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 365

    ผิงหวูจูงปาดน้ำตาออก "ศิษย์พี่ไม่จากไป ศิษย์พี่จะอยู่ในเมืองหลวงเป็นเพื่อนเจ้า อยู่ในจวนเสนาบดีกั๋วกง เมื่อใดก็ตามที่เจ้าคิดถึงศิษย์พี่ ก็กลับมาจวนเสนาบดีกั๋วกงมาเยี่ยมข้า""เราจะอยู่ด้วย!" เมื่อได้ยินศิษย์พี่สาวรองพูดแบบนั้น ทุกคนก็พูดตามๆ ไปซ่งซีซีซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของศิษย์พี่สาวรอง นานมากแล้วที่นางไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเหมือนตอนนี้เลยนางอยากจะร้องไห้ และอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้พวกเขาไปแต่อาจารย์พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "เจ้าจะอยู่กับนางไปตลอดชีวิตหรือไง? ทุกคนต้องใช้ชีวิตของตัวเอง นอกจากนี้ เมืองหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อยู่ได้อย่างง่ายๆ หรือ ต่อให้มันอยู่ได้ง่าย ก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนของสถาบันว่านซงเหมินของเราจะอยู่อย่างถาวร"เหรินหยางอวิ๋นไม่ชอบเมืองหลวง และเขาก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อผู้คนในราชวงศ์ แต่นิสัยใจคอของเซี่ยหลูโม่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังยึดเขตหนานเจียงกลับมาและทำให้ดินแดนของประเทศได้สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงยอมรับเขา แต่ใจคนจะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น ยังต้องใช้เวลามาพิสูจน์ในตอนนั้น แต่เดิมเซี่ยหลูโม่อยากเป็นลูกศิษย์ของเขา แต่เขาไม่ต้องการยอมรับคนจากราชวงศ์ แต่ไม่รู้ว่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 366

    ดวงตาของซ่งซีซีร้อนขึ้นมา อาจารย์ อาจารย์ต้องการพารุ่ยเอ๋อร์กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานงั้นเหรอ?เหรินหยางอวิ๋นมองไปที่รุ่ยเอ๋อร์ และพูดอย่างมีเลศนัยว่า "ทำไมเจ้าถึงอยากฝึกทักษะการต่อสู้ให้ดีล่ะ""ปกป้องท่านอาของข้า" รุ่ยเอ๋อร์พูดเสียงดัง หลังจากหยุดชั่วคราว เขารู้สึกว่าตนเองมองโลกยังไม่ไกล "เช่นเดียวกับท่านปู่และท่านพ่อของข้า เข้าสู่สนามรบเพื่อปกป้องบ้านเมือง และปกป้องอาณาเขต"เหรินหยางอวิ๋นยิ้ม "ดีๆๆ อายุยังเด็ก แต่กลับมีความฝันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่การเป็นวีรบุรุษต้องทนต้องอดทนต่อความยากลำบาก เจ้าทำได้ไหม""ข้าทำได้!" รุ่ยเอ๋อร์ยืดอกของเขาให้ตรงและพูดเสียงดัง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมซือกงถึงถามเช่นนี้ แต่การตอบเสียงดังย่อมไม่ผิดอย่างไรก็ตาม เขาได้อดทนต่อความยากลำบากทุกรูปแบบแล้ว"ถ้าต้องให้เจ้าแยกจากไปกับท่านอาของเจ้าล่ะ เจ้าก็ทำได้ไหม?" เหรินหยางอวิ๋นถาม"ข้าทำได้...อ๊า!" รุ่ยเอ๋อร์ถอยออกไปสองก้าวทันทีและส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ข้าจะไม่ออกไปจากท่านอาของข้า"ซ่งซีซีก็อาลัยอาวรณ์รุ่ยเอ๋อร์ บัดนี้เขาเป็นบุรุษคนเดียวในตระกูลซ่งแล้ว"อาจารย์ หากเขาต้องการเรียน ข้าจะสอนทักษะการต่อส

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1501

    ซ่งซีซีมองสำรวจพวกเขาอยู่หลายครั้ง ในใจรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เพราะไม่อาจเดาอายุของพวกเขาได้เลยหน้าตาดูเหมือนอายุราวสามสิบกว่าๆ ทว่ากลับมีกลิ่นอายของพลังชีวิต เปรียบเสมือนชายหนุ่มวัยสิบกว่าถึงยี่สิบปีเมื่อมองดวงตาของพวกเขาอีกครั้ง โดยเฉพาะดวงตาของบุรุษคนนั้น กลับลึกล้ำประหนึ่งบ่อน้ำโบราณ อีกทั้งยังดูคล้ายสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่เจนโลกยังไม่ทันที่ซ่งซีซีจะเอ่ยปาก บุรุษคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าพลางถามว่า “ที่นี่จะสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กหรือ? เป็นโครงการของทางการใช่หรือไม่?”กุ้นเอ๋อร์มองพวกเขาแวบหนึ่ง ฟังจากสำเนียงของพวกเขาก็เป็นสำเนียงภาษาทางการของแคว้นซางโดยแท้ เห็นชัดว่าไม่ใช่คนจากชายแดนเฉิงหลิงเพียงแต่จากสีหน้าของพวกเขาก็ไม่เห็นเจตนาร้ายอันใด จึงตอบว่า “ใช่ ที่นี่รับเลี้ยงเด็กที่ถูกทอดทิ้งโดยเฉพาะ เป็นโครงการที่ทางการจัดตั้งขึ้น”บุรุษคนนั้นกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องดี”ซ่งซีซีเดินขึ้นไปถามว่า “ท่านมาจากเมืองหลวงหรือ?”บุรุษคนนั้นมองนาง แต่กลับไม่ตอบคำถามนี้ ทว่ากลับถามนางแทนว่า “เจ้าคือพระชายาของเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีหรือ?”ซ่งซีซีรู้สึกระมัดระวังขึ้นมา ทันทีที่นางกำลังจะถามเขาว่ารู้ได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1500

    ฉินอ๋องหลับยาวจนถึงบ่ายวันรุ่งขึ้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะความหิวเมื่อลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดไปทุกส่วนความอ่อนล้ากัดกินลึกถึงกระดูก แม้แต่จะยกมือขึ้นยังแทบไม่มีแรงในบรรดาคนรับใช้ที่ติดตามเขามา มีขันทีคนสนิทชื่อเสี่ยวจี๋จื่อ ยืนอยู่ข้างเตียง รายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายาเป่ยหมิงอ๋องมีเรื่องจะหารือกับท่าน นางรอท่านมาครึ่งวันแล้ว”เดิมทีฉินอ๋องตั้งใจจะกินข้าวบนเตียงแล้วนอนต่อ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวแต่เมื่อได้ยินว่าซ่งซีซีรอเขามาครึ่งวันแล้ว เขาก็รีบเปิดผ้าห่มออกทันที สั่งเสียงเร่งรีบ “เปลี่ยนเสื้อผ้า เร็วเข้า”ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เขาได้เห็นความสามารถของซ่งซีซีกับตาตัวเอง นางเป็นสตรี แต่ไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว ภายใต้การบัญชาของนาง ขบวนเดินทางหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้หลายครั้ง ผู้คนมากมายล้มป่วยระหว่างทาง แต่นางกลับแข็งแรงราวกับวัวกระทิงคนที่มีความสามารถเช่นนี้ จะไม่มีวันเสียเวลามาหยอกล้อกับใครแน่ หากมาหาเขา ย่อมมีเรื่องสำคัญแน่นอนแม้เขาจะหิวจนไส้แทบกิ่ว แต่ก็รีบล้างหน้าแต่งตัว จากนั้นก็ดื่มโจ๊กหนึ่งชามแล้วรีบไปพบนาง “น้องสะใภ้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status