Share

บทที่4

4 เส้นทางสู่การฟื้นตัว

พวกเด็ก ๆ พาเฮงลงไปนอน และถอดแว่นตากันแดดออกให้ เขาหลับตาลงแสร้งทำเป็นหลับจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูปิดด้านหลัง จากนั้นจึงเปิดประตูอีกครั้งและลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย หรือไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ

พวกเขาทิ้งแสงเทียนยามค่ำคืนอันเล็ก ๆ ไว้ใกล้ทางเข้าประตูเหมือนที่เคยทำ ก่อนที่แสงตะวันจะจางหายไป แต่มันก็ไม่สว่างพอที่จะทำให้แสงสว่างภายในห้องขนาดใหญ่สว่างขึ้น อย่างไรก็ตาม เฮงจะได้เห็นทุกอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับตอนกลางวัน

เขารู้ว่านี่มันแปลก แต่ก็ยอมรับมันว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ในที่มืด เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่เหมือนแต่ก่อน แต่จำไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เขารู้แค่ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลง และเขาเป็นคนที่แตกต่างออกไปแล้วในตอนนี้

ภรรยาของเขาก็บอกว่าเขาชอบผักสลัดสีเขียว ‘ก่อนหน้านี้’ แต่เขาจดจำมันไม่ได้ และเขาพบว่าความคิดเกี่ยวกับกินผักมันช่างน่าสะอิดสะเอียนทีเดียว เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ทำไมใคร ๆ ถึงชอบผักมากกว่าเนื้อ หรือมิลค์เชค

เฮงรู้ดีว่าคำว่า ‘มิลค์เชค’ ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถสรุปได้ว่าในเครื่องดื่มมีอะไรบ้างนอกจากนมที่เห็นได้ชัด สีผสมอาหารงั้นหรือ ตัวด้วงงั้นหรือ อย่างน้อยที่สุดนั่นก็คือ เนื้อชนิดหนึ่งเช่นกัน สตรอว์เบอร์รีงั้นหรือ แครอทหรือ ความคิดดับสูญไปแล้ว แต่เขาไม่รู้อะไรเลย

เฮงไม่รู้ตัว แต่ช่วงความสนใจของเขาสั้นลงค่อนข้างมาก และด้วยเหตุนี้ปัญหาต่าง ๆ จึงไม่ก่อตัวและทำให้เขาต้องกังวลไปอีกนาน

เขาคิดถึงครอบครัวของเขา และสงสัยว่าเขารักพวกเขา หรือเคยรักพวกเขาหรือไม่ และสรุปว่าเขาคงต้องทำ และควรทำต่อไป เพราะดูเหมือนทุกคนจะเป็นห่วงเขามาก และดูเหมือนจะรักเขาด้วยสิ เขาคลับคล้ายคลับคลาจำได้ว่าผู้หญิงคนอื่นคนนั้นที่พวกเขาเรียกคือ ป้าดา สมองของเขาโล่งพอที่จะคิดออกว่า ถ้าทุกคนเรียกเธอว่า ป้าดา เธอก็ต้องเป็นป้าของเขาเหมือนกัน แต่เขาจำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น แม้ว่าใบหน้าของเธอจะดูคุ้นเคยอยู่บ้างก็ตาม

เขาพยายามจะจดจำการใช้ชีวิต แต่เหมือนเป็นคนที่กำลังฟื้นสติจากการถูกกระทบกระเทือน หรือการสูญเสียความทรงจำ ความทรงจำเป็นเพียงอดีตที่เป็นพรมแดนของจิตสำนึกของเขาไปแล้ว เขาพยายามกับมันอยู่สองสามนาที แต่แล้วจิตใจของเขาก็หันไปสนใจอย่างอื่นแทน

ทำไมคนเหล่านั้นถึงดูกังวลมาก เมื่อมองมาที่เขา พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับเขาเหมือนว่าเขาเคยเป็น หรือต้องมาป่วย แต่เขาไม่สามารถจำอะไรได้เลยเกี่ยวกับการป่วย และการสูญเสียความทรงจำที่ไม่เคยก้าวข้ามความคิดของเฮงด้วยเหตุผลที่เป็นไปได้ เลย

เขาพยายามจะจำชื่อของสมาชิกของครอบครัวของเขา แต่มันดูยากลำบาก และเขาก็รู้ว่านั่นก็แปลกเช่นกัน เพราะเขาควรจะทำมันได้ วรรณ เขานึกถึงผู้เป็นภรรยาของเขา และคนที่เขารู้สึกซาบซึ้งมากนั้นไม่ใช่หญิงแก่กว่า ที่คือ…โอ้ แน่นอน นั่นคือป้าดา ดังนั้นแล้ววรรณต้องเป็นภรรยาของเขา แล้วเขารักเธอ เขาต้องทำทุกทางเพื่อแต่งงานกับเธอเป็นแน่ และมีลูกด้วยกันสองคน.. เด็กผู้ชายและผู้หญิงที่ชื่อ… แดมและดิมใช่ไหม ไม่สิ เด่นและดินงั้นหรือ นั่นฟังดูคุ้นหู ดังนั้นเขาลงเอยกับเรื่องนั้น เด่นและดิน และวรรณ และดา ใครเป็นป้าของเขากันแน่…

แล้วทันใดนั้นมันดูไม่ค่อยสำคัญอีกต่อไปแล้ว และเขาก็เริ่มคิดถึงเรื่องอาหารอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขายังไม่ค่อยจะหิวเลย มันเป็นแค่จิตใจของเขากำลังตรวจสอบความหิว เกี่ยวกับกังวลทั่วไปว่าอาหารมื้อต่อไปของเขาจะมาจากไหนเมื่อเขาหิว เขาจำไม่ได้ว่าเสบียงของเขาอยู่ที่ไหน หรือแม้กระทั่งว่าเขามีมันหรือไม่ เขาจำได้แค่ว่าผู้หญิงต้องนำอาหารมาให้เขา และสงสัยว่าครั้งต่อไปจะหิวอีกหรือไม่… แต่เขาจะสามารถพึ่งพาพวกเขาได้อีกหรือไม่

เขาพยายามจำชื่อของทุกคนอีกครั้ง วรรณและดิน ใช่สิ นั่นถูกต้องแล้ว วรรณกับดินเป็นผู้จัดหาอาหารให้ แล้วผู้ชายอีกคนล่ะ เอ่อ เด่นทำอะไรนะ เขาจำอะไรไม่ได้เลย

ผู้หญิงต้องดูแลผู้ชายหรือไม่ เด่นรออาหารที่ผู้หญิงนำมาให้ด้วยงั้นหรือ เฮงคิดอะไรไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็สงสัยว่าทำไมเขาอยู่ในห้องใหญ่ ๆ นี้เพียงคนเดียว ขณะที่คนอื่น ๆ ทั้งหมด ครอบครัวของเขา กำลังนั่งอยู่ข้างนอกใช่หรือไม่ เขาเป็นนักโทษงั้นหรือ เขาไม่สามารถจำอะไรได้เลย ไม่ก็เด็กสองคนพาเขามาอยู่ในนั้น แล้วก็ปิดประตู นั่นเพื่อให้เขาอยู่ในห้องใช่ไหม

เขาไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ แต่เขาไม่แน่ใจ การเป็นนักโทษต้องรู้สึกอย่างไร เขาเคยเป็นมาก่อนไหม เขาไม่ได้คิดแบบนั้น แต่เขาจำได้ว่าเคยทุพพลภาพนานมาแล้ว ที่ไหนสักแห่ง มันจำได้แค่ว่าเขาไม่สามารถจำได้ว่าที่ไหน… ใครบางคนยิงเขา! แค่นั้นเองใช่ไหม แต่ทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้น

ไม่ มันไม่ใช่ที่เดียวกันนี้ และนี่ก็ไม่ใช่คุก

นี่เป็นเหมือนบ้านของเขา เขาอาศัยอยู่ที่นี่… มันดูคลับคล้ายคลับคลาอยู่…

งั้นความคิดของเขากลับไปที่อาหาร แต่เขายังไม่หิวเลย อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเป็นห่วงเรื่องของเขาต่อไป อาหารจะมาจากไหน และไม่ว่าเขาจะได้มันก่อนหรือหลังจากที่เขารู้สึกหิวแล้ว เฮงมองไปรอบ ๆ ห้อง สายตาของเขาฉับไวมากจนสามารถมองเห็นยุงสองสามตัวบินว่อนอยู่นอกมุ้งของเขา เขาเฝ้ามองคนพวกนั้นด้วยความสนใจ และดูรังเกียจพวกมันที่บินไปในอากาศของเขา เขารู้สึกแปลก ๆ ที่อยากจะกินมัน เพื่อสอนบทเรียนให้พวกมัน แต่เขาไม่คิดว่ามนุษย์จะกินยุงได้

เขาอยากจะฆ่าและกินพวกมันทั้ง ๆ ที่กล้าที่จะ… ทำอะไรนะ บินได้ด้วยเหรอ แต่ทำไมล่ะ

เขาไม่รู้เลย แต่นั่นคือ สิ่งที่เขารู้สึก มันไม่มีเหตุผลเลยสำหรับเขา เขาต้องการที่จะฆ่าพวกมันที่บังอาจบินงั้นหรือ ทำไมเล่า เขาต้องการที่จะฆ่าพวกมันเพื่อกินงั้นหรือ อาจจะเป็นแบบนั้นหรือ เขาเริ่มหิว แต่ความคิดนั้นดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง… เขารังเกียจพวกมัน และต้องการให้พวกมันตาย เพราะกล้าบินในพื้นที่ของเขา

คำพูดเดิม ๆ ที่เขาคิดเล่น ๆ อยู่ในใจเหมือนเสียงกริ๊ง ๆ เหมือนว่า ‘นกอินทรีย์ไม่กินแมลง’ แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน “อินทรีย์คงจะไม่” เขาโต้กลับ “แต่ฉันทำได้” จากนั้นเขาก็หยุดคิดอีกครั้ง ‘แต่มนุษย์ก็ไม่กินยุงเหมือนกันงั้นหรือ… ไม่ ไม่ใช่แน่นอน!’

ความคิดของเขาราวกับอยู่บนม้าหมุนที่หมุนอยู่ในความคิดของเขา มีความคิดหลายอย่างที่เข้ามาเป็นประจำทุก ๆ สองหรือสามนาที ความคิดเกี่ยวกับอันตรายและอาหาร และยังมีคนอื่น ๆ ที่แวบเข้ามาในความคิดของเขาชั่วขณะที่ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ถูกบีบคั้นทางความคิดที่เกิดขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับความอันตรายและอาหาร อาหารและความอันตราย

เขาต้องการจะรู้ว่าเขาเป็นนักโทษหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงคลานออกมาจากใต้มุ้ง และออกไปที่ประตู ความต้องการอิสรภาพเป็นสิ่งที่ต้านทานไม่ไหวจริง ๆ เขาพยายามเปิดประตูอย่างระมัดระวัง มันเปิดออก เขาจึงก้าวขาออกไปด้านนอก การออกมาทำให้เขาค้นพบตัวเองว่าไม่มีสิ่งใดที่จะให้แสงสว่างไปกว่าแสงจันทร์ และเขายืนอยู่ที่นั่นความรู้สึกเป็นอิสระราวกับนก

เขาจ้องมองออกไปข้างหน้า และสามารถมองเห็นได้ไกลออกไปหลายไมล์ในสามทิศทาง นอกจากนี้เขายังสามารถได้ยินเสียงคนคุยกันด้านล่างและจำสถานที่นั้นได้ว่าเป็นโต๊ะที่เขานั่งเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า เขาฟังเสียงที่คุ้นเคย และเดาได้ว่าต้องเป็นของคนที่เขาเคยอยู่ด้วยก่อนหน้านี้ ครอบครัวของเขา ใช่ครอบครัวของเขา เขาสามารถได้ยินและเข้าใจมันชัดเจน แต่ไม่ได้สนใจอะไร เขามองไปบนท้องฟ้าและระยะทาง และจิตใจของเขาก็โบยบินไป เขารู้สึกอิ่มเอมใจที่อยู่สูงจากพื้นดินและเป็นอิสระ

ทันใดนั้นเอง ตาพญาอินทรีย์ของเขาก็จ้องมองการเคลื่อนไหวด้านล่าง และจิตใจของเขาก็สะท้อนว่า “

มันคืออันตรายหรือว่าอาหาร” เขาเพ่งมองจมูกของเขา และระบุการเคลื่อนไหวของหญิงสาว… ลูกสาวของเขา วรรณงั้นหรือ ไม่สิ ดินล่ะมั้ง นั่นน่าจะใช่ อาจจะไม่มีอันตรายใด ๆ แต่ก็ไม่พบอาหารเช่นกัน

ดินหยุดแล้วมองขึ้นไป จ้องไปที่เฮง และตะโกนบอกแม่ของเธอที่ตามมาสบทบพร้อมคนอื่น ๆ บางทีเขาอาจเป็นนักโทษที่ไม่มีทางหลบหนีได้

“เฮง เธอออกจากเตียงมาทำอะไร ทำไมล่อนจ้อนโทงเทงอย่างนั้น อย่างน้อยเธอควรจะต้องใส่เสื้อผ้านะ!”

“ทำไมล่ะ ภรรยา มันเป็นยังไงหรือ ฉันดูไม่ดี หรือฉันเป็นนักโทษกันแน่”

“แน่นอนสิ เธอดูดี แต่ลูกสาวของเธอไม่ต้องการที่จะเห็นอัญมณีของครอบครัว และก็ไม่นะ เธอไม่ใช่นักโทษ อะไรทำให้เธอมีความคิดแบบนั้น ฟังนะ กลับเข้าไปข้างใน มันไม่ดีหากเธอยืนอยู่ที่นั่นในชุดวันเกิด เธอยังป่วยอยู่ ได้โปรดให้ฉันช่วยพาเธอกลับไปที่เตียง… หรือเธออยากจะลงมาคุยกับเราที่นี่ดีกว่าไหม”

เฮงไม่รู้อะไรเลย ความจริงก็คือ เขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับวิวทิวทัศน์ และมีความสุขที่จะอยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น

วรรณเริ่มเข้าใกล้เขาอย่างระมัดระวังด้วยการก้าวอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับเมื่อพยายามจับไก่เพื่อไม่ให้มันตกใจ เฮงดูกระวนกระวายใจ แต่ไม่มีที่ไหนให้หนีไปได้อีก เขาไม่ต้องการที่จะกลับเข้าไปข้างใน และการถลาลงไปนั้นสูงเพียงสี่ฟุตคูณสาม ดังนั้นเขาจึงปีนขึ้นไปบนราวลูกกรงด้วยความตั้งใจที่จะตะกายขึ้นไปบนหลังคา ขณะที่วรรณอยู่ห่างออกไปเพียงสามก้าว เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา จับพลาดและตกลงมาที่ลาน

เขาเห็นการไถลผ่านสายตา และได้ยินเสียงภรรยากรีดร้อง เขาอาจจะจำเสียงกรีดร้องของตัวเองไม่ได้ เพราะตกใจเกินไปที่ยังไม่กระแทกพื้น และตายไป

เขากลายเป็นนก หรือให้ถูกต้องกว่านั้นก็เป็นค้างคาว ไม่ใช่นกเลย และไม่มีใครแปลกใจไปมากกว่าเฮง

วรรณวิ่งขึ้นไปตามบันไดที่เหลือเพียงไม่กี่ก้าว และมองข้ามราวบันไดเพื่อดูลูก ๆ ของเธอที่มองหาเฮงที่ซึ่งเขาน่าจะนอนคอหักอยู่

“เธอเห็นเขาไหม เขาเป็นไงบ้าง เขายังมีชีวิตอยู่ไหม บอกฉันสิ!”

“ฉันหาเขาไม่เจอ แม่ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่!” เด่นบอก “ฉันไม่เข้าใจ ก็นี่คือที่ที่เขาตกลงไป บางทีเขาอาจจะคลานออกไปที่ไหนสักแห่งแล้วไปตาย… ”

“เจ้าเด็กโง่! แน่นอนเขายังไม่ตาย! ค้นให้ทั่วมากกว่านี้! ฉันกำลังจะลงมาแล้ว เขาจะต้องเจ็บปวด หรือตายได้…เขาคงไม่อยากจะไปเดินเล่นหลังจากตกลงมาตั้งครึ่งฟุตใช่ไหม ดิน เธอฉลาดมากกว่า เธอจะช่วยเขาได้ไหม ฉันขอดูรอบศรีษะด้านหลังของเขาก่อน!

“เฮง สุดที่รักของฉัน เธออยู่ที่ไหน ฉันขอโทษที่ฉันกลัวเธอ มาหาแม่นะ! มาสิ เด็กดี มาหามัดของเธอ!”

เฮงเห็นและได้ยินพวกเขา แต่ไม่ได้สนใจอะไร เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขายังไม่ตาย หรือบางทีอาจเป็นอย่างที่เขาคิด หรือบางทีเขาเป็นค้างคาว หรือเป็นเทวดา เขากำลังบินไปรอบ ๆ โบยบิน พุ่งถลา โฉบลง และหมุนตัวไป และทั้งหมดนี้เป็นความเร็วที่เหลือเชื่อ

เขาพยายามเรียกคนครอบครัวให้มาดูเขา และบอกพวกเขาว่าเขาไม่เป็นไร แต่เขาพูดไม่ออก เสียงทั้งหมดที่ออกมานั่นเป็นเพียงเสียง ‘ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ’ และเมื่อเขาเปล่งเสียงนี้ออกมา เขาสามารถเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาเหมือนเป็นการทดสอบเรดาร์ เขาอาจจะเห็นบ้าน โรงนา เเล้วก็โต๊ะ และจุดลานบินบินเล็ก ๆ ทั้งหมดเป็นสีเขียวส่องสว่าง เขาบินจากที่หนึ่งของจุดสีเขียว แล้วงับอากาศด้วยปากของเขา มันเป็นหนึ่งในยุงที่อวดดี และมีหลายพันตัวอยู่รอบ ๆ เขา

เฮงกินมันอีกเล็กน้อย แล้วแปลกใจที่มันมีรสชาติหวานและบางตัวก็มีรสเปรี้ยวอยู่บ้าง เขาชอบทั้งสองรส แต่ชอบรสหวานมากกว่า ซึ่งเขาสันนิษฐานว่ามันดูดเลือดจากศูนย์กลางที่อ่อนโยนมา หลังจากกินไปเกือบสามสิบตัว เขาสังเกตเห็นรสชาติหวานที่แตกต่างกันออกไปนั้น เขาเดาว่าเลือดคงมาจากสัตว์ที่ต่างชนิดกัน แม้แต่มนุษย์ก็ตาม และแม้แต่มนุษย์และอาจเป็นครอบครัวของเขาเองที่อยู่ด้านล่าง สัญชาตญาณ และอคติของเขาบอกเขาว่า ถ้าพวกมันมีเลือดมนุษย์ขี้เมาก็ต้องมาจากคนด้านล่าง หรือครอบครัวของเขาเอง เพราะยุงจะโง่เกินกว่าจะหาทางกลับได้ หากพวกมันบินไปไกลกว่าหกเมตรจากบ้าน

เขาหัวเราะเบา ๆ เหมือนอย่างที่ค้างคาวสามารถทำได้ ในเรื่องตลกในการป้องกันยุงของเขา และกินมันอีกสองสามตัว

เฮงกินมันอย่างออกรส มันเหมือนกับการกินช็อกโกแล็ตแกะกล่องที่แสนอร่อยจากถังขยะแบบคัดแยกและถังขยะรวมที่ร้านขายขนมหวาน เขาเลือกเหยื่อของเขาจากการสุ่มแล้วไม่รู้ว่ารสชาติไหนที่อยากกินต่อ แต่ทั้งหมดก็อร่อยเหมือนกันหมด ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอก

แล้วเขาจำได้ว่าครอบครัวของเขาและภัยร้าย และครอบครัวของเขาอีกครั้ง เขาต้องการจะบอกพวกนั้นว่าเขาปลอดภัยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เขาทำท่ากระพือปีกต่อหน้าวรรณ และเธอก็พยายามตีเขา: “ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ” เขาพูด แต่เธอก็ไม่ได้ยินเขา และเขารู้ว่าเธอก็จะไม่เข้าใจอยู่ดี แม้ว่าเธอสามารถเข้าใจได้ก็ตาม

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และเขาก็คิดไม่ออกเช่นกัน ภรรยาของเขากำลังร้องไห้ เขาจึงเข้าไปหลบหลังลูกสาวทางด้านหลัง หวังว่าเขาจะไม่โดนตีอีก และซบลงบนบ่าของเธอ อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาผ่อนคลายลง เขาก็กลายมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง และแล้วทั้งคู่ก็ล้มลงกับพื้น ดินรู้สึกอายอย่างมากที่พบว่าพ่อของเธอเปลือยกายและนั่งคร่อมบนหน้าอกของเธอ ประจันหน้ากับเธอ และเฮงเองก็ตกใจเช่นกัน เขากระโจนออกไป เอามือกุมของลับของตัวเองไว้

“เอ่อ ขอโทษดิน ขอโทษด้วย ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น… ”

“พ่อโผล่มาจากไหนของโลกใบนี้ แม่ พ่อไม่เป็นไรแล้ว เขาอยู่ที่นี่แล้ว” เธอตะโกนพร้อมปัดฝุ่นออกจากตัว และพยายามไม่มองพ่อของเธอ “โอ้ พ่อ ขอบคุณพระเจ้าที่เธอยังปลอดภัย แต่เธอไปอยู่ไหนมา เราเห็นเธอตกลงมา และตามหาเธอทุกที่เลย”

“ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตกลงมา เพียงแค่ตกลงมา เอ่อ นิดหน่อย ไม่ไกลนัก… ”

“แต่มันสามสิบฟุตจากตรงนั้นนะพ่อ และเราเห็นพ่อตกลงมา เด่นกล่าว ”

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม ยังไม่ตาย ฉันอยู่ที่นี่ ไม่ต้องห่วง”

คำตอบของเฮงแปลกมากจนทุกคนจ้องมองมาที่เขา แม้แต่ดินเอง แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิดก็ตาม

“เฮง! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมเธอไม่บอกพวกเรา เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นเหรอ เราทุกคนคิดว่าเธอต้องจากเราไปแน่นอน”

“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาบอก และนั่นเป็นความจริงแต่หัวเขาดูเหมือนจะโล่งแล้วในตอนนี้ เขากลายเป็นค้างคาวอีกครั้งหนึ่ง

เขายังไม่ใช่เฮงคนเดิม และไม่เป็นอีกแน่นอน แต่เขาดูเป็นมนุษย์มากขึ้น หรืออย่างน้อยก็เป็นสายพันธุ์ใกล้เคียงมนุษย์อีกครั้ง มันเป็นเหมือนความคลุมเครือในสมองของเขา

“เอ่อ เฮง เธอไม่คิดหรือคุณควรจะใส่เสื้อผ้า เธอทำทุเรศต่อหน้าลูกสาวและป้าของเธออยู่นะ”

เฮงเอามือข้างหนึ่งปิดส่วนล่างไว้ และวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องนอน ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับเขาที่โต๊ะอาหารของครอบครัว ในขณะที่เฮงไม่อยู่ แต่เฮงรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าทุกคนคล้ายดังราชาที่หยิ่งผยองและอวดดี ในขณะที่เขานุ่งโสร่งด้วยตัวเอง และคิดว่าจะลงไปชั้นล่าง

เขาเคว้งคว้าง และไม่รู้ว่าใครรู้สึกระแคะระคายน้อยที่สุด เขากินยุงพร้อมปีกเหมือนหญิงชรากินช็อกโกแลตที่ผสมแอลกอฮอล์ในวันคริสต์มาส และเขาก็โบยบินไป ไม่มีภยันอันตรายสำหรับเขาอีกแล้ว เขาคงจะไม่อดอยากอีกต่อไป และจะไม่มีอะไรมาทำร้ายเขาได้อีก เขารู้สึกเป็นอิสระอย่างแท้จริง เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา แม้ว่าชีวิตก่อนนี้จะเป็นเช่นไรเขาไม่อาจรู้ได้

ในขณะนี้เขารู้สึกได้ว่าควรจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่างน้อยที่สุดจนกว่าเขาจะสามารถประเมินความคิดเห็นของคนในพื้นที่ได้ เพราะตอนนี้ผีปอบเป็นคำเรียกที่แท้จริงของคนลาวและคนไทยสำหรับแวมไพร์ และพวกเขาก็กลัว “ผีปอบ” อย่างที่เขาเป็นอยู่มาโดยตลอด

เขาตรวจดูฟันของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เขี้ยวของเขาก็ไม่ได้โตขึ้น หรือมันยังไม่โต แม้ว่าเขาจะซีดเหมือนผี และดวงตาของเขายังคงเป็นสีแดงอมชมพูอยู่ เขาตัดสินใจที่จะลงไปข้างล่าง และลงบันไดไปเหมือนเชื้อพระวงศ์ก็ไม่ปาน เมื่อเขาลงมาชมวิวที่โต๊ะ ไม่มีใครที่จะช่วยได้เพียงแค่รู้สึกถึงความสง่างามของชายคนนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหลือเชื่ออย่างมาก เขาดูเจ๋งมาก และการปรากฏตัวของเขาราวกับดวงประทีบที่ส่องประกายรอบ ๆ ตัวเขาในสนาม

ขณะที่เขานั่งบนโต๊ะ วรรณก็ถามเขาว่า:

“สบายดีขึ้นไหมเฮง แน่ใจเหรอว่าคุณไม่ได้ล้มหัวฟาดพื้นขนาดนั้น”

“ฉันไม่เป็นไร ไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้เลย มัด คุณภรรยา วรรณ ฉันเป็นอย่างที่ฉันควรจะเป็น ทุกอย่างที่มันควรจะเป็น ฉันจะเอาเนื้ออีกสักชิ้นได้ไหม ตอนนี้”

“แน่นอน เธอต้องการให้ฉันอุ่นมันให้ไหม”

“ไม่ เอาแบบนั้นแหละ”

เฮงกัดไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้ชอบมันนัก เขาพยายามไม่แสดงออก แต่มันทำให้รู้สึกไม่พอใจ เขาจึงวางมันลงบนจาน และไม่กินมันอีก

ดากำลังเรียนรู้เขาอย่างใกล้ชิดเหมือนอย่างที่เธอเคยทำมา นับแต่เขาตกลงมาที่พื้น เธอเห็นทุกอย่าง แต่ยากที่จะพูดถึงตั้งแต่นั้นมา เธอไม่เคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเฮงมาก่อน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอเพิกเฉยต่อสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ว่าทั้งหมดที่เธอ ‘รู้’ ไม่ใช่เรื่องใหม่รวมถึงคำบอกเล่า เธอไม่เคยมีโอกาสนำมันไปปฏิบัติเลย เธอจึงมีความสุขมากกว่าที่จะเฝ้าดูช่วงเวลานี้

ดาไม่ได้เดินทางอีกแล้ว แต่เธอก็เคยพบมันบ่อยครั้งตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอได้พบกับหมอผีคนอื่น ๆ ที่ได้เคยพูดถึงกรณีเช่นเดียวกับเฮง เธอมีความสนใจส่วนตัวมากเป็นพิเศษที่จะช่วยหลานของเธอ แต่เธอก็พบว่าอาการของเขาน่าสนใจทางการรักษาเช่นกัน

สภาวะอันเด็ดเดี่ยวของเธอ ถ้าผีปอบเป็นคนอื่นไม่ใช่คนในครอบครัว คงต้องฆ่ามัน เพราะว่ามันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่เธอไม่สามารถแนะนำแบบนั้นได้เลย และมันเป็นโอกาสทองของเธอที่จะได้ศึกษาเป็นเหตุการณ์แรก

เธอต้องการโอกาสที่จะคุยกับเฮงเพียงลำพัง เพราะเธอไม่อยากให้เด็ก ๆ ตกใจกลัว นอกจากนี้เธอยังต้องการพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่จะพูดคุยกับวรรณว่าควรทำยังไงต่อไป และเธอจำเป็นต้องคุยกันเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ตอนนี้หากเธอสามารถหาทางออกที่จะทำมันได้ แต่เธอแทบไม่สามารถบอกทุกคนให้ไปนอนได้ ดังนั้นเธอจึงนั่งดูและรอเวลาของเธอ

“ตาของเธอเป็นไงบ้า

เฮง” เธอถามหลังจากนั้นพักนึง

“ไวต่อแสงเล็กน้อย ป้าดา แต่ก็ขอบคุณ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทนต่อแสงแดดที่ส่องโดยตรงได้ มันแปลก แต่ฉันรู้สึกว่าผิวหนังบางเหมือนกัน ตอนนี้มันไวต่อแสงแล้ว

“แว่นกันแดดที่เด่นมอบให้ฉันจะช่วยเรื่องดวงตาของฉันได้ แต่บางทีฉันอาจจะต้องใช้ครีมบางอย่างเพื่อปกปิดใบหน้าของฉัน มีอะไรแนะนำไหมครับ”

เธอตัดสินใจที่จะเล่นบทบาทนี้กับเฮง เพราะเธอไม่แน่ใจว่าเขารู้ว่าเขาอาจจะต้องกลายเป็นอะไรหรือยัง

“ไตของเธอดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเธอ” จากนั้นความคิดก็ทำให้เธอเข้าใจว่าบางทีการเป็นผีปอบอาจทำให้ไตวายได้ “คุณมีอาการของคนเผือกหลายอย่าง ผิวหนังและดวงตาของพวกเขาไวต่อแสงเช่นกัน รู้ไหมว่าผิวเผือกคืออะไรเฮง”

“ฉันเคยได้ยินคำนี้ แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้…”

“อย่างไรก็ตามนั่นคือ สิ่งที่คุณดูเหมือนจะเป็น และอาการนั้นก็รักษาไม่หายเช่นกัน แม้ว่าจะมีขี้ผึ้งสำหรับผิวหนัง และยาหยอดตาก็ตาม พวกเขาไม่มีขายของแบบนั้นแถวนี้ แต่ฉันสามารถทำมันขึ้นมาให้เธอได้หากเธอต้องการ”

“ใช่ นั่นมันเป็นน้ำใจของป้าครับ ป้าดา”

“เธอยังไม่สามารถกลับไปทำงานได้ในอีกสองสามวันนี้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกแข็งแรงขึ้นแล้วก็ตาม ดังนั้นฉันจะทำครีมบำรุงผิวและยาหยอดตาให้เธอในเช้าวันพรุ่งนี้ และบางทีเธออาจจะชอบ และอาจจะไปเอาได้ในตอนบ่าย เราจะเห็นได้ว่ามันมีประสิทธิภาพเพียงใดต่อแสงแดดยามบ่าย…นั่นควรเป็นการทดสอบที่ดีเพื่อดูว่าพวกมันมีพลังพอที่จะช่วยเธอได้

“ถ้าเธอยังไม่มีครีมและออกไปข้างนอก ฉันขอแนะนำให้เธอแต่งกายเหมือนนินจา เธอรู้ใช่ไหม สวมเสื้อยืดคลุมศีรษะแบบคนงานเกษตร สวมแว่นกันแดดของเด่น และสวมหมวกหรือคลุมตัว สวมผ้าคลุมศีรษะเหมือนผ้าโพกหัว เธอสามารถสวมถุงมือได้เช่นกัน หากเธอมี

“ให้ฉันดูมือของเธอ อืม… เล็บนิ้วมือของเธอขาวราวกับหิมะ ไม่มีสีเลือดอยู่ข้างใต้ผิวหนัง แต่มือของเธอสากเหมือนหนังจากการทำงานหนักมาหลายปี ดังนั้นเธออาจจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องสวมถุงมือ เธอจะต้องดูว่ามันมีผลอย่างไรด้วย

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของป้าครับ ป้าดา บ่ายโมงหลังรับประทานอาหารกลางวันพอสะดวกไหม”

“ได้ ดีเลยครับ ฉันจะต้องบอกเธอ เฮง ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอหลังจากเย็นนี้จนถึงตอนนี้ยังค่อนข้างน่าประหลาดใจ ป้าพอมีคำอธิบายหรือไม่ครับ ฉันไม่เคยเห็นความมีชีวิตชีวาที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้มาก่อน”

เฮงสงสัยว่าเขาควรจะพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเขาในขณะที่เขาบินหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาก็ตัดสินใจที่จะสู้กับมัน

“ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เธอเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่งของที่นี่ ถ้าเธอไม่รู้ ฉันก็ไม่คาดหวังให้ใครรู้เช่นกัน ป้าเป็นหมอผีใช่หรือไม่”

“ผมเป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายมันว่าอย่างไร และหวังว่าป้าจะมีบางสิ่งบางอย่าง ในการรักษาแบบปาฏิหาริย์ที่ป้าสามารถบอกให้ผมทราบได้”

“ผมเกรงว่าจะไม่ใช่… ผมแค่รับการรักษาแบบปาฏิหาริย์จากป้า โดยการจัดเตรียมของป้า และภรรยาผมก็เป็นคนที่ทำอาหารได้ยอดเยี่ยมมาก

เขาโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางวรรณที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง และดีใจมาก

“ผมเป็นหนี้ครอบครัวของผม ดังนั้นขอขอบคุณทุกคนจากก้นบึ้งของหัวใจ ตอนนี้ผมคงจะตายไปแล้ว ถ้ามันไม่ใช่เพราะป้า ในขณะที่ผมรู้สึกราวกับว่าผมกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว”

ทั้งสี่มองจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง พวกเขาค่อนข้างงุนงง คำพูดเหล่านี้ฟังดูไม่เหมือนเฮงเลย เฮงเป็นคนเงียบขรึม ไม่แสดงออก และเป็นนักปรัชญา ไม่ดุร้าย แต่ก็ไม่ได้มีการชมเชยอย่างล้นหลาม มีแนวโน้มที่จะเงียบมากกว่าการกล่าวคำพูดใด ๆ

ดาเลือกช่วงเวลาของเธอ และในขณะที่เด็ก ๆ กำลังคุยกัน เธอแสดงสีหน้าเพื่อขอให้วรรณส่งพวกเขาเข้านอน เฮงสังเกตเห็นเหมือนกัน แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น

“เธอสองคนไปนอนได้แล้ว ไปสิ พ่อของเธอจะไม่สามารถออกไปข้างนอกกับแพะในวันพรุ่งนี้ และฉันจะอยู่กับเขา ที่นี่ ดังนั้นพวกเธอจะต้องทำหน้าที่แทนพวกเราอีกครั้ง ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

พวกเขากล่าว ‘ราตรีสวัสดิ์’ และจากไปโดยไม่เอะอะอะไร เพราะพวกเขาเป็นเด็กดีและรู้ว่าเธอพูดถูก พวกเขาไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว แล้วก็เข้านอน

“ดังนั้น ป้าดา ป้าอยากจะบอกอะไรที่คิดว่าไม่เหมาะที่จะให้ลูก ๆ ของเราได้ยิน” เฮงถาม

“โอ้ ฉันแค่คิดว่าเราควรจะมีแค่ผู้ใหญ่คุยกันโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการทำให้เด็ก ๆ กลัว หรือมีบทสนทนาของเราส่งต่อไปยังเพื่อนของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ทราบว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงเพียงใด”

“ฉันรู้… ปราดเปรื่องมากครับ… แต่ทำไมป้าถึงคิดว่าพวกข่าวลือไร้สาระพวกนั้นจะเป็นตัวสร้างปัญหา

วรรณกำลังทำความเข้าใจทั้งสองคน แต่ไม่พูดอะไร เพราะเธอไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร

สายตาของเฮง และดาถูกล็อกไว้กับการต่อสู้ทางจิตใจ

“ฉันคิดว่าเธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร เฮง ฟังนะ จากประเด็นของมุมมอง เธอเป็นและยังคงเป็นหลานชายคนโปรดของฉัน และถ้าฉันสามารถช่วยเธอได้ฉันก็จะทำเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอต้องซื่อสัตย์กับวรรณ และตัวฉันเอง หากไม่มีคนอื่น”

“นั่นก็เป็นธรรมพอแล้ว

เพียงพอแล้ว ป้าทำให้ผมมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ดังนั้นผมจึงเป็นหนี้ชีวิตป้า และความซื่อสัตย์ของผม” เฮงไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ วรรณได้แต่จ้องมองพวกเขาทั้งสองเปิดปากพูดเธอหลุดจากเรื่องราวนั้นโดนสิ้นเชิง

“ขอบใจ เฮง ฉันขอถามเธอสักสองสามเรื่องได้ไหม” ดาถาม เธอไม่อาจนิ่งเฉยได้จนกว่าจะมีโอกาสที่ดีกว่านี้เกิดขึ้นอีก

เฮงพยักหน้าอย่างสุภาพ และจำใจทำ ตาม

“เธอยังเป็นเฮงอยู่ใช่ไหม ปัจจุบันแต่งงานอยู่กับวรรณที่นี่ใช่หรือไม่

“ผมเป็นคนคนเดียวกัน แต่มันเป็นช่วงเวลาในวันนี้ตอนที่ผมไม่รู้ว่าผมเป็นใคร หรือสิ่งที่ผมเคยเป็น”

“เธอหมายความว่ายังไง เธอไม่รู้ว่าเธอคือใคร หรือเป็นอะไรงั้นหรือ”

“ผมไม่รู้ ดังนั้นผมไม่สามารถบอกป้าได้ ผมรู้สึกเพียงบางส่วนเท่านั้น… ผมอยากจะพูดว่าเป็นมนุษย์ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย เนื่องจากผมรู้ว่าผมเป็นมนุษย์ แต่ผมรู้สึกว่า… เอ่อ แตกต่างออกไป นั่นคือทั้งหมดที่ผมสามารถบอกได้”

“เธอมึความรู้สึกเพียงส่วนเดียวของการเป็นมนุษย์งั้นหรือ”

“ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่ผมทำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นมนุษย์มากกว่าตอนนั้น แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจำความรู้สึกของมนุษย์โดยสิ้นเชิงได้ ดังนั้นผมจะรู้มันได้อย่างไร “

ใช่ ฉันเข้าใจประเด็นของเธอ เมื่อเย็นนี้ เธอชอบเนื้อของเธอ อันที่จริงฉันไม่คิดว่าจะเคยเห็นใครชอบอาหารของพวกเขามากเท่านี้ แต่เธอมีเนื้อที่เหมือนกัน และเธอแทบไม่ได้แตะเลย ทำไมล่ะ”

“อีกครั้งนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมจำอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับวันนี้จนถึงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตัวของดินด้วย เนื้อมีความเหนียวและหนึบ ผมไม่ชอบเนื้อสัมผัส ขอโทษวรรณ ฉันไม่ได้ตำหนิการทำอาหารของเธอนะ ไม่ใช่แม้แต่น้อย มันคือ ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันเข้าใจว่ามากด้วย”

“ดังนั้นถ้าฉันเสนออะไรให้เธอกินล่ะ เฮง ดาถาม “สิ่งไหนที่ฉันควรจะให้เธอกิน”

“ผมจำได้ว่ามิลค์เชคของเธอเทำให้ผมมีสำราญใจมาก และผมชอบเนื้อสัมผ้ส แต่นั่นมันก่อนหน้า… ผมไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่เป็นไปไม่ได้ไหมที่จะตอบ”

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบ เพราะเมื่อเธอรูปร่างเปลี่ยนไป และเธอก็ชอบอาหารอีกแบบหนึ่ง และอีกแบบในฐานะมนุษย์ใช่ไหม

“เธอจะบินตอนเย็นนี้ใช่ไหม”

วรรณอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกสยองขวัญ

“ป้ากำลังจะแนะนำอะไร ป้าดา”เธอถาม

“ได้โปรด วรรณ โปรดพยายามคล้อยตามเขา แต่จะดีกว่าหากเธอจะพูดภายหลัง แค่พยายามทำสิ่งนี้ในตอนนี้

“คืนนี้เธอจะบินไหมเฮง”

“ใช่ครับ”

คราวนี้ผู้หญิงทั้งสองอ้าปากค้างในความจริง

“แบบค้างคาวงั้นหรือ”

“ใช่ครับ”

“เธอรู้ไหมว่าเธอบินได้”

“ไม่ ผมก็ไม่รู้ เมื่อผมตกจากราวบันได ผมไม่รู้เลยว่าผมกลัว แต่แล้วร่างกายของผมก็กลายเป็นค้างคาว และผมก็บินวนไปได้รอบ ๆ ”

“เธอบินผ่านหน้าฉันไม่ใช่เหรอ” วรรณถาม

ใช่ ฉันอยากจะบอกเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่เธอก็พยายามจะตีฉัน”

“สามีของฉันเป็นค้างคาว และเธอมาบอกฉันไม่ต้องกังวลนี่นะ! ยังไงก็ตาม ฉันขอโทษที่ฉันพยายามจะตีเธอ เฮง”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้เห็นเป็นเรื่องส่วนตัวอะไร เธออาจจะไม่รู้ตัว ฉันพยายามจะพูดกับเธอ แต่เธอกลับพูดว่า ‘ปี๊บ ปีีบ ปี๊บ’

“ฉันคิดว่าฉันอาจจะจำเสียงเธอได้ แต่ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”

“ฟังนะ เราสามารถกลับไปจัดการกับเรื่องนี้ได้ไหม เธอสามารถคุยต่อในภายหลังได้ตามอัธยาศัย” ดากล่าวด้วยความโมโห

“ดังนั้นเธอบินไปรอบ ๆ แล้วไงต่อ” ดาถาม

“ผมบินไปรอบ ๆ ทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกใหม่และสนุกกับมันมาก แต่ผมเห็นว่าทุกคนทุกข์ใจแค่ไหน ผมจึงพยายามบอกวรรณว่าผมไม่เป็นไร แต่เธอพยายามจะตีผม ผมจึงไปหลบหลังดินข้างหลังและซบบนไหล่ของเธอ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เท้าแตะพื้นผมก็กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง และทิ้งน้ำหนักของผมลงไปที่ตัวเธอ”

“ดังนั้น เธอไม่ได้พยายามที่จะดูดเลือดของเธอใช่ไหม” ดาถาม

“ไม่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” เฮงกล่าวอย่างไม่พอใจ

“อย่างน้อย นั่นต้องมีอะไรซักอย่างสิ!” ดาพูด แต่เธอกระหายเลือดใช่ไหม”

“ผมไม่ได้กระหายเลย แต่ผมก็ไม่ได้หิวอะไร ผมชอบมิลค์เชค และตอนนี้ผมสงสัยว่าพวกมันเป็นสีชมพู เพราะป้าทำมาจากเลือด ป้าบอกผมว่าผมต้องดื่มเลือด อย่างไรก็ดีเพราะสภาวะทางกายภาพของผม ดังนั้นไม่ว่าผมต้องกระหายมันหรือไม่ ผมก็ต้องดื่ม จริงหรือไม่จริง”

“ถูกแล้วหลานชาย เธอพูดถูก ฉันเกรงว่าไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เธอจะต้องดื่มเลือดไปตลอดชีวิต ซึ่งทำให้เกิดคำถามขึ้นอีก แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถ้าเธอกลายเป็นผีปอบ ผีปอบที่แท้จริงเช่นเดียวกับแดร็กคูล่า นั่นอาจจะเป็นตลอดไป แต่ถ้าเธอเอาแต่ดื่มเลือดเพื่อทดแทนเลือดของตัวเอง เธออาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง แล้วเธออาจจะตายตั้งแต่อายุยังน้อย

“เธอคิดว่าเธอเป็นอะไร เฮง”

“ตั้งแต่ผมบินได้เยี่ยงค้างคาว ผมคิดว่าผมเป็นผีปอบของจริงครับป้า

ใช่ ฉันก็เห็นด้วย ฉันก็หวังว่าเธอจะตระหนักได้ด้วยตัวเธอเอง”

“เราเคยมีคนอื่นในครอบครัวเป็นแบบผมมาก่อนหรือไม่”

ไม่นะ ไม่มีเลยตลอดทั้งชีวิตของฉัน ไม่มีใครเป็นเหมือนเธอ หรือบางทีเธออาจจะย้อนกลับไปเหมือนใครบางคนในประเทศบ้านเกิดเธอ มีการพูดคุยเกี่ยวกับแวมไพร์มากมายที่นั่น แม่ของฉันเคยเล่าให้ฉันฟัง แต่เธอจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าความจริงคืออะไร หรือเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าจนกว่าเธอจะได้พบกับใครคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว

“เธอจะต้องระวังมากเลยนะ เฮง ผู้คนจะต้องกลัวเธอ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปในทางที่ผิด เราจะต้องควบคุมว่าใครควรจะรู้อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นคุณอาจถูกผู้คนที่ไม่ยอมรับในการหาเลือดของเธอ! ฮ่า! จะถูกถางถางใช่ไหม! เธอจะยังไม่ได้รับผลอะไรทั้งนั้น!” และดาก็พูดเรื่องเหลวไหลอีก ซึ่งเธอทำไม่ค่อยได้ แต่ก็ทำทุก ๆ ครั้ง

ใช่ นั่นคงจะเป็นเรื่องตลกมากใช่ไหม ป้าดา เฮงกล่าวอย่างเศร้า ๆ ว่า “แต่ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับคำแนะนำและความช่วยเหลือของป้า และเมื่อผมมาหาป้าในวันพรุ่งนี้ ผมหวังว่าเราจะสามารถวางแผนบางอย่างได้ เพราะผมมั่นใจว่าในที่สุดก็จะมีคนรู้ ผมหมายถึง แค่มองผม !

“ผมเป็นผีปอบคลาสสิค หรือเป็นอะไร ผมไม่ได้ดูเหมือนกับสองสามวันที่ผ่านมา ผู้คนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับผิวและดวงตาของผมใช่หรือไม่ มันไม่ใช่สิ่งที่ป้าจะสามารถเก็บความลับได้นานนักในหมู่บ้านใช่ไหม

“ไม่ นั่นมันเรื่องจริง แต่ถ้าเรารวมหัวกัน ฉันแน่ใจว่าเราสามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ตราบเท่าที่เธอควบคุมความต้องการแปลก ๆ ที่เธออาจจะมีได้ ถ้าเธอเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร เธอจะต้องสัญญาว่าจะไม่กัดพวกชาวบ้าน ถ้าเธอรู้สึกอยากจะดื่มเลือดขึ้นมา

“เธอรู้สึกหื่นกับสาวพรมจรรย์ใช่หรือไม่ เฮง เธอจะต้องเข้มงวดภายใต้การควบคุมนี้อย่างเคร่งครัดนะ”

“ไม่นะ ป้า ไม่มากไปกว่าผู้ชายทั่วไปหรอก”

“ขอโทษที เธอจะดีกว่านี้ถ้าจะไม่เป็นแบบนั้น เจ้าหนุ่ม จะเป็นผีปอบ หรือไม่ใช่ผีปอบก็ตาม มีผู้ชายที่หมกมุ่นในเรื่องเพศมีคนเดียวในครอบครัวก็เพียงพอแล้ว ขอบคุณมากนะ” วรรณกล่าว

ดาพูดต่อว่า “มันเป็นสัญญาณที่ดี เธอเป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่นี้ ดังนั้นเราจึงสามารถคาดหวังได้อย่างสมเหตุสมผลว่าผู้คนจะได้ประโยชน์จากข้อสงสัยนี้กับตัวเธอ แต่ถ้าเธอทำเกินเลยไป พระเจ้าก็จะช่วยเธอจากเรื่องทั้งหมดที่ฉันพูดมา

“นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแน่นอน แต่ต้องใช้การพิจารณาอย่างจริงจังของเธอด้วย”

“สัญญากับฉันว่าเธอจะต้องทำนะ เฮงหลานรัก เธอรู้ไหมว่าพวกเขาที่นี่เป็นอย่างไร เชื่อเรื่องผีสางเหมือนหญิงเฒ่า… ขอโทษค่ะป้าดา แต่เธอรู้ว่านะว่าฉันหมายถึงอะไร”

“ได้สิ วรรณ ฉันจะทำ ไม่มีความผิดใด ๆ เกิดขึ้น แต่เธอพูดถูก และหากเฮงละเมิดสัญญาของเขา เขาจะต้องเผชิญกับอันตราย ยังไงก็เอาไว้แค่นั้นสำหรับคืนนี้ แล้วไปเข้านอนซะ”

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status