"ปีศาจมาแล้ว"
"ปีศาจตาแดงมาแล้ว"
เสียงโห่ร้องขับไล่ดรุณีน้อยวัยเก้าขวบที่กำลังเดินถือตะกร้าซื้อของในตลาดของหมู่บ้านตงเหลียงมณฑลตี้เจิงดังขึ้นทุกย่างก้าวที่นางเดินผ่าน
"เถ้าแก่ ข้าเอาซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก"
"ไม่ขาย ๆ ไปซื้อที่อื่นเลยไป!"
เสียงเถ้าแก่ร้านซาลาเปาดังขับไล่ดรุณีน้อยที่ยืนรอของหน้าร้านลั่นขึ้น
เหล่าพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่น ๆ ต่างพากันมองมาที่นางด้วยสายตาเดียวกันคือ
รังเกียจ...
หวาดกลัว...
"เถ้าแก่ขายให้ข้าเถอะ ถ้าวันนี้ข้าซื้อของกินกลับไปที่บ้านไม่ได้ท่านพ่อต้องดุข้าอีกเป็นแน่"
ดรุณีน้อยร้องขอความเมตตาด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีสวยราวตะวันทอแสงฉ่ำไปด้วยม่านน้ำตาที่รอเวลาหลั่งไหลอาบแก้มหากยังไม่ได้สิ่งที่นางต้องการ
"ที่นี่ไม่มีใครอยากขายของให้ปีศาจเช่นเจ้า ไป ๆ รีบออกไปจากหมู่บ้านเราได้แล้ว"
แม่ค้าร้านข้าง ๆ รีบออกปากขับไล่เรียกความฮึกเฮิมให้กับร้านอื่น ๆ เอาเยี่ยงอย่างหยิบจับขว้างปาข้าวของใส่ดรุณีน้อยที่น่าสงสารผู้นี้อย่างไร้เมตตา
"โอ้ย! ข้าเจ็บ ข้าไม่ใช่ปีศาจ ข้าไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย"
ร่างบอบบางวัยเก้าขวบนั่งคุดคู้กอดตัวเองซบหน้าลงกับหน้าตักเพื่อปกป้องใบหน้าที่แสนจิ้มลิ้มไม่ให้ถูกของที่ปามากระเด็นใส่ น้ำตาเม็ดเล็กพรั่งพรูลงมาจนเปียกปอนอาภรณ์สีซีดที่นางสวมอยู่
"ชิงเอ๋อร์!"
เสียงแหบพร่าดังขึ้นพร้อมร่างสูงใหญ่แหวกว่ายชาวบ้านที่มุงขว้างปาข้าวของใส่เจ้าของชื่อเรียกเข้ามาด้านใน
"ฮื่อ ๆ อาสี่ อาสี่ช่วยชิงชิงด้วย พวกเขาบอกว่าข้าเป็นปีศาจ เสี่ยวชิงไม่ใช่ปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ ฮื่อ ๆ"
'หลี่ชิงชิง' กระโดดเข้าสู่อ้อมอกของหลี่จงผู้มีศักดิ์เป็นอาสี่ของนางทันที
"โถ...เสี่ยวชิงของอา ไม่ร้อง ๆ"
ฝ่ามือหยาบกร้านโอบกอดพร้อมลูบแผ่นหลังเล็กเพื่อปลอบประโลม ดวงตาแข็งกร้าวตวัดมองพ่อค้าแม่ค้าที่ห้อมล้อมพวกเขาอยู่อย่างดุกร้าว
"หากพวกเจ้ายังไม่เลิกปล่อยข่าวลือว่าเสี่ยวชิงเป็นปีศาจ ข้าจะให้สวรรค์ลงทัณฑ์คนโป้ปดอย่างพวกเจ้าให้เข็ดหลาบ"
เสียงข่มขู่ทำเอาคนที่รุมล้อมพวกเขาต่างหวาดกลัวหนีกลับร้านตัวเองราวผึ้งแตกรัง
"นางเป็นปีศาจจริง ๆ ข้าเห็นดวงตานางเปลี่ยนเป็นสีแดงกับตา"
หนึ่งในคนที่ปล่อยข่าวลือเรื่องที่หลี่ชิงชิงเป็นปีศาจและเป็นคนเห็นความเปลี่ยนไปของหลี่ชิงชิงเมื่อเดือนก่อนโต้เถียงหลี่จงกลับอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายจากชายร่างสูงท้วมตรงหน้า
"วันนั้นเสี่ยวชิงถูกเศษพริกกระเด็นเข้าตาทำให้นางร้องไห้จนตาแดงเท่านั้น"
หลี่จงรีบหาเหตุผลเพื่อปกป้องหลานสาวที่ยังคงหวาดกลัวซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา
"โกหก! วันก่อนบ้านท้ายหมู่บ้านไฟไหม้ มีคนเห็นปีศาจชิงชิงอยู่ที่นั่น เพลิงไหม้ครั้งนั้นต้องเป็นนางทำเป็นแน่"
ดรุณน้อยวัยสิบเอ็ดขวบอีกคนเข้ามาเสริม
"ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำ วันนั้นข้าได้กลิ่นควันไฟแรงผิดปกติเลยรีบวิ่งไปเตือนท่านป้าหรู แต่พอไปถึงไฟก็ลุกลามแล้ว"
หลี่ชิงชิงหันมาปกป้องตัวเองด้วยการพูดความจริง ทว่าคนเหล่านี้หรือจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาปักใจเชื่อไปแล้ว อีกอย่างเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นมีคนเห็นนางอยู่ตรงนั้นกับตาตัวเองหลายคน
"เสียวเป่า เสี่ยวเถา มานี่! เลิกต่อล้อต่อเถียงนางได้แล้ว ระวังปีศาจชิงชิงจะไปวางเพลิงเรือนพวกเจ้าเอานะ!"
แม่ค้าผลไม้นางหนึ่งเอ่ยเตือนดรุณน้อยทั้งสองที่ยืนต่อล้อต่อเถียงอย่างจริงจัง
"ไปกันเถอะ! ปีศาจชิงชิงอย่ามาเผาบ้านข้าเลยนะ ข้ากลัวแล้ว!"
เสียวเป่าที่ตอนแรกดูไม่เกรงกลัว พอถูกเตือนสติเข้าหน่อยถึงกับน้ำตาคลอเบ้ารีบวิ่งหนีกลับบ้านตนเองทันที เสี่ยวเถาไม่มีพรรคพวกแล้วหรือจะกล้าอยู่ต่อ วิ่งตามสหายกลับเรือนตาม ๆ กันไปพร้อมทิ้งท้ายขอร้องไม่ให้หลั่ชิงชิงถือโทษพวกเขา
"ชิงเอ๋อร์ของอาเจ็บตรงไหนหรือไม่"
น้ำเสียงอบอุ่น แววตาห่วงใยสบมองตามเนื้อตัวของหลานสาว
"ข้าไม่เป็นไร ท่านอาสี่ป่วยอยู่ไม่น่าออกมาตามข้าเลย"
หลี่ชิงชิงกล่าวโทษตัวเองในใจที่ทำให้ผู้มีพระคุณของนางต้องลำบากทั้ง ๆ ที่ยังป่วยอยู่
"อาสี่เจ้าแค่ไอเล็กน้อยไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ไป ๆ กลับบ้านกันเถิด"
"แต่ข้ายังไม่มีอะไรติดมือกลับเลยสักอย่าง"
เสียงกังวลดังขึ้น ดวงตาสุกใสหม่นลงทันทีเมื่อนึกถึงผลลัพธ์หากนางกลับไปมือเปล่าตอนนี้
"เถ้าแก่ ซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก ถ้าเจ้าไม่ขายข้าจะพังร้านเจ้าตอนนี้เลย"
"ได้ ๆ ขายแล้ว ๆ ซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก นี่ข้าแถมให้อีกลูก"
เถ้าแก่ร้านซาลาเปามือไม้สั่นเมื่อถูกหลี่จงที่เป็นหมัดเป็นมวยนิสัยเหมือนอันธพาลขู่เช่นนั้น
"ทีนี้กลับได้แล้วใช่หรือไม่"
รอยยิ้มอบอุ่นของผู้เป็นอาทำให้หัวใจของหลี่ชิงชิงอุ่นขึ้น
"เจ้าค่ะ"
หลี่ชิงชิงยิ้มกว้างเมื่อในตะกร้ามีอาหารแล้ว ดรุณีน้อยค่อย ๆ จูงหลี่จงที่สุขภาพป่วยออด ๆ แอด ๆ มาหลายวันแล้วกลับไปยังกระท่อมที่อยู่ชายป่าใกล้กับภูเขาเซียนลู่ทันที
เพล้ง!เสียงของตกแตกดังขึ้นภายในกระท่อมหลังหนึ่ง เศษไหสุรากระจายเต็มพื้นไม้ใกล้กับดรุณีวัยเก้าขวบที่นั่งคุกเข่ากับพื้นก้มหน้ามองหน้าขาตนเองด้วยตัวสั่นเทาหลังจากสองอาหลานกลับจากตลาดในหมู่บ้าน หลี่ต้งผู้เป็นใหญ่สุดในกระท่อมหลังนี้เอาแต่ใส่อารมณ์กับหลี่ชิงชิงเพราะก่อนหน้าเขาถูกชาวบ้านระแวกใกล้เคียงบีบคั้นให้ออกจากหมู่บ้านนี้ไปด้วยข่าวลือเรื่องที่ลูกสาวบ้านนี้เป็นปีศาจครั้นคนสร้างเรื่องกลับมาถึงพอดีหลี่ต้งจึงระเบิดอารมณ์ใส่บุตรสาวอย่างไร้การถามไถ่"พี่ใหญ่ ท่านอย่าไปเชื่อข่าวลือพวกนั้นเลย เสี่ยวชิงของเราจะเป็นปีศาจได้เยี่ยงไร"หลี่จงพยายามพูดเตือนสติพี่ชายที่เป็นบิดาแท้ ๆ ของหลี่ชิงชิง หากแต่บัดนี้เขากำลังมองบุตรสาวด้วยดวงตาขวางราวคนตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว"เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแทนนาง ถ้าไม่มีมูลมีหรือคนทั้งตลาดจะเล่าลือกันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังคอยมาขับไล่ครอบครัวเราออกจากหมู่บ้านอีก!"หลี่ต้งกล่าวอย่างฉุนเฉียวพลางมองหน้าบุตรสาวที่เอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมแก้ตัวสักครึ่งคำ"พี่ใหญ่ ท่านก็เห็นเสี่ยวชิงตั้งแต่ตัวแดงแล้ว เหตุใดถึงไปเชื่อคำคนนอกพวกนั้นเล่า"ลมหายใจหลี่ต้งสะดุดครู่หนึ่งเหมือนฉุกคิ
"เหตุใดตอนนั้นท่านไม่พูดเช่นนี้"หลี่จงยังคงไม่เชื่อสิ่งที่พี่ชายกล่าวหาพี่สะใภ้เขา แต่หากมองความเป็นจริงอย่างใจเป็นกลาง หรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกวันครบรอบการจากไปของพี่สะใภ้ ที่พี่ชายเขาไม่เคยไปเยี่ยมหลุมศพนางเลยเพราะฝังใจเรื่องนี้มาโดยตลอด"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่เชื่อเพียงสิ่งที่ตาเห็น ใจที่เจ้าแอบรักหยวนชิงตั้งแต่ก่อนที่นางจะแต่งกับข้าเลยไม่เชื่อสิ่งที่ข้าเล่า เจ้าโชคดีแล้วที่มิใช่ผู้ถูกนางเลือก มิเช่นนั้นเจ้าจะเจ็บปวดเช่นข้าจนถึงทุกวันนี้"หลี่จงได้แต่นั่งเงียบหลังจากฟังพี่ชายระบายความลับนี้ออกมาจะเป็นดั่งพี่ชายเขากล่าวมาจริงหรือ สตรีจิตใจดีมีเมตตาอย่างหยวนชิงจะสมสู่กับปีศาจ หากเป็นเช่นนั้นจริง หยวนชิงจะใช้เวลาตอนไหนออกไปพบเจอกับปีศาจตนนั้นในเมื่อหลี่ต้งไม่เคยให้นางออกจากเรือนไปที่ใดเลยด้วยซ้ำ"ท่านพ่อ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ปีศาจที่สังหารท่านแม่คือปีศาจตนใด"หลี่ชิงชิงปาดน้ำตาออกจากแก้มความเสียใจแปรเปลี่ยนให้นางกลายเป็นคนเข้มแข็งและฝังแค้นไว้ในอก"เจ้าถามเพื่อการใด จะแก้แค้นแทนแม่เจ้าหรือ"หลี่ต้งประชดประชันบุตรสาว หากแต่เสียงตอบกลับที่แสนหนักแน่นของดรุณีน้อยตรงหน้าทำเขากลั้วห
"ท่านคือ..."หลี่จงเคยเห็นการแต่งกายเช่นนี้ หากแต่เขากลับไม่รู้ชื่อนักพรตหญิงตรงหน้า"ข้าคือเจ้าสำนักเมฆาล่องลอย หยวนจี""ท่านแซ่หยวนหรือ ไม่ทราบท่านเกี่ยวข้องอันใดกับหยวนชิง"หลี่ต้งได้ยินชื่อแซ่ของนักพรตท่านนี้จากปากนางเองจึงใคร่สงสัย"เจ้ารู้จักหยวนชิง?"เจ้าสำนักหยวนจีทั้งดีใจระคนแปลกใจที่ชาวบ้านผู้นี้เอ่ยนามของพี่น้องร่วมสาบานนาง"นางคือพี่สะใภ้ข้า" หลี่จงเป็นคนตอบคำถามเพราะกลัวพี่ชายจะพลั้งปากพูดอะไรไม่เข้าหูนักพรตหญิงตรงหน้าเข้า"เช่นนั้นเองรึ ข้ากับหยวนชิงเป็นศิษย์จากสำนักเมฆาล่องลอยรุ่นแรก ถูกเจ้าสำนักรุ่นก่อนเก็บมาเลี้ยงจึงใช้แซ่เดียวกัน เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานกัน"เจ้าสำนักเมฆาล่องลอยหยวนจีอธิบายสิ่งที่สกุลหลี่ไม่เคยรู้มาก่อนให้ฟัง"เหตุใดพี่สะใภ้ถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่เรา""เรื่องนี้หากเล่าแล้วยาวนัก เมื่อยี่สิบปีก่อน หยวนชิงกับข้าต่างก็ถูกอาจารย์หมายหัวไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ทว่าหยวนชิงมีนิสัยเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกฎในเกณฑ์ นางไม่อยากถูกจองจำไว้ที่เขาเมฆาที่เงียบสงบนั้น สุดท้ายจึงตัดสินใจหนีลงจากเขาและปกปิดตัวตนจากสำนักเมฆาล่องลอยไม่ใ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ"หลี่ชิงชิงแอบชำเรืองมองเห็นมังกรฟ้ายิ้มให้ตนอยู่จึงรีบหลบสายตานั้นบ้าจริง! ทำไมนางต้องใจสั่นเช่นนี้ด้วย พวงแก้มก็ร้อนวูบวาบ หัวใจยังมาเต้นแรงจนยากควบคุมอีก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน""เพคะมหาเทพ""แม้เจ้าจะมีความชอบในศึกครั้งนี้ หากแต่ไม่สามารถลบล้างความผิดก่อนหน้าได้""เรียนมหาเทพ หากเป็นเรื่องสับเปลี่ยนตะวันจันทรา เป็นข้าเองที่ไหว้วานหงส์เพลิงให้ทำเช่นนั้น"เทียนหั่วหลงรู้ว่ามหาเทพเทียนวั่งจะกล่าวโทษเรื่องนี้กับหงส์เพลิงจึงรีบบอกความจริง"มังกรฟ้าไหว้วานข้าก็จริง แต่ถ้าข้าไม่ยินดีทำก็ไม่มีผู้ใดบังคับได้ มหาเทพโปรดลงทัณฑ์ข้าในเรื่องนี้เพียงผู้เดียวด้วย""ฮวาเหยียน"จูฮวาเหยียนคลี่ยิ้มให้กับมังกรฟ้าที่ส่งแววตาเสียใจและรู้สึกผิดให้นาง'ข้าเต็มใจทำเพื่อท่าน'จูฮวาเหยียนบอกทางสายตาให้กับมังกรฟ้า และนางเชื่อว่าคนฉลาดเช่นเขาอ่านแววตานั้นของนางออก"เช่นนั้นเจ้าจงไปรับผิดที่ตำหนักห้วงกาลเวลาของเทพรัตติกาลจู๋อวี่เสีย""น้อมรับพระบัญชามหาเทพ""บัดนี้ทั้งสามพิภพสงบสุขแล้ว ข้ามหาเทพเทียนวั่งขอบคุณทุกการเสียสละของทุกคนในศึกครั้งนี้"กล่าวจบมหาเทพเทียนวั่งก็เร้นกายกลับแดนสุ
หมับ!เทียนหั่วหลงเห็นแววตามุ่งมั่นนั่นแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เขารั้งข้อมือนางไว้แน่น"ข้าจะปลอดภัย"หลี่ชิงชิงหันกลับมาส่งแววตาหวานซึ้งมาให้เขา ในประกายนั่นบอกให้มังกรฟ้าเชื่อใจนาง"เจ้าต้องปลอดภัยกลับมา"หลี่ชิงชิงยิ้มกว้างแทนคำตอบนางหันหน้ากลับไปเผชิญกับจอมมารบรรพกาลที่อยู่ในร่างของหงยวี่บรรยากาศรอบตัวหลี่ชิงชิงเปลี่ยนไป นางถูกพลังของธาตุทั้งห้าที่มองไม่เห็นห้อมล้อมเอาไว้แววตามาดมั่นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นไม่ต่างจากเทพสงครามเฉินเสวี่ยทุกย่างก้าวที่หลี่ชิงชิงก้าวเดินเกิดเป็นคลื่นน้ำรองรับน้ำหนักของนาง"จอมมารชั่ว! เจ้าทำลายสำนักเมฆาล่องลอย เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ รวมถึงอาจารย์ป้าของข้า!"ทุกคำของนางช่างหนักหน่วง แววตามุ่งมาดหวังทำลายศัตรูตัวร้ายตรงหน้า"เจ้าลืมผู้ใดอีกหรือไม่"จอมมารบรรพกาลยั่วยุอีกคนให้นึกถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดแววตาหลี่ชิงชิงวูบไหวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาแน่วแน่ดังเดิม"ข้าจะลืมแค้นของท่านแม่ ท่านพ่อ และอาสี่ได้อย่างไร!"วันที่นางรอคอยในที่สุดก็มาถึง หลี่ชิงชิงจะได้ล้างแค้นให้กับครอบครัวที่ล่วงลับเพราะจอมมารตนนี้เสียที"วาจาสามหาวใช้ได้ วิญญาณของแม่เจ้า พ่อเจ้
: เจ้าสาวของมังกรฟ้า :มังกรฟ้าพาหลี่ชิงชิงออกมาจากห้วงจิตของนางได้สำเร็จ"มาได้สักที"มังกรทมิฬฝืนใช้พลังจนเฮือกสุดท้ายจึงเอ่ยประชดเล็กน้อยที่เห็นสหายทำภารกิจลุล่วงหลี่ชิงชิงตื่นจากการควบคุมของจอมมาร นางรีบใช้คัมภีร์เหมันสดับสวรรค์ชำระล้างพร้อมขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่หลงเหลืออยู่ออกจากกายจนหมดสิ้น"พวกเจ้า! พวกเจ้ากล้าขัดขวางแผนการครองใต้หล้าข้า!"เสียงแห่งความเกรี้ยวกราดของจอมมารบรรพกาลดังขึ้น มันใช้พลังทั้งหมดสะบั้นแส้อัสนีกาลของมังกรทมิฬจนขาดกระจายอั่ก!เมื่อเอ็นมังกรถูกทำลาย มังกรทมิฬจึงบาดเจ็บล้มฟุบลงกับพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาก่อนจะหมดสติ ดวงวิญญาณแตกกระจายหายไปกับอากาศ"หลงเซ่อ!"เสียงสัตว์เทพทั้งสี่ประสานกันด้วยความตกใจมังกรฟ้าเทียนหั่วหลงเคียดแค้นยิ่งนักที่ดวงจิตอีกดวงถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตาตน"ข้าจะไม่ยอมให้การเสียสละของมังกรทมิฬสูญเปล่า"มังกรฟ้าได้พลังวิญญาณและอัคคีมรกตกลับมาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มันมีพลังเหนือปีศาจทั้งปวงเฉกเช่นแต่ก่อนเสียงดังเปรี้ยงปร้างพร้อมแสงวาบสว่างไสวปรากฎขึ้นเหนือท้องนภาที่ย้อมไปด้วยสีราวเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา ไม่นานแส้พิฆาตของอัคคีมรกตก็ฟาดเข้ากั
ภายในห้วงจิตของหลี่ชิงชิงในเวลานี้แตกต่างจากครั้งแรกที่เทียนหั่วหลงเคยเข้ามาพื้นที่เวิ้งว้างแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลหมอกสีดำทมึน กลิ่นไอความชั่วร้ายของจอมมารบรรพกาลกำลังกลืนกินทุกอย่างที่เป็นตัวตนของนางจากในห้วงจิตนี้มังกรฟ้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง หากเขามัวแต่เดินสุ่มทิศทางอยู่แบบนี้คงหาเจ้าของห้วงจิตไม่เจอ เวลายิ่งมีจำกัดเขาจึงเปลี่ยนแผนการใหม่"กระดิ่งมังกรสำแดงฤทธิ์!"มังกรฟ้าใช้อาคมเรียกกระดิ่งมังกรที่อยู่บนตัวหลี่ชิงชิง เสียงกระดิ่งดังก้องกังวาลรอบกายยากแก่การเดาทิศทางที่มาของเสียงเทียนหั่วหลงรีบตั้งค่ายกลขจัดไอมารออกไปเพื่อเพิ่มการรับรู้ทิศทางของกระดิ่งมังกรให้ชัดเจนอั่ก!เขาสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก การใช้อาคมเวทย์ยิ่งขั้นสูงและฝืนใช้มากเท่าไรยิ่งสะท้อนกลับตัวมังกรฟ้าเองมากเท่านั้นเทียนหั่วหลงกลับมาตั้งสมาธิอีกครั้ง เขาหลับตาลงพร้อมกับกำหนดจิตให้แน่วแน่ นึกถึงเพียงหลี่ชิงชิงจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่นานปรากฎแสงสว่างรำไรส่องอยู่ไม่ไกลจากจุดที่มังกรฟ้ายืนอยู่เทียนหั่วหลงมองเห็นคนที่ตามหากำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้นโดยมีแสงสีขาวนั้นคอยปกป้องร่างหลี่ชิงชิงเอาไว้ทำให้จอมมารบรรพการไม่สามารถค
ตู้ม!จอมมารหงุดหงิดใจที่เหล่าเทพชั้นต่ำเอาแต่พร่ำบ่นให้เขารำคาญหูจึงซัดพลังโจมตีเทพที่มาใหม่จนได้รับบาดเจ็บเจียนตาย"เสวียนอวี่ ข้าฝากท่านส่งท่านเทพเหล่านั้นกลับสวรรค์ด้วย"มังกรฟ้าเคลื่อนสายตากลับมาสบมองจอมมารในร่างหลี่ชิงชิงต่อภายในอุ้งมือมังกรฟ้าเกิดเป็นกลุ่มพลังสายหนึ่งขึ้นมา"อัคคีมรกตพิฆาต!"การโจมตีที่หนักหน่วงและแข็งแกร่งของมังกรฟ้าสั่นสะเทือนไปทั้งสามภพ จอมมารปัดป้องได้ทว่าก็ถูกพลังโจมตีนั้นทำให้ได้รับบาดเจ็บประมาณหนึ่งเทียนหั่วหลงเห็นสีหน้าหลี่ชิงชิงเจ็บปวดใจเขาก็ปวดตาม'อดทนอีกนิด ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้'เทียนหั่วหลงกลับมารวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อโจมตีจอมมารบรรพกาลการต่อสู้ของมังกรฟ้ากับจอมมารดำเนินไปหลายชั่วยาม ทั้งคู่ผลัดกันจู่โจมผลัดกันปัดป้อง พลังวิญญาณของมังกรฟ้าที่ได้จากหลี่ชิงชิงคืนมาจากครานั้นฟื้นคืนแปดส่วน หากแต่ตอนนี้เขาใช้จัดการจอมมารจนแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงสู้ต่ออั่ก!เทียนหั่วหลงหลบการโจมตีครั้งนี้ไม่ทัน เขาถูกพลังมืดซัดเข้าเต็ม ๆ จนกระอักเลือดเหนียวข้นออกมามังกรทมิฬเห็นท่าไม่ดีหากปล่อยให้มังกรฟ้าสู้ตัวต่อตัวอีกแก่นวิญญาณคงแตกดับเป็นแน่"ข้าฝากทางนี้ด้วย"เท
คราที่หยวนอวิ๋นกำลังจะหมดแรงปรากฎสายอัสนีทมิฬฟาดลงมายังจอมมารบรรพการที่อยู่ในร่างของหลี่ชิงชิงเข้าอย่างจัง"จอมมารน่ารังเกียจ"มังกรทมิฬเทียนหลงเซ่อปรากฎเหนือเวหาด้วยท่วงท่าสง่างาม"คุณชายเทียน"กว่างเซียงเซียงเอ่ยนามผู้ที่เคยช่วยเหลือนางจากปีศาจบุปผา"เจ้ารู้จักเทพผู้นั้น"กว่างเซียงเซียงพยักหน้า หากแต่นางไม่ตอบกลับใด ๆ ในใจรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วนตั้งแต่คนผู้นี้ปรากฎกายขึ้น"เจ้ามีกลิ่นไอของข้า"จอมมารบรรพกาลสูดดมกลิ่นของมังกรทมิฬ"เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ถูกตัดทิ้งของเทพผู้สร้างยังกล้าเอาตัวเองมาเทียบเท่ากับข้า"คำพูดเสียดแทงใจของเทียนหลงเซ่อสร้างความเคืองขุ่นให้จอมมารหลายเท่า มันไม่รอเวลารีบใช้อาคมของเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นสามซัดไปยังเทียนหลงเซ่อ"น่าขยะแขยง ยึดร่างกายผู้อื่นไม่พอ ยังลอบใช้พลังของนางอีก เจ้าคงไร้พลังจริง ๆ"เทียนหลงเซ่อหลบการโจมตีได้ก็หาเรื่องยั่วโมโหจอมมารทันทีคนถูกดูถูกแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา"มังกรทมิฬหน้าโง่ คิดหรือว่าเจ้าเพียงคนเดียวจะช่วยมนุษย์นางนี้จากข้าได้""ใครว่าคนเดียวกัน!"เสียงดุดันดังขึ้นพร้อมกับเพลิงกัลป์พวยพุ่งโจมตีร่างของหลี่ชิงชิงอย่างไม่ยั้งมือ"ห
: ศึกสัตว์เทพกับจอมมาร :ถ้ำบนเขาเซียนลู่ผ่านมาแล้วสามวันที่หลี่ชิงชิงแยกทางจากมังกรฟ้ากลับเขาเมฆา ผู้เป็นใหญ่เหนือปีศาจทั้งปวงยังคงไม่มีวี่แววจะฟื้นเทียนหลงเซ่อถ่ายทอดพลังอัคคีกาลเพื่อปลุกให้มังกรฟ้าตื่นจากการจำศีลซึ่งเป็นวิธีการรักษาชีวิตของเผ่ามังกรเมื่อแก่นพลังวิญญาณบาดเจ็บสาหัสจนอาจดับสูญ เผ่ามังกรจะเข้าสู่การจำศีลเพื่อรักษาแก่นพลังวิญญาณของตนไม่ให้ดวงจิตแตกดับอั่ก!เมื่อฝืนใช้พลังเกินขีดจำกัดในสภาพที่ฝืนแยกกายหยาบออกมาหลังหมดคืนจันทร์เพ็ญทำให้มังกรทมิฬบาดเจ็บสาหัสถึงแก่นพลังวิญญาณเช่นกัน เทียนหลงเซ่อกระอักเลือดออกมาทำเอาอาเล่ยที่คอยดูแลไม่ห่างตกใจ"ท่านมังกรทมิฬ!"อาเล่ยรีบเข้ามาช่วยพยุงมังกรทมิฬที่ใบหน้าซีดเซียวร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาพักผ่อนบนโขดหิน"ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ"ภูติหิ่งห้อยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เทียนหลงเซ่อส่ายหน้าเล็กน้อยบอกว่าตนยังไหว"ทำไมนายท่านถึงยังไม่ฟื้นขอรับ"อาเล่ยมองไปยังมังกรฟ้าที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว พลังของมังกรทมิฬก็สูสีกับมังกรฟ้าเหตุใดถึงยังไม่สามารถปลุกนายเขาให้ตื่นได้"แก่นวิญญาณของหั่วหลงเสียหายเป็นอย่างมาก ต
หยวนอวิ๋นเห็นถึงความผิดปกติจึงเอื้อมมือไปเขย่าแม่บุญธรรมตนเบา ๆ หากแต่เพียงแค่ปลายนิ้วเขาแตะโดนอาภรณ์สีขาวสะอาดนั้นก็ถูกพลังบางอย่างสะท้อนทำร้าย"ไอมาร!"หยวนอวิ๋นรีบถอยห่างออกมาจากร่างของเจ้าสำนักหยวนจี ไม่นานไอสีดำก็พวยพุ่งเป็นกลุ่มควันลอยออกมาจากร่างของหยวนจีสร้างความแตกตื่นหวาดกลัวให้กับเหล่าศิษย์ทั้งหลาย"ไม่จริง! เป็นแบบนี้ได้เช่นไร"หลี่ชิงชิงมีพลังปราณแท้ตื่นรู้ที่บริสุทธิ์ ไอมารแค่นี้ทำอะไรนางไม่ได้ ร่างงามจึงเดินผ่ากลุ่มไอชั่วร้ายนั้นไปยังร่างของหยวนจีที่นอนสงบนิ่งนางสะบัดมือเพียงครั้งกลุ่มไอชั่วร้ายก็สลายหายไปจากพลังของเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นชำระล้าง"อาจารย์ป้า"หลี่ชิงชิงเอื้อมมือไปประคองหยวนจีขึ้นมาพิงไว้ที่ตัวนางเองร่างกายของหยวนจียังอุ่นอยู่ นางเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เมื่อคำนวณดูเวลาแล้วน่าจะเป็นช่วงที่มีปีศาจกลุ่มนั้นปรากฎที่หน้าถ้ำ"ฝีมือใคร!"เสียงเย็นยะเยือกของหลี่ชิงชิงดังขึ้นบัดนี้ดาวของเจ้าสำนักหยวนจีดับมืดล่วงหล่นไปแล้ว"ศ...ศิษย์พี่...สาม"เสียงสั่นกลัวของศิษย์น้องเสี่ยวโยวดังขึ้นตอนที่เยว่ฟางปลิดชีพเจ้าสำนักหยวนจีนางไม่ได้สังเกตเห็นเสี่ยวโยวน้อยที่นอนอยู่ใต
: ตกสู่วิถีมาร :ครึ่งชั่วยามต่อมา...หลี่ชิงชิงนั่งเฝ้าเจ้าสำนักหยวนจีอย่างไม่หลับไม่นอน เมื่อเห็นว่าอาจารย์ป้าของนางชีพจรคงที ลมปราณกลับมาเดินปกติจึงผละออกมานั่งคิดถึงเทียนหั่วหลง นางไม่รู้ว่าป่านนี้มังกรฟ้าผู้นั้นจะฟื้นแล้วหรือยัง"กินอะไรก่อนเถิด"หยวนอวิ๋นที่เดินตรวจตราเขตอาคมปากถ้ำเสร็จจึงเดินกลับมาดูแลศิษย์น้องห้า เขาหยิบแผ่นแป้งทอดติดมือมายื่นให้หลี่ชิงชิง"ข้ายังไม่หิว"แม้หลี่ชิงชิงจะปฏิเสธแต่หยวนอวิ๋นก็มองออกว่าศิษย์น้องผู้นี้คงมีเรื่องในใจให้คิดจนกินอะไรไม่ลงมากกว่าเขาจึงเปลี่ยนวิธีแบฝ่ามือออกเพื่อขออะไรบางอย่าง"ถุงเฉียนคุน""อ้อ นี่เจ้าค่ะ"หลี่ชิงชิงรีบปลดถุงเฉียนคุนส่งคืนให้เจ้าของหยวนอวิ๋นรับมาก่อนจะเทเอาของบางอย่างออกมา"ลูกกวาด"หลี่ชิงชิงเห็นลูกกวาดหลากสีถึงกับดีใจ"อ้าปาก"หยวนอวิ๋นแกะลูกกวาดออกมาหนึ่งเม็ดพร้อมสั่งให้คนตาลุกวาวเมื่อเห็นของชอบอ้าปาก"หวานไหม""อื้อ"หลี่ชิงชิงเคี้ยวลูกกวาดที่ศิษย์พี่ใหญ่ป้อนให้ตุ้ย ๆ ด้วยความอารมณ์ดีหยวนอวิ๋นเห็นศิษย์น้องที่เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดมาหลายชั่วยามยิ้มออกเขาก็โล่งใจ เผลอเอื้อมมือไปลูบผมหลี่ชิงชิงด้วยความเอ็นดู"ก่อนหน