Share

บทที่ 152

Penulis: ไห่ตงชิง
“ท่านราชเลขาต้องการองค์ชายสักองค์เพื่อยืนหยัดต่อสู้กับองค์รัชทายาท ส่วนข้าก็ต้องการการสนับสนุนจากท่านราชเลขา”

หลี่อิ๋นหู่กัดฟันพูดว่า “ดังนั้นพวกเราจึงเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุด”

จ้าวเสวียนจีส่ายหัวอย่างสบายๆ ก่อนจะพูดว่า “แค่นั้นยังไม่พอหรอก”

“ในบรรดาองค์ชาย ไม่ได้มีแค่องค์ชายแปดเพียงพระองค์เดียว แต่ยังมีองค์ชายอีกสองพระองค์ แล้วเหตุใดกระหม่อมถึงต้องร่วมมือกับองค์ชายแปดด้วย?”

หลี่อิ๋นหู่แสยะยิ้มอย่างเย็นชา “มารดาผู้ให้กำเนิดของพวกเขายังอยู่ และยิ่งไปกว่านั้น แต่ละคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง”

“พี่สี่หมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้และการทหาร เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใด นอกจากนี้เขายังเป็นคนประมาทไม่รอบคอบ อีกทั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน พวกเราต่างก็เน้นไปที่วรรณกรรม และปราบปรามศิลปะการต่อสู้ พี่สี่อาจจะมีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่ทัพ และยังเป็นยอดฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นองค์จักรพรรดิ เพราะเหล่าบัณฑิตในใต้หล้าจะไม่เห็นด้วย”

“ส่วนพี่หกก็ใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อย วันทั้งวันก็เอาแต่ปลอมตัวไปเที่ยวเล่น ขึ้นเขาลงน้ำเตร็ดเตร่อยู่กับสาวงาม ส่วนมารดาผู้ให้กำเนิดแซ่เจิ้งนั้น เด
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 153

    เฉินทงเบิกตากว้าง ความตกใจปรากฏบนใบหน้าหลี่เฉินก้มศีรษะลงเพื่อดื่มชาแล้วพูดว่า “เดิมทีข้าคิดว่าเป็นจ้าวเสวียนจี แต่ปฏิกิริยาของเขาไม่ถูกต้อง ถ้าเขาทำ เกรงว่าคืนนี้คงไม่ง่ายนักที่ข้าจะจัดการกับผลที่ตามมา แต่เห็นได้ชัดว่า การฆาตกรรมกะทันหันในครั้งนี้ ทำให้เขามือไม้ปั่นป่วนเพียงใด...บางทีเขาอาจจะเตรียมวางแผนสังหารองค์ชายเก้าเอาไว้แล้ว หรืออาจจะไม่ ใครจะรู้ แต่มันไม่สำคัญ”“ส่งคนฉลาดสองสามคนไปจับตาดูเจ้าแปดซะ”หลี่เฉินวางถ้วยชาลงแล้วพูดอย่างใจเย็น “สองคนนี้น่าจะร่วมมือกันแล้ว อีกไม่กี่วันข้างหน้า คงจะแสดงออกมาให้เห็น เรามารอดูกันเถอะ”เฉินทงกล่าวด้วยความเคารพ “กระหม่อมเข้าใจ.. นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่อง”“จ้าวเหอซานมาถึงเมืองหลวงในวันนี้ แต่มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทันทีที่จ้าวเหอซานมาถึงเมืองหลวง เขาก็ถูกกลุ่มอันธพาลโจมตี ถึงแม้ว่าจ้าวเหอซานจะรอดชีวิต แต่ภรรยาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะเสียชีวิต องครักษ์เสื้อแพรกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ แต่มีพวกอันธพาลเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกจับได้ จนถึงตอนนี้ก็ทราบแล้วว่า พวกเขาถูกจ้างวานมาฆ่าคน แต่เบาะแสเพิ่มเติมถูกกำจัดออกไปแล้ว ทำใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 154

    “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท”จ้าวเหอซานระงับความคิดของเขา และประสานมือกล่าวด้วยความเคารพหลี่เฉินโบกมือและพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “ท่านเป็นบิดาของหรุ่ยเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าตามกฎหมายแล้วจะไม่ถือว่าเป็นญาติที่เกี่ยวดองกัน แต่ตอนนี้ข้ามีแค่หรุ่ยเอ๋อร์เท่านั้น และนางก็เป็นที่โปรดปรานของข้า ในฐานะบิดาของนาง หากเจ้าถูกลอบสังหาร ข้าย่อมไม่นิ่งดูดาย”ขณะที่พูด หลี่เฉินก็เปิดรายงานลับบนโต๊ะ และอ่านข้อมูลของจ้าวเหอซานที่เขียนไว้อย่างละเอียด พลางกล่าวว่า “จ้าวเหอซาน เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของจ้าวเสวียนจี เครือญาติที่ใกล้ชิดลำดับที่ 5 สอบผ่านการสอบขุนนางและเป็นจิ้นซื่อในปีแรกของรัชสมัยจักรรพดิองค์ปัจจุบัน ในปีเดียวกันนั้นก็ได้เข้าสู่สำนักฮั่นหลินในฐานะบรรณาธิการ หนึ่งปีต่อมา ก็ถูกย้ายไปยังท้องถิ่น และดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอไหวเหอ หลังจากดำรงตำแหน่งเป็นเวลาสามปี ผลงานของท่านก็ได้รับการประเมินจากกรมขุนนางว่าโดดเด่นเป็นเลิศ อยู่เหนือเหล่าจิ้นซื่อในปีเดียวกัน”“ต่อมา ได้รับยื่นเสนอขุนนางให้เลื่อนขั้นต่อราชสำนักโดยจ้าวเสวียนจี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายกรมขุนนางในขณะนั้น ท่านจึงรับหน้าที่เป็นทห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 155

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวเหอซานพูดไม่ออกเขาเผยสีหน้าละอายใจออกมา และพูดว่า “ตัวกระหม่อมไม่รู้สึกเสียใจใดๆ คำพูดและการกระทำของท่านราชเลขา ก็ไม่ใช่การกระทำของขุนนางทั้งหมด แม้ว่าตัวกระหม่อมนั้นจะต่ำต้อย แต่ในใจยังคงมีความทะเยอทะยาน ในฐานะขุนนางกินเงินเดือนของราชา ต้องกังวลเรื่องของราชา หากไม่สามารถแบ่งเบาภาระได้ ก็ควรจะกลับบ้านเกิดไปเสีย...เพียงแต่ภรรยาและลูกสาวต้องพลอยลำบากไปด้วย จึงทำให้กระหม่อมรู้สึกไม่สบายใจนัก”หลี่เฉินยิ้มและไม่พูดอะไรแน่นอนว่าเขาไม่เชื่อคำพูดนี้หรอกหากจ้าวเหอซานมีกระดูกสันหลังพอ เขาควรจะลาออกโดยตรงเมื่อถูกลดตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นจ้าวเสวียนจีหรือองค์จักรพรรดิ ก็คงจะขวางเขาไม่ได้พูดตรงๆ อย่างที่จ้าวเหอซานตระหนักดีว่า เขาเป็นเพียงของใช้แล้วทิ้ง จ้าวเสวียนจีล้มเหลวในการลงทุนกับเขา ส่วนองค์จักรพรรดิก็แค่อยากจะกำจัดเครื่องมือของจ้าวเสวียนจีทิ้ง ดังนั้นทั้งสองจึงไม่สนใจเขามากนักอย่างไรก็ตาม คนที่เคยลิ้มรสในอำนาจ ย่อมรู้ดีกว่าคนที่ไม่เคยได้ลิ้มรสมัน เมื่อได้ลองชิมแล้วก็รู้สึกมัวเมา และยากจะปล่อยมันไปจ้าวเหอซานไม่ใช่นักบุญ จึงไม่สามารถทนต่อรสชาติแห่งอำนาจได้บ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 156

    “นี่เป็นความอัปยศที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับจักรวรรดิต้าฉินของเราในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา องค์จักรพรรดิทรงพิโรธมาก ทหารใหม่ก็สู้จนตัวตาย ทหารเก่าและผู้บัญชาการก็ถูกตัดศีรษะ เช่นเดียวกับรองเสนาบดีกรมยุทธนาการฝ่ายซ้ายและขวาที่ถูกตัดศีรษะด้วยเช่นกัน มีเพียงต้วนจิ่นเจียง เสนาบดีกรมยุทธนาการที่โชคดีรอดมาได้ ซึ่งตอนนี้จิ่นเจียงเป็นมหาอำมาตย์เหวินเก๋อในสำนักราชเลขา เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในราชสำนักที่เชี่ยวชาญความลับด้านการทหารทั้งหมด”จ้าวเหอซานหายใจเข้าและพูดต่อว่า “หลังจากการต่อสู้ในครั้งนั้น เหยียนไจ้เต้าก็มีชื่อเสียงขึ้นมา ข่านของอาณาจักรเหลียว เย่ลู่อาเปา จึงแต่งตั้งให้เขากลายเป็นอัครมหาเสนาบดี”“เหยียนไจ้เต้ารับหน้าที่เป็นอัครมหาเสนาบดี และกุมอำนาจทางการทหารของอาณาจักรเหลียว จักรวรรดิต้าฉินของพวกเราพยายามโจมตีอาณาจักรเหลียว ต่อสู้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง โดยมีกำลังพลมากกว่า 200,000 นาย และมีค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่กลับไม่ได้รับชัยชนะ!”“ด้วยเหตุนี้ ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพจึงตกต่ำลง เสียงเรียกร้องให้ยุติสงครามและสร้างสันติภาพในราชสำนักก็แข็งแกร่งขึ้น และบารมีของกองทัพก็เสื่อมถอยลงอย่างสิ้นเชิง”“ราช

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 157

    เฉินทงตอบกลับอย่างไม่ลังเลว่า “ต้วนจิ่นเจียงผู้นี้มักจะถ่อมตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เข้ามาในสำนักราชเลขาแล้ว เขาก็แทบจะไม่มีปากมีเสียง เรื่องส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจ้าวเสวียนจี”“เขาใช้ชีวิตอย่างสันโดษในวันธรรมดา งานอดิเรกที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือ การสะสมตำราทหารและการเขียนพู่กันของผู้ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับยักษ์ใหญ่ในวงการวรรณกรรมอย่างท่านจิ้งจือ ซึ่งทั้งสองเป็นสหายสนิทกัน นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉินทงก็ดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ และพูดต่อไปว่า “อย่างไรก็ตาม บุตรชายของต้วนจิ่นเจียง ต้วนจั่งเหมียนเป็นลูกผู้ดีที่เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง เมื่อไม่นานมานี้ ฝ่าบาททรงมีพระราชดำสั่งให้กระหม่อมจับตาดูทูตเสียนเฉาอย่างใกล้ชิด พวกเราจึงรู้ว่าหลังจากที่ต้วนจั่งเหมียนได้พบกับองค์หญิงเสียนเฉา อีกฝ่ายก็ตกหลุมรักนางจนโงหัวไม่ขึ้น แทบจะตอบรับทุกคำขอของนางเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับนางทุกวัน และเพราะเขา องค์หญิงเสียนเฉาจึงไปเยือนที่จวนต้วนหลายครั้ง ซึ่งต้วนจิ่นเจียงก็ไม่ปฏิเสธ และยังต้อนรับเสมอ”หลี่เฉินหรี่ตาลงแล้วก็ยืนขึ้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 158

    เมื่อคนเหล่านี้เห็นว่าเป็นคุณชายต้วนที่ถูกโยนออกมา ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ราวกับเห็นขงจื้อกลับชาติมาเกิดใหม่ ต้วนจั่งเหมียนลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขารู้สึกอับอายชั่วชีวิตนี้ เขาไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อนจู่ๆ ชายหนุ่มที่ไม่ทราบที่มาก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่เขาจะได้ตำหนิ ชายคนนั้นก็ให้ลูกสมุนที่อยู่ด้านหลังโยนเขาออกมา ความอัปยศเช่นนี้ ทำให้ดวงตาของต้วนจั่งเหมียนแดงก่ำด้วยความแค้นเขายืนขึ้นและกำลังจะกลับเข้าไปใหม่ แต่กลับเห็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าไร้อารมณ์เดินออกมาขวางไว้ “ไอ้บ่าวสุนัข ไสหัวไปซะ!” ต้วนจั่งเหมียนตะคอกเฉินทงยิ้มกว้าง นึกถึงคำสั่งที่องค์รัชทายาทสั่งไว้ในใจ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายข้าบอกว่า ถ้าเจ้ารู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร ก็ให้รีบออกไปจากที่นี่ซะ แต่ถ้าไม่รู้...”“แล้วถ้าไม่รู้ คุณชายเจ้าจะทำยังไงกับข้าล่ะ!?”ต้วนจั่งเหมียนโกรธจัด ไม่เคยมีใครพูดจาข่มขู่เขาเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาจะถูกคนอื่นข่มขู่ตอนนี้เอง แผนการชั่วร้ายนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลออกมา เขากำลัง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 159

    คำว่าออกไปซะ ทำให้คุณชายที่อยู่ที่นั่นต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้นสุดขีด กี่ปีแล้วนะ กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้ยินคนพูดคำนี้กับต้วนจั่งเหมียน?ทุกคนลองสมมุติว่า ถ้าหากตัวเองถูกฉีกหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ และโดนด่าว่าให้ออกไปซะ ความรู้สึกนั้น คงเหมือนกับโดนแทงตรงๆ สำหรับทายาทขุนนางเหล่านี้ การเสียหน้า ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ต้วนจั่งเหมียนกัดฟันจนแทบหักปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด ขณะตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นดิน เขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “ก็แค่สุนัขตามก้นของซูผิงเป่ย แล้วอย่างไรล่ะ? เขาเข้าไปในห้องขององค์หญิงเสียเฉาหรือเปล่า”ต้วนจั่งเหมียนหัวเราะเยาะ หลังจากเช็ดเลือดกำเดาตรงจมูกออก เลือดที่แดงและเหนียวก็เปื้อนไปทั่วหน้า ทำให้เขาดูน่ากลัวและน่าตลก“เขากล้าที่จะบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวขององค์หญิงจิน? นี่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองประเทศ ระวังจะเสียหัว!”ต้วนจั่งเหมียนเพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงอุทานด้วยความตกใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากด้านใน “เจ้าเข้ามาได้อย่างไร!?”ทุกคนที่นี่ ล้วนเคยพบจินเสวี่ยยวนมาแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่ถูกความงามทำให้หลงใหลเช่นนี้หรอก ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ได้ทันทีว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 160

    จินเสวี่ยยวนสละความบริสุทธิ์ของนาง แล้วหลี่เฉินจะช่วยให้นางได้พบกับองค์รัชทายาทนี่เป็นข้อตกลงที่ทั้งสองเคยเจรจากันมาก่อนจินเสวี่ยยวนคิดว่าหลี่เฉินแค่หาข้ออ้างรังแกนาง แต่ไม่คาดคิดว่าหลี่เฉินจะนำข่าวมาจริงๆนางรีบถามทันทีว่า “ได้ข่าวว่าอย่างไร? องค์รัชทายาทตกลงจะพบข้าหรือไม่?”“พบองค์รัชทายาทหรือ”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “จะบอกว่าง่ายก็ง่าย จะบอกว่ายากก็ยาก”สีหน้าของจินเสวี่ยยวนพลันเย็นชา “เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ?”“อดทนและฟังสิ่งที่ข้าจะพูด”หลี่เฉินรู้สึกเหนื่อย จึงเอนตัวไปบนเก้าอี้เบาะนุ่ม จากนั้นก็ชี้ไปยังองุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะชาเล็กๆ จินเสวี่ยยวนตาโต ก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”หลี่เฉินพูดออกไปตามตรงว่า “ป้อนข้า”จินเสวี่ยยวนกัดฟันแน่น นางแทบทนไม่ไหวอยากจะชักมีดออกมาแทงหลี่เฉินให้ตายเพื่อบรรเทาความโกรธของนาง “ฝันไปเถอะ!”จินเสวี่ยยวนพูดอย่างดื้อรั้น “ไม่ว่าข้าจะผิดหวังแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรเสียนเฉา เจ้าจะทำเช่นนั้นกับข้าได้อย่างไร? ให้ข้าทำตัวเป็นสาวใช้ของเจ้า?”“เพื่อให้เจ้าได้พบกับองค์รัชทายาท”หลี่เฉินกล่าวด้วยร

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 934

    องค์รัชทายาทฆ่าคนมาแล้วมากมายมีตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่พิสูจน์ว่า ไม่มีใครที่องค์รัชทายาทไม่กล้าฆ่ามหาบัณฑิตจากสำนักราชเลขา? เขาก็เคยฆ่ามาแล้วแม้แต่ทูตจากแคว้นเหลียว เขายังสังหารต่อหน้าเย่ลู่เสินเสวียนได้เลยชื่อเสียงแห่งความโหดเหี้ยมขององค์รัชทายาท สร้างขึ้นมาจากเลือดของคนเหล่านั้นดังนั้นเมื่อเขากล่าวว่า จะฆ่าจ้าวเสวียนจี ไม่มีขุนนางคนใดในท้องพระโรงที่คิดว่าเขาไม่กล้าทำยกเว้นเพียง จ้าวเสวียนจีเพียงผู้เดียวเขาเงยหน้ามองหลี่เฉิน สีหน้าเรียบเฉย ก่อนกล่าวว่า "หากองค์รัชทายาทเห็นว่าหม่อมฉันสมควรถูกสังหาร หม่อมฉันก็ยินดีมอบศีรษะนี้ให้พระองค์ได้ลงมือ"มีบางปัญหา หากแก้ไม่ได้ ก็ตัดรากถอนโคนมันเสียแต่บางปัญหา หากแก้ไขได้ ก็ควรแก้ไขที่ตัวปัญหา การกำจัดคนที่สร้างปัญหาออกไป อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมจ้าวเสวียนจีเข้าใจเรื่องนี้ดี และหลี่เฉินก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจ้าวเสวียนจีจึงไม่รู้สึกหวาดหวั่นเพราะหากหลี่เฉินเสียสติถึงขั้นสังหารเขาต่อหน้าขุนนางทั้งหมด วันพรุ่งนี้ ราชสำนักต้าฉินก็ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆและนี่คือราคาที่หลี่เฉินไม่มีทางยอมจ่ายและเขาก็ไม่ยอมจ่ายจริงๆ“

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 933

    “ข้าเป็นองค์รัชทายาท ส่วนเจ้าเป็นเพียงองค์ชายต่ำศักดิ์ เจ้ามากราดเกรี้ยวต่อราชสำนักเยี่ยงนี้ แล้วขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษเล่า? ความอาวุโสลำดับชั้นเล่า?”“ข้ามีพระราชโองการจากเสด็จพ่อ ประทานอำนาจสำเร็จราชการให้ข้าดูแลกิจการทั้งปวงของราชสำนัก หากเจ้าขัดข้า ก็เท่ากับขัดขืนเสด็จพ่อ มีสิ่งใดแตกต่างจากการก่อกบฏ?”สองประโยคของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะกล่าวสิ่งใด แต่ด้วยฐานะของหลี่เฉินและพระราชโองการที่พระบิดามอบให้นั้น ก็เหมือนกับชุดเกราะที่ทำให้หลี่เฉินอยู่ในสถานะไร้เทียมทานนี่คืออำนาจทางกฎหมายที่ไม่มีใครข้ามผ่านไปได้และในแผ่นดินนี้ มีเพียงต้าสิงฮ่องเต้เท่านั้น ที่สามารถเพิกถอนอำนาจนี้ได้แต่พระราชโองการนี้ เป็นสิ่งที่ต้าสิงฮ่องเต้ทรงมอบให้หลี่เฉินด้วยพระองค์เอง พระองค์จะทรงเพิกถอนมันได้หรือ?อย่างน้อย... ตอนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกอึดอัดจนแทบกระอักเลือดในเวลานี้ จ้าวเสวียนจีจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“องค์รัชทายาท หน้าที่ของขุนนาง คือการช่วยเหลือฝ่าบาทบริหารราชกิจ แต่ในยามที่ผู้ครองอำนาจขาดวิจารณญาณ พวกเราต้องกล้าที่จะทูลทัดทาน กล้าท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 932

    “ผู้อาวุโสหมายความว่า ให้ข้าสละตำแหน่ง แล้วให้จ้าวอ๋องขึ้นมาแทนหรือ?”เสียงของหลี่เฉินหนักแน่น ก้องกังวานไปทั่วพระที่นั่งไท่เหอจ้าวเสวียนจีหาได้หวั่นไหวไม่ สีหน้าสงบนิ่ง ทว่าคำพูดกลับเฉียบคมและหนักแน่น “องค์รัชทายาททรงตรากตรำเพื่อราชสำนักมาเนิ่นนาน ถึงเวลาสมควรพักผ่อนเสียบ้าง ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์พี่น้องเหนือสิ่งอื่นใด ให้จ้าวอ๋องช่วยแบ่งเบาภาระพระองค์ ถือเป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานแน่นอน”“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”หลี่อิ๋นหู่ตื่นเต้นจนตัวสั่น เขาแทบจะมองเห็นภาพตนเองยืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกร และยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่เขาได้นั่งบนบัลลังก์ด้วยตนเองเริ่มแจ่มชัดขึ้นทุกทีแต่ละภาพที่แล่นเข้ามาในหัว ล้วนทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่านเขาหันไปมองหลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหมายลึกซึ้ง “องค์รัชทายาท ข้าน้อยแม้ความสามารถด้อยกว่า แต่ก็เต็มใจแบ่งเบาภาระของพระองค์ ขอองค์รัชทายาทได้โปรดเห็นแก่ความหวังดีของข้าด้วย”เสียงของหลี่เฉินเย็นชา ทว่าเปี่ยมด้วยอำนาจ เขาแม้แต่จะปรายตามองหลี่อิ๋นหู่ยังไม่คิดจะทำ “ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด ถอยไปซะ!”สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างทันทีถูกตว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 931

    เมื่อสวีฉังชิงก้าวออกมา บรรยากาศในพระที่นั่งไท่เหอก็พลันคึกคักขึ้นทันทีเหล่าขุนนางจากสำนักราชเลขาต่างออกมาตอบโต้โจมตีสวีฉังชิง แต่ฝ่ายตำหนักบูรพาเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้เช่นกันด้วยการนำของสวีฉังชิง ขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาก็เริ่มลุกขึ้นมาโต้กลับ แม้ว่าจำนวนจะน้อยกว่า อายุโดยรวมจะอ่อนกว่า อีกทั้งตำแหน่งก็ไม่สูงเท่ากับฝ่ายสำนักราชเลขา แต่พวกเขาก็หาได้เกรงกลัวไม่ปะทะกันไปมา เพียงไม่กี่คำก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธจนแทบกระอักเลือดท้ายที่สุด ด้วยการส่งสัญญาณของซูเจิ้นถิง กองทัพก็ลงมาร่วมวงด้วยบรรดาเหล่านายทหารผู้หยาบกระด้างเหล่านี้ โดยปกติแล้วไม่มีสิทธิ์และโอกาสมากนักในการแสดงความคิดเห็นในพระราชสำนัก แต่เมื่อมีโอกาสเข้ามาถึง พวกเขาก็ไม่รีรอการปะทะคารมระหว่างบัณฑิต แม้จะแหลมคม แต่ก็มักเต็มไปด้วยถ้อยคำสูงส่งและซับซ้อน ทว่าเมื่อฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คำพูดที่ออกมากลับเป็นภาษาชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่กระแทกใจพระที่นั่งไท่เหอวุ่นวายจนแทบกลายเป็นตลาดสดจ้าวเสวียนจีที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยไม่กล่าวอันใดมาตลอด เหลือบมองสวีฉังชิงท่ามกลางฝูงชน พลางถอนหายใจอย่างเงียบงันก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยให

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 930

    คำกล่าวของฟู่อวี้จือราวกับเป็นเข็มกระตุ้นหัวใจให้กับบรรยากาศอันตึงเครียดในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางทุกคนต่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองฟู่อวี้จือ“เงินเดือนขุนนาง ค่าใช้จ่ายของราชสำนัก ค่าจ้างทหาร ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติ ล้วนมีระเบียบและกฎเกณฑ์ คลังหลวงเก็บภาษีได้ในแต่ละปี แม้ไม่เพียงพอสำหรับทุกค่าใช้จ่าย แต่ก็สามารถจ่ายได้บางส่วน องค์รัชทายาทจะมาใช้เล่ห์กลปั่นหัวผู้คนและบิดเบือนความจริงได้อย่างไร?”คำพูดเพิ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางคัน“ใต้เท้าฟู่ คำกล่าวนี้ผิดถนัดแล้ว”ประโยคเปิดหัวคล้ายกัน แต่เปลี่ยนผู้พูดไปเป็นสวีฉังชิงเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องใช้เงินจากคลังหลวง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือคลังหลวงขาดแคลนมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงเมตตาต่อราษฎร จึงยกเว้นภาษีในหลายพื้นที่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงแต่รายได้จากภาษีลดลง แต่คลังหลวงยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ รายรับกับรายจ่ายที่สวนทางกันเช่นนี้ ใต้เท้าฟู่คิดว่าช่องว่างมันมากเพียงใดกัน?”“ปีที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะองค์รัชท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 929

    "ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้ทำสิ่งใด จะใช้ส่วนตัวหรือเติมเต็มคลังหลวงก็ตาม แต่ความจริงก็คือองค์รัชทายาทได้เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายไปแล้ว หากในอนาคตขุนนางคนอื่นมีงานมงคลหรือไว้ทุกข์ พวกเขาก็สามารถรับของขวัญเป็นจำนวนมากเช่นนี้ได้กระนั้นหรือ? เช่นนี้ไม่ใช่การส่งเสริมลมร้ายและอธรรมดอกหรือ?"คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ดังก้องไปทั่วพระที่นั่งในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม เป็นแบบอย่างของขุนนางที่ซื่อสัตย์และสุจริตจนกระทั่งหลี่เฉินจ้องมองเขาแล้วกล่าวขึ้นว่า "ดีมาก จ้าวอ๋อง ในที่สุดก็กล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกมา""ในราชสำนัก คงมีอีกหลายคนที่คิดเช่นเดียวกับเจ้าใช่หรือไม่?"สายตาของหลี่เฉินกวาดไปทั่วหมู่ขุนนางในพระที่นั่งไท่เหอก่อนเอ่ยอย่างเยือกเย็น "ผู้ใดคิดเช่นเดียวกับจ้าวอ๋อง ก้าวออกมาให้ข้าเห็นหน่อยสิ"ทั่วทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบงันจ้าวอ๋อง เป็นผู้ที่ออกตัวขัดแย้งกับองค์รัชทายาทโดยตรง แต่ผู้ใดที่มีสมองย่อมไม่กล้าออกมาสนับสนุนเขา โดยเฉพาะในเรื่องใหญ่เช่นนี้ การเลือกข้างผิดพลาด อาจหมายถึงชีวิตขุนนางที่สามารถก้าวเข้ามาในพระที่นั่งไท่เหอ และมีสิทธิ์ร่วมต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 928

    ราชโองการสำนึกผิด!ราชโองการสำนึกผิด หมายถึงราชโองการที่ใช้แถลงถึงความผิดและบาปกรรมของตนเองพูดให้ชัดเจนก็คือ หนังสือสารภาพผิดหรือคำสารภาพผิดระดับสูงสุดแต่ปัญหาก็คือ ในเมื่อเป็นราชโองการ ก็ต้องเป็นฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถออกคำสั่งนี้ได้และฮ่องเต้ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของราชสำนักในยุคศักดินา ครองแผ่นดินเป็นของตระกูล เป็นเจ้าเหนือหัวของไพร่ฟ้าทั้งปวง เขาจะทำผิดได้อย่างไร?ฮ่องเต้ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนให้เป็นผู้ถูกต้องตลอดเวลา ไม่มีวันทำผิด และเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาลหากภาพลักษณ์นี้พังทลาย ฮ่องเต้ก็จะมีอีกสมญานามหนึ่งว่า ฮ่องเต้โง่เขลาและหากมีการออกราชโองการสำนึกผิด นั่นหมายถึง ฮ่องเต้ได้ยอมรับด้วยตนเองว่าเป็น ฮ่องเต้โง่เขลาดังนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหวาเซี่ย ฮ่องเต้ที่เคยออกราชโองการสำนึกผิด มีอยู่เพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้นและพวกเขาแทบทั้งหมดออกคำสั่งนี้ในสถานการณ์เดียวกันเมื่อแคว้นของตนกำลังเผชิญปัญหาภายในและภายนอกจนใกล้ล่มสลายในช่วงเวลานี้ เพื่อเรียกความศรัทธาจากไพร่ฟ้า และเพื่อรวมพลังจากเหล่าขุนนางและแม่ทัพ ฮ่องเต้ จะออกราชโองการสำนึกผิดเน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 927

    คำพูดนี้ ต้าสิงฮ่องเต้ที่อยู่ในอาการหนัก ราวกับได้ยินพระองคทรงขยับปลายนิ้วเบาๆ ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้หากไม่สังเกตก็คงไม่มีใครเห็นหลี่เฉินนั่งตัวตรง มองต้าสิงฮ่องเต้ลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวออกจากตำหนักเฉียนชิงวันรุ่งขึ้น ราชสำนักเปิดประชุมเช้าตามปกติหลี่เฉินยืนอยู่บนแท่นพระที่นั่ง เคียงข้างบัลลังก์มังกร สายตากวาดมองหมู่ขุนนางที่ยืนเรียงรายด้านล่าง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหล่าขุนนาง หากมีเรื่องให้กราบทูล ก็กล่าวมา หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุม"แน่นอนว่าย่อมต้องมีเรื่องสายตาของหลี่เฉินแวบมองไปยัง หลี่อิ๋นหู่ โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น เขารู้ว่า นี่คือการโจมตีระลอกแรกของจ้าวเสวียนจีที่ผ่านมาในการประชุมเช้า หากเขาไม่อนุญาต หลี่อิ๋นหู่จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแต่วันนี้ เขาไม่ได้เรียกหลี่อิ๋นหู่มา ทว่าหลี่อิ๋นหู่กลับมาเองณ จุดเวลาอันอ่อนไหวเช่นนี้ ความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจมองข้ามเป็นไปตามคาด หลังจากที่หลี่เฉินกล่าวจบ หลี่อิ๋นหู่ก็ก้าวออกมาทันที "กราบทูลองค์รัชทายาท ข้ามีเรื่องจะทูล"มันเริ่มขึ้นแล้วและผู้เปิดฉาก คือหลี่อิ๋นหู่เองหลี่เฉินหรี่ตา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 926

    "องค์รัชทายาทช่างเฉลียวฉลาด"ระหว่างทางกลับไป ซูเจิ้นถิงอธิบายเรื่องราวให้หลี่เฉินฟัง"ฝ่าบาททรงวางแผนเรื่องพี่น้องตระกูลอู๋ไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ข้าเองก็เพิ่งจะได้รับรู้หลังจากที่ฝ่าบาทประชวรหนัก""ตามคำพูดของฝ่าบาท หากองค์รัชทายาทสามารถใช้ประโยชน์จากสองพี่น้องนี้ได้ ข้าจะต้องนำท่านมาที่ศาลบูรพกษัตริย์ แต่หากไม่สามารถใช้ได้ ก็ให้พวกเขาหายไปตลอดกาล"แม้ซูเจิ้นถิงจะพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่ในถ้อยคำนั้นกลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของการสังหารอันเยือกเย็นหลี่เฉินหน้าถมึงทึง "เจ้ายังปิดบังอะไรข้าอีก?"ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้น แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย "ไม่มีอีกแล้ว เพราะแผนการที่ฝ่าบาททรงวางไว้ จบลงเพียงแค่ตรงนี้ ที่เหลือจากนี้ องค์รัชทายาทต้องเดินต่อไปด้วยตนเอง"หลี่เฉินถอนหายใจเบาๆ "บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเสด็จพ่อของข้า ช่างลึกล้ำเสียจนข้าเหมือนถูกควบคุมทุกย่างก้าว""ไม่ใช่เช่นนั้น"ซูเจิ้นถิงส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง "ที่จริงแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ฝ่าบาทและข้าเคยคาดการณ์ไว้ แต่ถึงกระนั้น ฝ่าบาทก็ยังไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นได้ถึงเพียงนี้""ฝ่าบาทถึงกับเตรียมใจไว้สำ

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status