ขณะที่หลิงอวี๋กำลังชมการแสดงร้องรำทำเพลงอยู่นั้น ไป่ซุ่ยนางกำนัลข้างกายไทเฮาก็เข้ามาและกระซิบข้างหูนาง“พระชายาอ๋องอี้ เชิญตามข้ามาเจ้าค่ะ ไทเฮาต้องการพบพระชายาตามลำพัง!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง เหลือบมองขึ้นมา เห็นไทเฮาที่อยู่บนเวทีไม่ได้อยู่ที่นั่งตรงนั้นแล้วนางพยักหน้าเบา ๆ แล้วจูงหลิงเยวี่ยเดินตามไป่ซุ่ยไป“พระชายาอ๋องอี้ ไทเฮามีพระชนมายุมากแล้ว ไม่ใช่ผู้ที่จะลืมบุญคุณคน...”ไป่ซุ่ยกระซิบ “เมื่อครู่ตอนที่พระชายาจะถูกบั่นหัว ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่อยากช่วย… พระชายาคิดดูดี ๆ ก็จะเข้าใจความลำบากพระทัยของไทเฮาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋รู้ว่าไป๋ซุ่ยมีเจตนาดี มาเตือนตนเองว่า อย่าพูดเหลวไหลเมื่อพบกับไทเฮา ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจออกมาจากศาลาในสวน ก็จะพบกับศาลาแห่งหนึ่งเมื่อครู่ไทเฮาเหน็ดเหนื่อยมา จึงมานั่งพักอยู่ที่นี่“หลิงอวี๋คารวะไทเฮาเพคะ!”หลิงอวี๋ทำมือแสดงให้หลิงเยวี่ยอยู่ที่เดิม แล้วตนก็เดินไปที่บันไดและโค้งคำนับไทเฮาเหลียงถอดมงกุฎหงส์ออกแล้ว เผยให้เห็นผมสีขาวของนาง มองแล้วไม่ได้สง่างามเท่าบนเวทีก่อนหน้านี้ แต่เสื้อคลุมหงส์อันหรูหราบนร่างนั้น ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและต
หลิงอวี๋กะพริบตาปริบ ๆ นางไม่สามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับร่างของนางได้ เรื่องการให้ความสำคัญกับสามีให้มากก็ไม่ใช่แนวคิดของคนในโลกอนาคตอย่างนางสามารถรับได้แต่คำพูดของไทเฮากลับเตือนนางว่า ในสมัยโบราณอำนาจทางการเมืองมันมีขึ้นมีลง วันนี้จักรพรรดิอู่อันเป็นจักรพรรดิ แต่วันอื่นก็อาจเปลี่ยนเป็นคนอื่นเป็นจักรพรรดิได้ ตนเองจะยังสามารถเปลี่ยนเรื่องไม่ดีให้เป็นเรื่องดีได้หรือไม่?ในเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนฉินตะวันตกแล้ว นางก็ต้องหาผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งให้ตนเอง!“หลินเทียนเป็นหลานชายของข้า แม้ว่าจะมีความไม่สนิทใจต่อข้าอยู่บ้าง แต่ข้าก็ยังหวังให้เขาโชคดี!”ไทเฮามองหลิงอวี๋ พลางเอ่ยถาม “ขาของเขาบาดเจ็บ ได้ยินว่าไปหาหมอหายารักษามาทั่วทุกที่แล้วก็ยังไม่เห็นผล เจ้ามีความรู้เรื่องการรักษา เหตุใดจึงไม่คิดวิธีช่วยรักษาขาของเขาให้หายดีเล่า? เช่นนี้ก็จะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาปรองดองกันได้แล้ว!”หลิงอวี๋ใจเต้น เซียวหลินเทียนเป็นองค์ชาย อีกทั้งยังเป็นพ่อแท้ ๆ ของหลิงเยวี่ยด้วยความสัมพันธ์ขั้นนี้กับหลิงเยวี่ย นางก็คงไม่มีทางจะเป็นศัตรูกับเซียวหลินเทียนไปได้ทั้งชีวิตหรอก!ในเมื่อ
ในที่สุดงานวันฉลองพระราชสมภพก็สิ้นสุดลงตอนมาหลิงอวี๋ไม่ได้มากับเซียวหลินเทียน ตอนออกจากวังก็คร้านที่จะไปกับเขาเช่นกัน จึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินกลับไปก่อนเซียวหลินเทียนมองแผ่นหลังของหลิงเยวี่ยไปอย่างเศร้าสร้อย!เขาไม่ยอมรับว่าหลิงอวี๋เป็นชายาของตน!แต่เด็กคนนี้เป็นบุตรของเขา!เขาไม่ยอมรับไม่ได้!ชิวเหวินซวงเห็นท่าทางกังวลของเขา ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างใส่ใจ“ท่านอ๋อง เรื่องเมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินทั้งหมดแล้ว! ที่จริงแล้ว… ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันหมิ่นประมาทพระชายานะเพคะ… แต่เรื่องหยดเลือดพิสูจน์สายเลือดนี่มันไม่ได้แม่นยำจริง ๆ นี่เพคะ!”“ตามที่ข้ารู้มา มันมียาที่สามารถทำให้เลือดหลอมรวมเข้าด้วยกันได้! พระชายารู้เรื่องการวางยาพิษ จะต้องมีความรู้เรื่องยาเหล่านี้มากแน่นอนเพคะ!”“ครั้งนี้พระชายาเตรียมตัวมาอย่างดี! เอายาเช่นนี้พกติดตัวมาทาลงบนนิ้วเสี่ยวเมา เลือดที่หยดลงไปก็จะสามารถหลอมรวมเข้ากับเลือดของท่านอ๋องได้เพคะ!”“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ได้จับตาดูหรือเพคะ? ตอนที่เสี่ยวเมาขึ้นไปพระชายาลูบที่นิ้วชี้ของเสี่ยวเมานะเพคะ!”“หม่อมฉันว่า พระชายาต้องอาศัยเวลานั้นเอายาทาที่นิ้วชี้ของเสี่ยวเมาแน่นอนเพ
งานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮาสิ้นสุดลงแล้ว หลิงอวี๋ผ่านด่านนี้มาได้อย่างไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งยังได้เงินมาจำนวนมากด้วย คืนนี้จึงไปได้อย่างสบายวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋นอนหลับจนถึงมื้อเที่ยงแล้วถึงได้ตื่นเป็นประวัติการณ์เลยหลิงซินเอาน้ำมาให้ล้างหน้า หลิงอวี๋เห็นรอยดำใต้ตาสองข้างของนางจึงเอ่ยถาม“หลิงซิน เจ้าเป็นอะไรหรือ? เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไร?”หลิงซินมองนางอย่างเศร้า ๆ จากนั้นก็หยิบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งจากในอ้อมแขนของนางส่งให้หลิงอวี๋นางเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น “คุณหนู ตั๋วเงินเหล่านี้คุณหนูช่วยเก็บไว้ให้บ่าวเถิดเจ้าค่ะ! เมื่อคืนบ่าวเก็บตั๋วเงินเหล่านี้ไว้ไม่รู้ว่าจะเอาไปซ่อนตรงที่ใด! กระวนกระวายนอนไม่หลับทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วถึงหัวเราะออกมานางรับตั๋วเงินห้าหมื่นจากเกิ่งเสี่ยวหาว แล้วให้เงินเดือนที่ค้างชำระให้แม่นมลี่กับหลิงซินคนละห้าร้อยตำลึงเกิ่งเสี่ยวหาวเปิดบ่อนการพนัน นางจึงเอาห้าร้อยของทั้งสองคนไปลงเดิมพัน เงินห้าร้อยของทั้งสองคนในงานฉลองวันพระราชสมภพเมื่อคืนกลายเป็นเงินห้าหมื่นเมื่อคืนกลับมา หลิงอวี๋บอกกับทั้งสองคน ทั้งสองตกใจจนตะลึงพรึงเพริดกันไปหม
ในตอนที่รออาหารกลางวัน หลิงอวี๋มองเรือนบุหงาที่ทรุดโทรม แล้วหยิบตั๋วเงินหนึ่งหมื่นส่งให้แม่นมลี่“แม่นม ในเมื่อข้ากับเซียวหลินเทียนยังไม่สามารถทำการหย่าร้างกันได้ในช่วงระยะนี้ และเพื่อให้พวกเราอยู่ที่นี่กันอย่างดี เจ้าเอาตั๋วเงินเหล่านี้ไปจ้างช่างมาซ่อมแซมเรือนบุหงาเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างจนใจ “ห้องหลักต้องทาสีเสียใหม่! ส่วนห้องที่เจ้ากับหลิงซินอยู่ก็ต้องซ่อมแซมเสียใหม่ด้วย! มิฉะนั้นยามฤดูฝนจะต้องฝนตกรั่วแน่!”แม่นมลี่เห็นว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดล้วนเป็นความจริง จึงรับตั๋วเงินมาพลางเอ่ย“จะซ่อมแซมเรือนบุหงา จะต้องให้ท่านอ๋องอี้เห็นด้วยเจ้าค่ะ ถึงจะอนุญาตให้คนเข้ามาได้!”หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของไทเฮา นางกับเซียวหลินเทียนต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันเช่นนี้ต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี เหตุใดจึงไม่ใช้โอกาสนี้ไปซ่อมแซมความสัมพันธ์เสีย!หลิงอวี๋จึงพูด “เรื่องเล็กเช่นนี้เขาน่าจะเห็นด้วย! ประเดี๋ยวข้าไปพูดกับเขาเอง!”แม่นมลี่พยักหน้า ครุ่นคิดพลางเอ่ย “คุณหนู บ่าวอายุมากแล้ว หลิงซินก็อายุน้อย แม้ว่าเรือนบุหงาจะไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก แต่คุณชายน้อยก็ต้องการคนดูแลนะเจ้าคะ! หรือไม่ คุณหนูซื้อตัวคนรับใช้อีกส
“ท่านอ๋อง… พระชายาบอกว่ามีเรื่องมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานลังเลอยู่นาน แล้วสุดท้ายก็เข้าไปรายงาน“ไม่พบ!” เซียวหลินเทียนตอบอย่างเย็นชา“ไม่พบ? แต่หม่อมฉันเข้ามาแล้ว! ท่านไม่พบก็ทำได้แค่ต้องพบแล้วล่ะ!”เสียงของหลิงอวี๋ดังเข้ามา เซียวหลินเทียนหันไปมองอย่างรังเกียจ แล้วก็พบว่าหลิงอวี๋เดินเข้ามาแล้ว“เรือนนี้ไม่เลวเลย! ดอกไม้ต้นไม้ก็ได้รับการดูแลอย่างดี!”หลิงอวี๋เดินไปก็มองรอบ ๆ ไปด้วยเรือนหลักที่เซียวหลินเทียนอาศัยอยู่มีขนาดประมาณสิบหว่าห้อง มีการทำความสะอาดอย่างดี ทางเดินแกะสลักได้มีการทาสีใหม่มาแล้ว“สมกับที่เป็นเรือนหลัก ดูสะอาดและมีราศี ดูแล้วเจริญหูเจริญตา! หลิงซิน เจ้าว่าเราย้ายมาอยู่ที่นี่เลยเป็นเยี่ยงไร?”หลิงซินยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้าพูดท่านอ๋องไม่ปรารถนาจะพบคุณหนู คุณหนูไม่รู้หรือ?เรื่องที่จะมาอยู่เรือนหลัก ไหนเลยนางจะกล้าคิด!“เซียวหลินเทียน เรือนบุหงาทรุดโทรมเกินไปแล้ว! หม่อมฉันอยากจะย้ายเรือนอาศัย ได้หรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามยิ้ม ๆเซียวหลินเทียนมองนางอย่างเฉยเมย พลางเอ่ยลอดไรฟันออกมา “ไม่ได้!”“อ๋อ เช่นนั้นหม่อมฉันอยากจะซ่อมแซมเรือนบุหงาใหม่เสียหน่อย
“หลิงอวี๋ เจ้าหุบปากไปซะ!”เซียวหลินเทียนโกรธจนหน้าแดง ไม่รอให้นางพูดจบก็ตะคอกออกมาด้วยความโกรธหลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “หม่อมฉันพูดเช่นนี้ไม่ได้เยาะเย้ยท่าน แต่เป็นการที่หมอคนหนึ่งวินิจฉัยให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน อาการป่วยนี้ของท่านเป็นผลมาจากขาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ! ขาของท่านรักษาได้ เพียงแต่ค่อนข้างใช้เวลา!”“หม่อมฉันช่วยรักษาเรื่องทางด้านการสืบทอดทายาทของท่านก่อนได้ โอสถสามอย่างนี้รักษาโรคได้!”“การเลี่ยงการรักษาถือเป็นข้อห้ามใหญ่! ท่านลองผลของโอสถหม่อมฉันก่อนได้แล้วค่อยว่ากัน!”“ถึงอย่างไรในช่วงระยะนี้หม่อมฉันก็ไปจากตำหนักอ๋องอี้ไม่ได้อยู่แล้ว หากโอสถไม่ได้ผล ท่านสามารถไปคิดบัญชีหม่อมฉันได้ตลอดเวลา!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ใบหน้าอึมครึมหมองคล้ำมือของเขากำแน่น เพราะสิ่งที่หลิงอวี๋พูดเป็นเรื่องจริง...สิ่งที่เขาคิดไม่ออกก็คือ หลิงอวี๋รู้ได้เยี่ยงไร?ท่านหมอว่านก็ไม่สามารถรักษาโรคนี้ของเขาได้!นี่คือสาเหตุที่เซียวหลินเทียนสิ้นหวังอย่างแท้จริง!เขาทนรับที่ขาทั้งสองข้างของตนเองไม่สามารถเดินได้ แต่การไร้ความสามารถสืบทอดทายาทนั้น ผู้ชายที่ไหนก็ไม่สา
“ได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! หลักการรักษาโรคของตำรับโอสถนี้คือการใช้ตัวยาฤทธิ์อุ่นร่วมกับตัวยาที่ขับเคลื่อนโลหิตและโลหิตอุดกั้น ในเส้นลมปราณอุ่นมาขับไล่ความเย็นและขจัดการอุดกั้น ช่วยคลายเส้นลมปราณขับเคลื่อนโลหิตและสลายโลหิตอุดกั้น เอาเย็นไปใส่ร้อน หากเลือดอุ่นก็จะทำงานได้ดี”ท่านหมอว่านพูดถึงทักษะทางการแพทย์อย่างชัดเจน“ในตำรับโอสถนี้มีตังกุย ดอกคำฝอย กำยาน อู่หลิงจือ กระทุง เทียนบ้าน เป็นต้น ล้วนเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการผ่อนคลายเส้นลมปราณของขาท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้วไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”“ตำรับโอสถนี้ใครจัดหรือ? กระหม่อมอยากจะถามว่านี่คือเครื่องยาสมุนไพรอะไร มีชื่ออื่นหรือไม่!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เครื่องยาสมุนไพรที่ท่านหมอว่านก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะรู้?หรือว่าตำรับยานี้จะช่วยรักษาปัญหาการสืบทอดทายาทได้จริง ๆ ?“ลู่หนาน เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเชิญพระชายามา!” เซียวหลินเทียนสั่งลู่หนานรับคำสั่ง แล้วรีบไปเชิญหลิงอวี๋ที่เรือนบุหงาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิงอวี๋ถึงได้เดินตามลู่หนานมาทันทีที่ท่านหมอว่านเห็นก็เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “แม่นาง
เผยอวี้ตะลึงไปเล็กน้อย และกำลังจะเอ่ยถามออกไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋แย่งคบเพลิงไปเสียแล้วหลิงอวี๋ถือคบเพลิงส่องไปด้านข้าง แล้วเผยอวี้ก็เห็นว่าเถาวัลย์หนาเส้นหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อยเขายังคิดว่าตนเองตาฝาด ที่นี่ก็ไม่มีลม แล้วเถาวัลย์จะเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน?หลิงอวี๋จึงหมุนคบเพลิงไปโดยรอบ และสิ่งที่สายตาของนางมองเห็นก็ทำให้นางรู้สึกหายใจติดขัดเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ใหญ่เหล่านั้นมิใช่เถาวัลย์ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นงูพิษฝูงงูที่อยู่กันอย่างหนาแน่นนั้น บางตัวก็มีขนาดเท่าปากชาม และลวดลายบนตัวก็มีสีคล้ายกับเถาวัลย์ หากมิสังเกตก็จะคิดว่าเป็นเถาวัลย์“นั่นงูหรือ?”เสียงของผู้รอบรู้ลดต่ำลงทันที และเริ่มสั่นเครือขึ้นมาโดยมิรู้ตัว “สวรรค์ งูมากถึงเพียงนั้น นี่… นี่… นี่ต้องเป็นหมื่นตัวกระมัง!”เผยอวี้ก็เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินคำพูดของผู้รอบรู้ เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัวทันทีเขาเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูมากมายได้อย่างมิเกรงกลัว แต่งูมากถึงเพียงนี้… เขาจะสังหารได้หมดหรือ?“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”เสียงของเผยอวี้ก็สั่นขึ้นมาโดยมิรู้ตัวเช่นกัน“ค่อย ๆ ถอยออกไปก่อน! ห้ามส่
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋มิได้หลับ แต่นางกำลังครุ่นคิดเรื่องราวหลังจากนี้อยู่เมื่อได้ยินคำตำหนิอย่างโกรธเคืองของเผยอวี้ เปลือกตาของหลิงอวี๋ก็กระตุก แต่ก็มิอยากตามเผยอวี้ไปตามหาเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเป็นศัตรูของตน นางอยากจะให้เขาตาย แล้วความเป็นความตายของเขาเกี่ยวอะไรกับตนเล่า!แต่ภาพก่อนหน้านี้ก็แวบขึ้นมาตรงหน้า ภาพที่เซียวหลินเทียนโยนนางไปบนต้นไม้ฝั่งตรงข้าม เพื่อป้องกันมิให้นางตกเข้าไปในปากของสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นหากนางตกลงไป หากมิถูกสัตว์ประหลาดกัดตายก็คงถูกสัตว์ประหลาดเหยียบจนตายไปแล้วเมื่อนับเรื่องนี้แล้ว ก็นับว่าเซียวหลินเทียนช่วยตนไว้เช่นกันหลิงอวี๋จึงลืมตาขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยออกไป “พี่ใหญ่ พวกเราก็ไปตามหาเขาด้วยเถิด!”เนื่องเซียวหลินเทียนเองก็ลงมาเพื่อตามหาผู้รอบรู้เช่นกัน ดังนั้นผู้รอบรู้จึงมิคัดค้านแล้วพยายามลุกขึ้นเผยอวี้เดินอยู่ข้างหน้า เมื่อเขาได้ยินว่ามีเสียงจากด้านหลัง ก็รู้ว่าพวกหลิงอวี๋เดินตามมาแล้วเช่นนี้แล้วเผยอวี้จึงรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยแม้ฮองเฮาจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็ยังมีความจิตใจดีอยู่มิเปลี่ยนแปลงเผยอวี้ถือคบเพลิงแล้วเดินไปอย่างช้า
เมื่อผู้รอบรู้ได้ฟังที่เผยอวี้พูดมาก็มิรู้ว่าควรจะเชื่อใครแล้ว“สิงจั๋ว ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็ยังไปไหนมิได้อยู่แล้ว เจ้าลองไปถามพี่น้องในอดีตของเจ้าดูก็ได้ว่าความเป็นจริงเป็นเช่นนี้หรือไม่?”เผยอวี้เอ่ยอย่างอดทน “เจี่ยงหัวถูกจักรพรรดิของเราสังหารไปแล้ว เขาทรยศสือหรง และทำให้ครอบครัวของเขาต้องตายอย่างน่าอนาถด้วยน้ำมือของมหาปราชญ์ ครั้งนี้สือหรงก็ติดตามพวกเรามาที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และต้องการจะสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่ที่เมืองหลวงแดนเทพ!”“นอกจากนี้ ข้าก็มีวรยุทธ์สูงกว่าเจ้าด้วย หากข้าเป็นคนเลว เหตุใดข้าต้องอธิบายให้เจ้าฟังด้วย ข้าสังหารเจ้าไปเสียก็จบแล้ว!”ผู้รอบรู้คิดแล้วก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เขาจึงเอ่ยอย่างโกรธ ๆ “ข้าจะไปสืบดู หากพิสูจน์ได้ว่าเจ้าพูดโกหก ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”“แม้ว่าวรยุทธ์ของข้าจะมิสูงเท่าของเจ้า แต่ข้าจะใช้วิธีของข้าเองแก้แค้นให้อาจารย์ของข้าอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋นั่งฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยหากเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่าคนของตำหนักปีกเงินเหล่านั้นก็ล้วนกลายเป็นคนของเซียวหลินเทียนแล้ว เช่นนั้นเซียวหลินเทียนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เผยอวี้ช่วยประคองผู้รอบรู้ที่เปียกโชกไปทั้งตัวเดินมา และด้วยความช่วยเหลือของทั้งสองคน หลิงอวี๋จึงลงมาจากต้นไม้ได้อย่างราบรื่นนางปวดร้าวไปทั้งตัว อาภรณ์ที่สวมอยู่บนตัวก็ฉีกขาดไปหมด และตามเนื้อตัวก็มีบาดแผลอยู่มิน้อย“พี่ใหญ่ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิเห็นเซียวหลินเทียน จึงเอ่ยถามออกมา“เขาถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นพาตัวไปแล้ว!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยปลอบใจ “ข้าว่าลูกพี่ลูกน้องของท่านมีวรยุทธ์สูงมากนะ เขาน่าจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”“ข้าจะไปดูสักหน่อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่เถิด!”เผยอวี้เป็นห่วงเซียวหลินเทียน ดังนั้นหลังจากที่ทำคบเพลิงให้พวกเขาหนึ่งอันแล้ว เขาก็จะไปตามหาเซียวหลินเทียนตามเส้นทางที่สัตว์ประหลาดทิ้งร่องรอยเอาไว้“ทางที่ดีเจ้าอย่าไปจะดีกว่า มิใช่ว่าข้าจะขู่ให้เจ้ากลัว แต่บริเวณนี้ล้วนเป็นหญ้าพิษและสมุนไพรพิษทั้งนั้น บางชนิดแม้แต่ข้าก็มิรู้ว่ามันคืออะไร!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมีเจตนาดี “สัตว์ประหลาดตัวนี้เติบโตมาด้วยการกินหญ้าพิษและสมุนไพรพิษ เจ้าช่วยมิได้ก็อย่าไปเพิ่มภาระจะดีกว่า! เชื่อพี่ใหญ่ของเจ้าเถิด เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”เผยอวี้ เซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ล้วนเดาออกว่า
“บริเวณโดยรอบมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่มาก ท่านขึ้นไปบนต้นไม้สักต้น พวกเราต้องดูก่อนว่านี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่”หลิงอวี๋ชี้แนะเซียวหลินเทียนก็มิพูดพร่ำทำเพลง เขาเชื่อมั่นหลิงอวี๋โดยไม่มีเงื่อนไข แล้วหยิบตะบันไฟออกมาส่งให้หลิงอวี๋ จากนั้นก็อุ้มหลิงอวี๋กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้สูงหลิงอวี๋จึงรีบจุดไฟแล้วมองลงไป สัตว์ประหลาดตัวนั้นไล่ตามมาที่ใต้ต้นไม้แล้ว และมันก็กำลังเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยมันเหลือตาเพียงข้างเดียว และกำลังจ้องมองขึ้นมาด้วยสายตาเย็นเยือกแสงสว่างจากตะบันไฟมีอยู่จำกัด หลิงอวี๋มองเห็นเพียงดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ขนที่ยุ่งเหยิงของมันเท่านั้น“ฮึ่ม…”สัตว์ประหลาดส่งเสียงออกมา แล้วก็ถอยหลังไปหลิงอวี๋มองเจตนาของมันออกในทันทีที่สัตว์ประหลาดถอยหลังไปมิได้วางแผนที่จะยอมแพ้ แต่เพื่อรวบรวมพลังจะมาพุ่งชนต้นไม้ให้หักต่างหาก“ที่นี่มิปลอดภัย หนีเร็ว!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดจบ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งกลับมา มิรู้ว่ามันเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติหรืออย่างไร ได้ยินเพียงเสียงไม้หัก...ต้นไม้ต้นหนาถูกสัตว์ประหลาดโจมตีจนหักไปแล้วเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงร้องของหลิงอวี๋
หลิงอวี๋หลบมิทัน จึงถูกสัตว์ประหลาดกระโจนใส่จนหงายหลังไป แล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็อ้าปากจะพุ่งไปกัดคอของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองมิชัดในความมืด จึงเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่มีขนาดใหญ่เท่ากับระฆังทองแดงของสัตว์ประหลาดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ลมหายใจร้อน ๆ ที่มันพ่นออกมาทั้งคาวทั้งเหม็น จนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาก่อนหน้านี้หลิงอวี๋คว้าหินก้อนหนึ่งไว้ในมือ เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนใกล้เข้ามา นางก็ยัดก้อนหินเข้าไปโดยมิคิดทันทีจากนั้นมืออีกข้างที่ถือกริชมาตลอดก็แทงไปที่ดวงตาสีเขียวนั้นอย่างโหดร้าย“โฮก…”สัตว์ประหลาดมีหรือจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะกล้าต่อต้านมันในเวลานี้ ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ดวงตาของมันจึงถูกหลิงอวี๋แทงเข้าไปเต็ม ๆในปากของมันก็มีหินที่หลิงอวี๋ยัดเข้าไปอุดไว้ และดวงตาของมันก็ถูกแทงจนบาดเจ็บ ขาหน้าที่มันกระโจนเข้ามาจึงเด้งตัวลุกขึ้นยืนในทันทีสัตว์ประหลาดตัวนั้นส่ายหัว แล้วคายก้อนหินออกมา จากนั้นก็ไปไล่กัดหลิงอวี๋อย่างบ้าคลั่งหลิงอวี๋อาศัยตอนที่มันเด้งตัวลุกขึ้นแล้วกลิ้งหนีไปด้านข้าง หลบเลี่ยงมันออกไปนางสั่นไปทั้งตัว การโจมตีเมื่อครู่มิใช่ว่านางมิกลัว เพียงแต่มันเกี่ย
“จริงหรือ?”ผู้รอบรู้มีหรือจะคาดคิดว่าหญ้าที่มีดอกสีขาวธรรมดานี้จะมีมูลค่าถึงเพียงนี้ เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปเก็บทันที“ยังมีอีกหรือไม่? หากหาเจอได้มาก ๆ ก็มิต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อยาให้เจ้าแล้ว!”ผู้รอบรู้มองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋มองผู้รอบรู้ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาพี่ชายบุญธรรมที่เพิ่งรู้จักกันมินานมานี้ ในตอนที่เสือกระโจนใส่ตนก็พุ่งเข้ามาช่วยตนไว้โดยมิหลีกเลี่ยงในตอนนี้เมื่อพบสมุนไพรที่มีมูลค่า สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือการซื้อยาให้ตน เขามิเคยคิดว่าเมื่อมีเงินแล้วจะนำไปใช้ชีวิตดี ๆ เลยการได้รู้จักพี่ชายผู้นี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ!หลิงอวี๋แอบสาบานว่า ในภายภาคหน้านางจะต้องใช้สิ่งที่ตนได้เรียนรู้มา ทำให้ผู้รอบรู้ได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน“พี่ใหญ่ หากเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้มีอยู่เต็มภูเขา เช่นนั้นก็คงจะไร้ค่าไปแล้ว!”“สิ่งนี้สามารถเก็บได้! ถึงแม้มูลค่าจะมิได้เท่าช่อสัตตะดารา แต่ก็สามารถขายได้หลายหมื่นทีเดียว!”หลิงอวี๋ให้คำแนะนำ ทำให้ผู้รอบรู้มีความสุขขึ้นมาผู้รอบรู้ตามหลิงอวี๋ไปอย่างมีความสุข หลิงอวี๋ให้เก็บอะไรเขาก็เก็บสิ่งนั้นหลิงอวี๋ให้เข
“อย่างไร?”เผยอวี้และเถาจื่อต่างมองไปทางฉินซานฉินซานจึงเอ่ยออกมา “กระหม่อมสังเกตเห็นว่าพลังของฮองเฮานั้นต่ำมาก ทั้งยังลืมพวกเราไปแล้วด้วย นี่คือเหตุจากการถูกปิดผนึกพ่ะย่ะค่ะ! หากพวกเราสามารถหาคนมาช่วยพระนางปลดผนึกไปได้ ฮองเฮาก็จะจำพวกเราได้แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ก็เหมือนกับเสวี่ยเหมยก่อนหน้านี้ ตอนนั้นนางก็จำพวกเรามิได้ แต่เพราะขันทีโม่ช่วยปลดผนึกให้นาง นางจึงจำอดีตขึ้นมาได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่น “หากพวกเราบอกนางไปตามตรงว่านางถูกปิดผนึก เจ้าคิดว่านางจะยอมให้เราปลดให้กับนางแต่โดยดีหรือ?”“มิแน่ว่า นางอาจจะคิดว่าพวกเราปิดผนึกนาง แล้วหนีไปเร็วยิ่งกว่าเดิมก็ได้!”เถาจื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นับตั้งแต่ที่ฮองเฮาถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาตัวไป ทุกคนที่พระนางพบล้วนเป็นคนที่ต้องการจะทำร้ายพระนาง”“เก๋อฮุ่ยหนิงตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น เหมียวหยางก็อาศัยอำนาจมารังแก ส่วนหยางหงหนิงก็มิได้มีเจตนาที่ดีต่อพระนางอีก เมื่อได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้แล้ว พระนางไม่มีทางไว้ใจพวกเราง่าย ๆ แน่!”เซียวหลินเทียนสนใจกับคำพูดของเถาจื่อ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “มีหนึ่งคนที่เป็นข้อยกเว้น!”เขามองลงไปในเหว
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก