และคนเหล่านี้ ในใจก็หวาดผวา ทั้งยังยืนยันไม่ได้ว่าจั๋วซ์อหรานวางยาพิษอะไรใส่พวกเขา และไม่สนใจด้วยว่าอันตรายหรือไม่อันตราย ถึงอย่างไรวิกฤตก็มาอยู่บนหัวแล้วพวกเขาพุ่งไปทางด้านหลังจั๋วซือหรานหนึ่งก้าวสองก้าวสามก้าว“อ่อก...!”แค่สามก้าว ก็ไม่อาจเดินหน้าต่อได้แล้ว ความเจ็บปวดมหาศาลแล่นเข้าสู่อวัยวะทั้งหมดของพวกเขา ราวกับว่านอกจากความเจ็บปวดแล้ว ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอีกเลยทำได้แค่ถลึงตามองนิ้วของตนเอง ที่ห่างจากชายเสื้อของจั๋วซือหรานเพียงแค่เอื้อมหลังจากนั้น ทั่วทั้งร่างก็เจ็บปวดเหมือนร่างถูกแยกออกจากกันพริบตาที่ถูกความเจ็บปวดรุนแรงนี้เข้ารุกรานพวกเขาก็เหมือนกับ จู่ๆ เพิ่งได้สติกลับมา คิดออกพึงความจริงที่น่ากลัวหนึ่งนั่นก็คือ...พวกเขาเหมือนจะลืมไปแล้ว บางทีอาจจะมองข้ามไป...คุณหนูจั๋วจิ่วคนนี้ ไม่ใช่ว่านางเลื่องชื่อไปทั้งเมืองหลวงด้วยการสังหารคนหรอกหรือส่วนเรื่องการหลอมยา ที่ตบฉาดหน้าเหยียนชางไปอย่างจัง ทำให้เหยียนจางต้องอัปยศอดสู่ต่อหน้าต่อตาคนทุกคนจนป่นปี้...พวกเขาตอนนี้ ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าตนเองกำลังเจอกับความเจ็บปวดอะไรอยู่ และพริบตาที่ตระหนักได้ว่า เพราะอะไรกระท
“ตอนนี้ท่านเป็นตัวประกันของข้าแล้วนะ” จั๋วซือหรานเอ่ยความคิดตนเองอย่างตรงไปตรงมาทั้งสองคนสบตากันเงียบๆ ซึ่งคั่นบังด้วยผ้าบางเฟิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ มองนางอยู่เงียบๆจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “พวกเขาก็แค่กลัวว่าข้าจะเอาเปรียบเพราะขโมยพลังท่านมา ดังนั้นจึงมาเพ่งเล็งข้านี่ไง”“อืม” เฟิงเหยียนพยักหน้า “พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าขโมยมา เป็นสิ่งของที่เดิมทีควรเป็นของพวกเขา”“ข้าจะขโมยซะอย่าง” เสียงของจั๋วซ์อหรานฟังแล้วเหมือนมีความเอาแต่ใจกับเกเรอยู่หน่อยๆ “ข้าขโมยมาแล้วด้วย”เฟิงเหยียนมองคางนางที่อยู่ในท่าทีประมาณว่า “ข้าไม่สนข้าไม่สนข้าจะเอา” หางตาก็เหมือนจะยกโค้งขึ้นมาหน่อยจั๋วซือหรานหยุดไปครู่หนึ่ง จึงหัวเราะเย็นชาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขายังดี ทั้งคิดจะรักษาท่าน ทั้งไม่อยากให้พลังที่ทำร้ายท่านได้ต้องสิ้นเปลือง นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานเดินพาเฟิงเหยียนออกมาพอเห็นภาพถนนรอบๆ ที่คุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ผ้าบาง ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็เม้มขึ้นเบาๆเพียงแค่เป็นคนในเมืองหลวง ก็จะจำภาพถนนรอบๆ นี้ได้ไม่ยากนัก ถนนที่เงียบสงัดเช่นนี้จะตรงไปที่ใดกันนะ
เฟิงเหยียนถามขึ้น “หน่วยสืบสวนพิเศษถ้ามีการรับประกันจริง แล้วเจ้าทำไมถึงต้องไปทนทุกข์ทรมานอยู่ในนั้นด้วยล่ะ?”เขามองตาจั๋วซือหราน “การลงโทษของหน่วยสืบสวนพิเศษทรมานแค่ไหน มีใครบ้างที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ ต่อให้ไม่เคยต้องประสบ แต่แค่ได้ยิน ก็เพียงพอที่จะทำให้ขลาดเขลาได้แล้ว แล้วเจ้าก็ผ่านมันมาด้วยตนเองเลย นี่ลืมไปแล้วหรือ?”จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ เงยหน้าเหลือบมองเฟิงเหยียนผาดหนึ่งริมฝีปากโค้งเผยรอยยิ้มเข้ามา “เช่นนั้นก็ทำเป็นไม่เคยรู้จักมันเสียสิ”จั๋วซือหรานพูดพลางดึงแขนเสื้อเฟิงเหยียน ไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธสายตาของเฟิงเหยียน มองไปบนผนึกต้องห้ามที่อยู่บนประตูใหญ่หน่วยสืบสวนพิเศษอีกครั้งริมฝีปากบ้างเม้มแน่น ราวกับกำลังพิจารณาอะไรอยู่แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ จั๋วซือหรานไม่ได้คิดจะดึงเขาเข้าไปทางประตูใหญ่สายตาชายหนุ่มงงงันเล็กน้อย ถูกนางเดินตรงไปด้านหน้าหลังจากเดินมาพักหนึ่ง ก็ยืนนิ่งอยู่ที่กำแพงด้านหน้าช่วงหนึ่งของเรือนหน่วยสืบสวนพิเศษประตูลับบนกำแพงเรือนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประตูลับที่ตรงไปยังตำหนักฝานเทียนซือก็เปิดออกตรงหน้าพวกเขา“รีบเข้าไปเร็ว” จั๋วซือหรานดึงแขนเสื้อเฟิง
“เพียงแต่ว่า เพราะนายท่านคนนี้สมองอาจจะไม่ดี แล้วยังแข็งกระด้างน่าเบื่อ ไม่มีความเมตตาอีก”จั๋วซือหรานเอ่ยต่อ “ดังนั้นถ้าหากประตูลับของน้องชิงถูกพบเข้า ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เขาลำบาก ดังนั้นพวกเราต้องไวหน่อย ระวังตัวเอาไว้ก่อน”จั๋วซือหราน รู้สึกว่าความดันอากาศไม่ค่อยจะปกตินางหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังและก็เห็นว่าท่านอ๋องเดินออกมาครึ่งตัวแล้ว อีกครึ่งตัวยังอยู่ในประตูลับครึ่งสว่างครึ่งมืด ความดันอากาศต่ำเหล่านี้ เหมือนจะแผ่ออกมาจากบนตัวเขาจั๋วซือหรานยังยื่นมือมาตบเบาๆ ที่แขนของเขา เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเครียด ที่นี่แม้จะเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่ก็ไม่น่ากลัว”“พี่สาว!” เสียงของจั๋วหวายดังลอดเข้ามากะทันหันจากที่ไม่ไกลนัก มีความยินดีเข้ามาด้วย “พี่สาวท่านกลับมาแล้ว!”ชายหนุ่มเพียงไม่นานก็เข้ามาต้อนรับ พิจารณาตัวจั๋วซือหรานทั้งบนทังล่าง ในสายตาล้วนเป็นความกังวลและเป็นห่วงจั๋วซือหรานสังเกตสายตาเขา ปากโค้งยิ้มละไม “ทำไม? กลัวว่าข้าจะถูกรังแกหรือ?”พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน จั๋วหวายก็ผ่อนลมหายใจออกมา “ไม่กลัวได้หรือ?”จั๋วหวายเบ้ปาก “พวกเขาอยากจะรังแกท่านกันทั้งนั้น”จั
เขาดูร้อนรนขึ้นแล้ว ปลายจมูกมีเหงื่อผุดเขาชอบจั๋วซือหรานมากจริงๆ ความคิดของเขาบริสุทธิ์ ชอบหรือเกลียดคนผ่านลางสังหรณ์ราวกับว่า...มีสัญชาตญาณของสัตว์ตัวเล็ก เหมือนว่าสามารถดมกลิ่นคนดีหรือคนไม่ดีจากบนตัวของอีกฝ่ายได้อย่างไรอย่างนั้นชิ่งหมิงรีบเข้ามาขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน พูดติดอ่างขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ร้อนรนขึ้นแล้ว “ไม่ ไม่ใช่นะ..ข้าไม่ได้ต้อง..ต้องการเงื่อน เงื่อนไข...”ชิ่งหมิงขมวดคิ้ว เขาเอ่ยกับจั๋วซือหรานอย่างตั้งใจ “ซือหราน ข้ามองเจ้าเป็นเพื่อน ถ้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็จะช่วยเจ้า...”จั๋วซือหรานมองดวงตาสุกใสของชิ่งหมิงในดวงตาเผยรอยยิ้ม “ก็เพราะแบบนี้ไง ข้าจึงจะรักษาเจ้าให้หายดี”และก็เพราะเขามองนางเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ“เอาล่ะ เรื่องรักษาเจ้าอีกเดี๋ยวค่อยคุยกัน คนนี้คือท่านอ๋องเฟิง ...ของข้า” จั๋วซือรหานคิดอยู่ว่าควรจะแนะนำเฟิงหรานอย่างไรดี หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงยิ้มตาโค้ง เอ่ยขึ้นว่า “เป็นตัวประกันของข้า”“ตัวประกัน?” ชิ่งหมิงไม่ค่อยเข้าใจ สายตาสงสัย“อืม ตอนนี้ข้างนอกมีเรื่องที่คนสาดน้ำสกปรกใส่ข้า พวกเจ้าก็น่าจะไดยินมาบ้างแล้ว” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ข้าต้องเอ
“ข้า ข้าเชื่อ...เชื่อเจ้า!” ชิ่งหมิงพอเครียด คำพูดคำจาก็จะเริ่มติดอ่างเขาเป็นคนที่มีความคิดบริสุทธิ์ พอเชื่อใจกับคนแล้ว ก็แทบจะเชื่อสนิทใจจนไม่สร้างการป้องกัน“เจ้าบอกว่าได้ ก็คือได้” ชิ่งหมิงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ขั้นตอนง่ายมาก ส่วนประสิทธิภาพ ข้ายังต้องค่อยๆ ตรวจสอบในภายหลัง แต่จากความเข้าใจในปัจจุบันของข้า น่าจะสามารถยืนยันได้ว่ามีผลแน่นอน”สายตาของชิ่งหมิงเหลือบไปอยู่บนก้อนกลมๆ นุ่มๆ ขาวๆ ในมือนางที่ดูเหมือนจะไม่มีพลังโจมตีใดแม้ว่าเจ้าก้อนกลมนี้ดูแล้วเหมือนยังไม่ปนเปื้อนไม่เป็นอันตราย ให้ใครมาดู ก็คงจะจินตนาการไปถึงพิษกู่ที่น่ากลัวอะไรนั่นได้ยาก!แต่สายตาของชิ่งหมิงก็ยังกระวนกระวายเพราะเขาเกิดที่แคว้นเหยี่ยน เป็นคนแคว้นเหยี่ยนอย่างแท้จริง ในสามแคว้นใหญ่แดนใต้และในแดนใต้ เนื่องจากสภาพอากาศและสภาพภูมิศาสตร์และระบบนิเวศเอื้ออำนวยเป็นอย่างดี ทั้งแดนใต้จึงมีการบำเพ็ญด้านกู่พิษเป็นหลักชิ่งหมิงเติบโตที่แคว้นเหยี่ยนตั้งแต่เล็ก จึงเข้าใจเรื่องพิษกู่เป็นอย่างดีดังนั้นเพียงแค่มองก็รู้ว่าเจ้าก้อนกลมในมือจั๋วซือหรานนี้ไม่ธรรมดาชิ่งหมิงรีบเก็บสายตาลงมา ไม่อ
พอสังเกตเห็นสายตาแหลมคมของเวินป๋อยวน ชิ่งหมิงก็รู้ว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดเสียแล้ว “ซือหรานแค่คิด คิดจะรักษาข้า...”เวินป๋อยวนเหลือบมองจั๋วซือหรานเย็นชาผาดหนึ่ง “ใช้แมลงกู่หรือ? ข้ากับชิ่งหมิงล้วนมาจากแดนใต้กันทังนั้น จั๋วจิ่ว เรื่องนี้เอาไปหลอกคนอื่นก็พอได้ แต่มาใช้กับพวกข้านี่มันดูไม่ค่อยเหมาะเลยนะ”จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงด เพียงเอียงตาไปกำชับกับจั๋วหวาย “เสี่ยวหวาย พาท่านแม่กลับบ้านไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องหารือกับสองคนนี้”จั๋วหวายแม้จะกังวลพี่สาวอยู่ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าพี่สาวจะสามารถจัดการเรื่องของตนเองได้ จึงพาท่านแม่กลับไปที่บ้านจั๋วซือหรานมองไปทางเวินป๋อยวน “นายท่านซือหลี่ตันติง เพราะคนที่ข้ารับปากไว้คือชิงหมิง ดังนั้นข้าจะรักษาเขาให้หาย ว่าตามหลักการแล้ว ข้าก็ไม่มีหน้าที่ต้องมาอธิบายอะไรกับท่านด้วย”เสียงของจั๋วซือหรานราบเรียบ เนื้อหาในคำพูด ทำเอาเวินป๋อหยวนถึงกับหรี่ตาลง“แต่พิจารณาถึงนายท่านที่เป็นห่วงจนว้าวุ่น บวกกับที่นายท่านได้รับของที่ข้าต้องการมา” จั๋วซือหรานชี้ไปยังยาที่ทำให้คนเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด “ดังนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้นายท่านฟังเสียหน่
เวินป๋อยวนพอได้ยินคำพูดนี้ ก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “โอ้อวดอย่างไม่ละอาย”แต่เขาก็พูดต่อมาอีก “แต่เจ้าเองก็มีความสามารถที่ทำให้คนต้องมองใหม่ได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชิ่งหมิง ข้าจะบุ่มบ่ามเห็นได้ไม่ได้ เจ้าจทำให้ข้าเชื่อได้อย่างไร ว่าเจ้ามั่นใจเต็มร้อยจริง?”เวินป๋อยวนจ้องมองดวงตาของหญิงสาวน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่เจอมาตลอด เวินป๋อยวนต้องปกป้องชิ่งหมิงที่เหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่งไว้ ถ้าบอกว่าชิ่งหมิงเป็นราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง เชื่อใจคนอื่นอย่างสนิทใจโดยไม่สงสัยแล้วล่ะก็เช่นนั้นความเคร่งขรึมกับซับซ้อนของเวินป๋อยวน ก็เต็มไปด้วยความสงสัยต่อตัวคนอื่นนั่นเองแทนที่จะเชื่อใจ เขากลับสงสัยเสียมากกว่าแต่หญิงสาวตรงหน้า เคยทำให้เขาต้องหันมามองใหม่มาแล้ว ดังนั้น เวินป๋อยวนก็ไม่ใช่ว่าจะลองเชื่อใจนางไม่ได้ เพียงแต่ เขาต้องการบางสิ่งอย่างที่ทำให้ตนเองเชื่อใจได้มากขึ้นและตอนนี้เอง รอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานยังคงละไม เลิกหางตาขึ้นเล็กน้อย กระทั่งดูขี้เกียจหน่อยๆ ด้วยนางยักไหล่เบาๆ เอ่ยกับเวินป๋อยวนว่า “ดังนั้น ก็ไม่ใช่ว่าข
และตอนนี้เอง นิ้วของเขาขยับกลไกบนตลับหุ่นเชิดหุ่นเชิดตัวนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ จั๋วซือหราน จู่ๆ ก็ขยับขึ้นมาแล้วมือข้างหนึ่งของมัน ถูกจั๋วซือหรานกำไว้แน่น ดังนั้นมันจึงยกเท้าขึ้นมาแล้วเตะกวาดใส่จั๋วซือหรานอย่างรุนแรงบนเท้ายังมีคมมีที่แหลมคมด้วย!เตะกวาดจนมีเสียงลมดัง "วูม..." ขึ้นมา!วิธีรับมือของจั๋วซือหรานง่ายดายมาก ปล่อยการควบคุมที่มือมันก่อน กระโดดขึ้นในที่เดิม ก็เบี่ยงหลบการเตะของมันได้แล้วส่วนมันพอได้รับอิสระภาพ ก็ฉากออกไปอย่างรวดเร็วปฏิกิริยาของหัวหน้าคนคุ้มกันนั่นก็รวดเร็ว และฉับไวมาก!เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างตำมือ ไม่ใช่คนทั่วไปจะรับมือได้ ดังนั้น เขาจึงคิดแต่จะรักษาสมบัติของนายท่านเอาไว้พอหุ่นเชิดความมืดหลุดจากมือนางมา!เขาก็เริ่มถอยหนีทันที! ไม่สนใจจะต่อสู้ต่อ ถอยกลับอย่างรวดเร็วแผนในใจก็เรียบง่ายมาก เดิมทียังอยู่ในหมอกพิษ ขีดจำกัดระยะสายตาก็ส่งผลกระทบมากพอควรแล้วรีบถอยหนี แล้วหายไปท่ามกลางหมอกพิษ ก็ไม่แน่ว่าจะถูกหาตัวเจอยิ่งไปกว่านั้นในใจหัวหน้าคนคุ้มกันก็มีตัวเปรียบเทียบอยู่แล้ว ถ้าหากหญิงสาวคนนี้สามารถหาพวกเขาพบได้เร็วขนาดนี้ เมื่อครู่บางทีคงไม่ต้อ
"เจ้า..." ดวงตาของหัวหน้าคนคุ้มกันถลึงตาโต สายตาแสดงความตกใจปนพรั่นพรึง จ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความระแวดระวังเขากำลังจะถาม ว่านางยิ้มอะไร?เพิ่งจะส่งเสียงพยางค์แรกออกมา ม่านตาก็หดลงเขาจ้องมองใต้กระดูกไหปลาร้าของนาง บาดแผลน่ากลัวเลือดเนื้อเหวอะหวะที่เดิมทียังมีเลือดพิษสีดำทะลักออกมา กำลังฟื้นตัว...แบบที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!เห็นฉากนี้คาตา ถ้าแค่มีสมองหน่อยก็คงพิจารณาได้ไม่ยากแล้ว ว่าที่นางบาดเจ็บเมื่อครู่ เป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น!เหยื่อล่อที่เอาไว้ล่อพวกเขาออกมา!หัวหน้าคนคุ้มกันก่อนหน้านี้ที่ยังดูคล่องแคล่วปราดเปรียว ตอนนี้กลับตึงขึ้นมาแล้ว เส้นประสาททุกเส้นทั่วร่างล้วนกำลังระแวดระวังจั๋วซือหรานโบกมือไปเช็ดรอยเลือดดำที่ขอบแผลก่อนหน้า บนผิวหนังก็เหลืออยู่เพียงรอยแดงจางๆ เท่านั้นเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานนัก รอยแดงพวกนี้ก็คงหายไปหมด กระทั่งร่องรอยที่เคยบาดเจ็บ ก็น่าจะไม่เหลือหรอ"หุ่นเชิดความมืดหรือ?" จั๋วซือหรานทวนคำที่ออกจากปากหัวหน้าคนคุ้มกันเมื่อครู่อีกรอบ นางยกมุมปากขึ้น เอ่ยขึ้นอย่างสนอกสนใจ "ดูท่า ของดีของเจ้านายพวกเจ้าจะมีอยู่ไม่น้อยเลยสินะ"จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจกับวิช
ดังนั้น ตอนที่สัมผัสได้ถึงกระแสลมเล็กนี้ครั้งถัดมา จั๋วซือหราน...จึงไม่หลบแล้วนางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สัมผัสได้ถึงการถูกโจมตีด้วยพิษ แทงเข้าไปที่กระดูกไหปลาร้าของตนเองจมูกนางพ่นเสียงฮึดฮัดออกมาเบาๆ เหมือนเป็นเสียงครางเจ็บปวด แต่พอฟังอย่างละเอียดจะพบว่า ไม่ได้เจ็บปวดมากมายอะไนนักพริบตาต่อมามุมปากนางก็ยกขึ้น ยกมือตาม คว้าจับ 'อาวุธ' ที่โจมตีเข้ามาแล้วหยุดอยู่ตรงไหปลาร้านางน่าจะเป็น...อาวุธกระมัง?แต่พอเข้ามือก็รู้สึกว่า...สัมผัสแปลกๆเหมือนกับ...ผิวหนังยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากอีกฝ่ายถูกนางคว้าไว้แล้ว ทำให้ความเร็วลดลงจนไม่อาจฉากหลบไปได้อย่างรวดเร็วดังนั้นรูปร่างของอีกฝ่าย จึงเห็นได้อย่างชัดเจนจั๋วซือหรานมอง...คน? ...สิ่งของที่ถูกตนเองจับเอาไว้?ชั่วขณะหนึ่ง นางไม่รู้ว่าจะพรรณนา...ตัวตนตรงหน้านี้อย่างไรครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก็คิดออกมาได้แค่คำเดียว...สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์?หรือ...อาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตัวตนตรงหน้าดูแล้ว มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ดูแล้วเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียวแต่ผิวหนังขาวซีด ในผิวที่ซีดเซียวนี้ เส้นเลือดเส้นลมปราณก็มีสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นบนผิวหนัง ยังมี
สาเหตุที่บอกว่าไม่ปกติเพราะถ้าจะเทียบกับลม สู้พูดว่าเป็นกระแสอากาศเล็กๆ ที่มีความเร็วแตกต่างจากกระแสลมรอบๆ จะดีกว่าและจุดที่ไม่ปกติอยู่ที่ กระแสลมผิดปกตินี้อยู่ข้างหูนางนี่เอง!ความเร็วในปฏฺิกิริยาของจั๋วซือหรานยอดเยี่ยมมาโดยตลอด นางจึงเบี่ยงหลบออกมาไม่มากไม่น้อยราวๆ สองชุ่นแค่สองชุ่นเท่านั้นแต่ก็หลบพ้นการโจมตีของอีกฝ่ายไปได้เสียงฉัวะดังขึ้น เส้นผมของนางสองสามเส้น ถูกตัดออกไปข้างๆ ใบหู"น่าสนใจ" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นร่างของแมงมุมน้อยดูลนลานหน่อยๆ เสียงของมันยังคงขรึมต่ำ "นายท่าน นั่นมันอะไรกัน?"มันแค่สัมผัสได้เท่านั้น ว่าเมื่อครู่มีอะไรบางอย่างโจมตีเข้ามา แต่กลับมองไม่เห็นจับไม่ได้เลยว่าเป็นอะไรที่โจมตีเข้ามาจากนั้นของสิ่งนั้นก็หายไปแล้ว รวดเร็วมากจั๋วซือหรานยื่นมือไปลูบๆ บนหลังแมงมุมน้อย พลังวิญญาณเข้มข้นวูบหนึ่งถ่ายเข้าไปในตัวแมงมุมกร่างกายที่ยังลนลานของมันแต่เดิมจึงสงบลงมา"นายท่าน อะไรโจมตีเข้ามากันแน่?!" แมงมุมน้อยถามจั๋วซือหรานยิ้ม "ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต""ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต?" แมงมุมน้อยทวนซ้ำคำพูดนาง ในน้ำเสียงไม่ค่อยเข้าใจ"ดังนั้นข้าจึงบอกว่าน่าสนใจไงล่ะ"
ราชาแมงมุมหน้าผีเติบโตมาในป่าลึกลับ จึงเข้าใจสถานการณืในป่าลึกลับได้เป็นอย่างดี ตอนนี้จึงทำการเปรียบเทียบออกมาจั๋วซือหรานทำปางมือหลายครั้ง จากนั้นจึงหยิบขวดใบหนึ่งไว้ในมือเพียงไม่นาน ของเหลวในขวด ก็กลายเป็นสีม่วงคล้ำดูลึกลับ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ไหลผ่าน รู้สึกได้ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อ ท้ายสุดก็อาจจะเปลี่ยนจากม่วงเป็นดำ"นายท่านคิดจะนำมาหลอมยาหรือ?" แมงมถมน้อยถามขึ้นจั๋วซือหรานคิดๆ "ก็ยังไม่แน่ใจนัก สรุปคือ เก็บบางส่วนมาเล่นก่อน ถ้าภายหลังมีประโยชน์ ข้าค่อยมาคิดอีกที หมอกพิษที่ปันอวิ๋นใช้กับปรมาจารย์กู่พรมแดนใต้ตอนนั้นก็น่าสนใจมาก น่าจะใช้หมอกพิษอยู่ด้านในไม่น้อยเลย"จั๋วซือหรานพูด ตาโค้ง สายตาเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา "ถ้าข้าว่างจะลองดู บางทีอาจจะ ทำซ้ำหมอกพิษของเขาออกมาได้..."ถึงอ่างไร เขาก็เองก็ไม่ได้มีสิทธิทรัพย์สินทางปัญญานี่นะ"แต่ว่า..." จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็เอียงตัวเล็กน้อย เหลือบมองไปด้านหลังผาดหนึ่ง "ในเมื่อเป็นหมอกพิษระดับนี้ เช่นนั้นเจ้าพวกตัวปัญหาข้างหลังก็คงทนไม่ได้นานเท่าไรแล้ว""คุณสมบัติร่างกายของคนทั่วไป ทนกับหมอกพิษนี้ได
จั๋วซือหรานกระโดดลงมาจากหลังหมาป่าน้ำแข็ง ฟังความหมายที่เสียงงี๊ดๆ ของหมาป่าน้ำแข็งจะสื่อออกมา"อย่างนี้นี่เอง ด้านหน้ามีหมอกพิษสินะ" จั๋วซือหรานพยักหน้า "รู้แล้ว เด็กดี เหนื่อยหน่อยนะ"จั๋วซือหรานยื่นมือไปลูบเบาๆ บนหัวหมาป่าน้ำแข็ง แล้วเก็บมันเขาไปในมิติ แล้วจึงอัญเชิญแมงมุมน้อยออกมาเพราะร่างของราชาแมงมุมหน้าผีใหญ่โตมโหฬาร ดังนั้นมันจึงย่อตัวลงมาหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงตอนที่ออกมาแล้วขยับตัวไม่ได้จั๋วซือหรานถามไปทางมัน "แมงมุมน้อย หมอกพิษน่าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้กระมัง?"เสียงของแมงมุมน้อยทุ้มต่ำ "แน่นอน"เดิมทีมันก็เป็นสัตว์มีพิษอยู่แล้ว มีพลังต้านทานหมอกพิษสูงมาก บวกกับมันที่เป็นสัตว์ประหลาดระดับสูง พลังต่อต้านหมอกพิษจึงยิ่งสูงขึ้นไปอีกจั๋วซือหรานพยักหน้า ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า "เช่นนั้นก็รบกวนด้วย"นั่งอยู่บนหลังแมงมุมน้อย แมงมุมน้อยก็เริ่มเปิดทาง แขนเคียวคมกริบโบกวาด ก็ราวกับเป็นรถตักคันน้อย ที่เดินหน้าต่อไปได้อย่างทรงพลัง!แมงมุมน้อยบอกกับจั๋วซือหรานว่า "นายท่าน พอเข้าไปในพื้นที่หมอกพิษปกคลุม คนเหล่านั้นก็น่าจะถอยกลับได้ยากแล้ว"มันรู้ถึงคุณสมบัติร่างกายเจ้านายตัวเองดี จะบอกว่าร้
จั๋วซือหรานยิ้มๆ "แน่นอนว่าข้ายอดที่สุด ดังนั้นข้าก็เลยทิ้งบทเรียนหนึ่งไว้ให้พวกเจ้าด้วย เอาล่ะ..."จั๋วซือหรานแผ่พลังวิญญาณออกมา คิดจะค้นหาร่องรอยของวัตถุดิบยาพืชวิญญาณเหล่านั้นยังไม่กางยังพอว่า แต่พอกางออก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ..."อื๋อ?""นายท่านทำไมหรือ?" ขนมถั่วแดงถามขึ้นจั๋วซือหรานตอบ "ไม่มีอะไร มีพวกน่ารำคาญตามออกมาน่ะ""เจ้าคนชั่วพวกนั้นส่งมาหรือเปล่า?""น่าจะใช่นะ ปัญหาไม่ใหญ่มาก" จั๋วซือหรานสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามา กระทั่งยังเว้นระยะไว้เสียห่างเลยบนความรู้สึก น่าจะแค่สะกดรอยตามนางมาเท่านั้นอีกฝ่ายถ้าหากจะระวังตัวและป้องกันขนาดนี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าเข้ามารบกวนนางก็พอ นางก็จะไม่หันไปสนใจชั่วคราว"นายท่านจะทำอย่างไร?" ขนมถั่วแดงถามจั๋วซือหรานปล่อยหมาป่าน้ำแข็งออกมาจากในมิติ ขึ้นไปขี่จากนั้นจึงเอ่ยว่า "ไม่ทำอะไร ถ้าพวกเขาตามมาได้ก็ตามมา"จั๋วซือหรานตบเบาๆ ที่คอของหมาป่าน้ำแข็ง เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า "เด็กดี ไปที่ป่าทวนแสงเลย"หมาป่าน้ำแข็งเหยียบเท้าหลังแล้วพุ่งทะยานออกไป"เร็ว! รีบตามไป! นางยังไม่เจอตัวพวกเรา
ผู้เฒ่าเหอตะคอกอย่างโกรธเคือง เขาขาดสติไปเพราะความโกรธในตอนนี้แล้วถ้าหากยังมีสติอยู่บ้าง อันที่จริงก็จะตั้งสติกลับมาได้ ว่าคนผู้นี้...ก็ยโสโอหังแบบนี้มาตลอดผู้เฒ่าเหอหัวเราะเย็นชาขึ้นมา "ข้าขอความช่วยเหลือจากสำนักเมฆาวารีแล้ว คิดว่าข้ากลัวนางจริงหรื? นางจะรออีกสองวันสินะ? สองวันก็พอแล้ว! สองวันจากนี้ข้าจะดูว่านางตายอย่างไร!"ไม่นานนัก ก็มีคนเข้ามารายงานข่าวกับผู้เฒ่าเหอว่าจั๋วซือหรานออกจากโรงเตี๊ยมและออกจาเมืองไปแล้วผู้เฒ่าเหอพอได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึม หัวเราะเย็นชา "เฮอะ คงไม่ใช่มาพูดจาข่มขู่ข้า แต่จริงๆ กำลังคิดจะทิ้งพวกพ้องพวกนั้นแล้วหนีไปคนเดียวหรอกนะ?"ผู้เฒ่าเหอครุ่นคิด ความโกรธพุ่งขึ้นหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้จากนั้นจึงให้ผู้ใต้บัญชาไปเรียกคนคุ้มกันชั้นยอดในตระกูลมา คนคุ้มกันชั้นยอดพวกนี้ ล้วนฝึกฝนมาอย่างยาวนาน เป็นระดับเดียวกับพวกนักรบเดนตายองครักษ์ลับพวกนั้นเลยไม่ถึงเวลาสำคัญจะไม่นำออกมาใช้งานผู้เฒ่าเหอสั่งการกับพวกเขา "พวกเจ้าตามร่องรอยหญิงสาวคนนั้นไป อย่าให้นางหนีล่ะ ดูว่านางคิดจะทำอะไร ใครจะรู้ว่านางคิดจะเอากองหนุนเข้ามาหรือเปล่า...""รับท
"คณหนู ท่านคิดจะไปไหนหรือ?" เจิ้นเจียงถามขึ้น"ออกจากเมืองหน่อยน่ะ ใกล้ๆ เมืองหยางมีป่าทวนแสงอยู่ ในป่าทวนแสงเองก็มีผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นอยู่หลายอย่างด้วย เมืองหลวงทางนั้นไม่ค่อยได้เห็นนัก"ป่าลึกลับมีผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นของป่าลึกลับ ที่ป่าทวนแสงเองก็เช่นกันสรุปคือ จริงๆ แล้ว...จั๋วซือหรานตั้งใจจะหาพืชพันธุ์ใหม่ๆ มาปลูกไว้ในมิติของตนเองหน่อยป่าลึกลับกับป่าทวนแสงมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของตนเองอยู่ เป็นเพราะพื้นที่และสภาพอากาศแตกต่างกัน จึงทำให้พวกมันชอบสภาพแวดล้อมเติบโตที่ต่างกันแต่ในมิติน้ำพุวิเศษของจั๋วซือหราน กลับไม่มีข้อจำกัดนี้ดังนั้นขอแค่หาต้นพันธุ์ที่ดีสุขภาพแข็งแรงเจอ เรื่องดูแลภายหลังก็ง่ายขึ้นมาก"อา ถ้าอย่างนั้น..." เจิ้นเจียงคิดว่าตนเองเพิ่งออกจากโรงเตี๊ยมก็ถูกคนจับตัวไปแล้ว จนทำให้คุณหนูต้องวุ่นวายขึ้นมาดังนั้นเขาจึงกังวลว่าถ้าคุณหนูจะออกเมือง ถึงอย่างไรตระกูลเหอก็เป็นเจ้าถิ่นของเมืองหยาง ถ้าหากเข้ามาหาเรื่องเขาอีกล่ะ...ดังนั้นเจิ้นเจียงจึงคิดว่าจะออกไปกับคุณหนูดีไหมแต่จั๋วซือหรานก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้ บอกกับเจิ้นเจียงว่า "เจ้าไม่ต้องออกไปกับข้าหรอก ในป่าทวนแ