Share

บทที่ 359

Author: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อจั๋วซือหรานมาถึงหอหลวง จั๋วหวายกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกห้องเรียน เขากำลังยกมือขึ้นสูงเพื่อไตร่ตรอง

ใบหน้าของเขายังคงมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง แต่สีหน้าของเขาไม่มีความน้อใจใด ๆ

ในทางกลับกัน ในห้องเรียนด้านข้าง ใบหน้าของลูกหลานของราชวงศ์และขุนนางหลายคนช้ำและบวม น่าสังเวชมากกว่าของจั๋วหวายหลายเท่า

ชิ่งหมิงยืนอยู่ข้าง ๆ จั๋วหวาย คิ้วอันบอบบางของเขาขมวดแน่น เขาถามด้วยเสียงต่ำ " เสี่ยวหวาย ทำไมเจ้าไม่ให้ข้า... ลงมือจัดการพวกเขา"

จั๋วหวายยิ้มแม้จะมีรอยช้ำเล็กน้อยบนใบหน้าก็ตาม

" ชิ่งหมิง เจ้าต่อสู้เก่ง หากเจ้าลงมือจัดการพวกเขา พวกเขาต้องรับบาดเจ็บสาหัส แล้วเราจะไม่เป็นฝ่ายที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ตัวตนภายนอกของเจ้าในปัจจุบันยังเป็นเด็กรับใช้เมื่อคุณชายเรียนหนังสือ หากเด็กรับใช้อลงมือและทำร้ายพวกเขา จะถือเป็นล่วงเกินตัว สถานการณ์ของเราคงจะลำบากกว่าตอนนี้อีกขอรับ”

“แต่ตข้าสู้กับพวกเขา จะเป็นคนละเรื่อง อย่างมากก็เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมชั้น ประการแรก คำพูดของพวกเขาไม่เป็นที่พอใจ อีกอย่าง พวดเราแค่ใช้หมัดกัน จะชนะหรือแพ้ มันไม่สำคัญ และข้ามองออก พวกเขาสู้ข้าไม่ได้หรอก”

“เชอะ พวกเขา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 360

    ชิ่งหมิงรีบรับกล่องอาหารไว้จั๋วซือหรานพูดว่า "ข้าเอาอาหารกลางวันมาให้"ดวงตาของจั๋วหวายสว่างขึ้น“ข้าก็ไม่ได้หวังใเจ้าตั้งใจเรียนหรอก แต่เจ้าสร้างปัญหาในวันแรก…” จั๋วซือหรานมองไปที่จั๋วหวายด้วยรอยยิ้มจาง ๆจั๋วหวายทำหน้าบูดบึ้งและพูดอย่างเสียใจว่า "พวกเขาพูดจารุนแรงมาก และเอาแต่พูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับท่านพี่ ข้าโกรธมาก เลยจัดการพวกเขา พวกเขาด่าข้า ข้าไม่เป็นไร แต่ทำไมพวกเขาต้องว่าท่านพี่ด้วยล่ะ ท่านพี่มีอะไรที่ด้อยกว่าพวกเขาหรือ ท่านพี่มีอะไรที่ด้อยกว่าทุกคนหรือ”เมื่อเห็นท่าจริงจังของน้องชาย จั๋วซือหรานก็โค้งริมฝีปากแล้วยิ้ม "แต่ในเมื่อเจ้าชนะแล้ว ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงต้องยืนอยู่ที่นี่"จั๋วหวายกล่าวว่า "ครูสั่งลงโทษข้า ให้ข้ายืนอยู่ที่นี่"“เจ้าถูกลงโทษคนเดียวหรือ” จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “คนพวกนั้นไม่ได้ลงมือหรือ”“พวกเขาลงมือด้วยขอรับ แต่ข้ายอมรับการลงโทษของครู เพราะพวกเขาถูกข้าตีอย่างรุนแรง” จั๋วหวายกล่าวเมื่อได้ยินคำพูดของน้องชาย จั๋วซือหรานก็เดินไปที่ห้องเรียนใบหน้าของเหล่าลูกหลานของตระกูลขุนนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เมื่อพวกเขาเห็นนางเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี พ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 361

    จั๋วซือหรานกล่าว "เพราะน้องชายของข้าตีอพวกเจ้าย่างหนัก ข้าไม่อยากเห็นเขาถูกครูสั่งยืนอยู่ข้างนอกต่อ ข้าเลยมารักษาอาการบาดเจ็บของพวกเจ้า"ทุกคนได้ยินเพียงเสียงที่ชัดเจนของนาง ซึ่งไพเราะมาก จากนั้นพวกคนที่ถูกจั๋วหวายโจมตีอย่างหนักถูกจั๋วซือหรานจับข้อมือไว้ภายในไม่กี่ลมหายใจ รอยฟกช้ำบนใบหน้าของพวกเขาก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็วทุกคนตกตะลึง พวกเขาจึงเชื่อข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง และทักษะทางการแพทย์ของนางเยี่ยมมากจริง ๆ ทักษะทางการแพทย์ของนางเยี่ยมกว่าตระกูลเหยียน เสียอีกหลังจากจั๋วซือหรานรักษารอยฟกช้ำของพวกเขาแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงลอยอยู่ที่มุมตาและคิ้วของนาง และนางพูดอย่างไม่จริงจัง "ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของพวกเจ้าให้หายแล้ว นี่ถือว่าเป็นการสาธิตนะ"“สา สาธิตหรือ สาธิตอะไร” มีคนสับสน คนคนนั้นยกมือขึ้นและสัมผัสบริเวณที่เคยมีรอยช้ำบนใบหน้านั้น ตอนนี้รอยฟอกช้ำนั้นหายดีแล้วคนคนนั้นรู้สึกมหัศจรรย์มาก เขาเงยหน้าขึ้นและมองจั๋วซือหรานจากนั้นเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจั๋วซือหรานหายไปเหลือเพียงสีหน้าที่ไร้ความอบอุ่น "สาธิต...หากพวกเจ้ายังพูดจาไม่ดีอรก หากพวกเจ้าถูกโจมตีจนมือเท้าหัก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 362

    จั๋วหวายตอบว่า "ตอนที่ข้ามา ข้าเห็นแค่พวกนี้ น่าจะยังมีคนอื่น ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาพูดว่าเมื่อก่อนองค์ชายและองค์หญิงมาเรียนด้วย แต่ วันนี้เป็นวันที่หนึ่งตามปฏิทินจันทร์รักคติ องค์ชายและองค์หญิงต้องไปขอพรที่ห้องโถงบรรพบุรุษ ท่านจึงไม่ได้มาเรียนขอรับ"จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างชัดเจนหลังจากได้ยินคำพูดของน้องชาย "เป็นอย่างนี้นี่เอง เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว เจ้าอย่าตื้อละกัน ตั้งใจเรียน พี่ให้เจ้ามาเรียนที่นี่ หากเจ้ามีแต่ถูกสั่งยืนอยู่ข้างนอก ไม่ได้เรียนอะไรเลย เจ้ากลับไปปลูกมันที่บ้านละกัน "จั๋วหวายไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามอย่างฝืนใจ "ท่านพี่ขอรับ แต่... หากพวกเขายังรังแกข้าล่ะ"จั๋วหวายยอมฟังทุกคำพูดของท่านพี่ หากท่านพี่ให้เขาอดทน เขาก็จะอดทนให้ได้เขารอคำตอบของท่านพี่ แล้วเขาก็เห็นใบหน้าอันสวยงามของท่านพี่ขมวดคิ้วอย่างหนัก ท่านพี่พูดอย่างโกรธ ๆ "ต่อยกลับเลย หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่ต้องเรียนหนังสือที่นี่แล้ว เรียนทำไม สอนคนนินทาผู้อื่นเบื้องหลังอย่างเดียว แม้ว่าเจ้าอยากเรียนที่นี่ ข้ายังกลัวสอนเจ้าไม่ดีเลย"ทันทีที่จั๋วซือห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 363

    เมื่อสังเกตเฟิงเหยียนกำลังหลบสายตาของตัวเอง จั๋วซือหรานกระพริบตาและหัวเราะเฟิงเหยียนวางหมัดบนริมฝีปากและไอเบา ๆ “จวนของเจ้าไม่มียามเฝ้าประตูหน้าบ้านเลย ข้าแอบเข้าบ้านของเจ้าในยามมือที่ไหนล่ะ แม้ว่าข้าจะแอบเข้าบ้านของเจ้าในยามกลางคืน แต่ก็เป็นเพียงว่าเจ้าทำก่อน ข้าทำตามเจ้าแค่นั้นเอง”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางยิ้มและพูด "ใช่ ๆ เป็นเพราะข้าเริ่มทำไม่ดีก่อนเจ้าค่ะ"นางรู้สึกท่านอ๋องหนุ่มคนนี้ค่อนข้างสนุก ดังนั้นนางจึงปพูดตามคำพูดของเขา“เพียงท่านอ๋องบอกว่าจวนของข้าไม่มีคนเฝ้าประตู ข้าไม่เห็นด้วยนะ” จั๋วซือหรานพูดและตะโกนไปทางประตู "คนมานี่"ฉวนคูนรปากฏตัวอย่างรวดเร็ว "คุณหนูขอรับ" จากนั้นเขาก็มองชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ข้าง ๆ "ท่านเขยขอรับ ท่าน... มีคำสั่งอะไรขอรับ"เฟิงเหยียนไม่มีคำสั่งใด ๆ และเดิมทีเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่เมื่อเขาได้ยินฉวนคูนเรียกเขาเช่นนั้น ม่านตาอันลึกของเขาก็สั่นไหวราวกับประกายไฟจั๋วซือหรานขี้เกียจแก้ไขคำเรียกของเขา นางแค่พูดว่า "ไม่มีอะไร ท่านอ๋องบอกว่าที่บ้านไม่มีคนเฝ้าประตู ข้าเลยให้เจ้ามาแสดงตัวหน่อย"จั๋วซือหรานชี้ฉวนคูน นางพูดกับเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 364

    เมื่อก่อนพลังวิเศษของนางอบอุ่นและนุ่มนวลตามความรู้สึก แต่ความเป็นจริง ความอบอุ่นนั้นมีความรู้สึกเย็น ระบบเส้นลมปราณกล้ามเนื้อและแขนขาของเขาถูกพลังวิเศษของตัวเองเผา พลังวิเศษอันอบอุ่นและนุ่มนวลนั้นสามารถทำให้เขารู้สึกสบายตัวเหมือนหลังจากเขาถูกพลังวิเศษเผา มีคนทายาน้ำค้างหยกให้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกเย็นและชื่นใจแต่ความรู้สึกที่เกิดจากพลังวิเศษของนางครอบคลุมมาก ราวกับว่า ระบบเส้นลมปราณ กล้ามเนื้อ แขนขา และกระดูกทั้งหมดของเขาถูกเคลือบด้วยยาน้ำค้างหยกเป็นเพราะความรู้สึกนี้เองที่ทำให้เฟิงเหยียนรู้สึกสบายใจ เหมือนตราบที่เขาอยู่กับนาง เขาก็รู้สึกสงบจิตอย่างมากแต่ตอนนี้ เฟิงเหยียนสามารถตรวจจับได้ชัดเจนว่าไม่เพียงแต่พลังวิเศษของนางไม่เพียงแต่มีความอบอุ่นและความนุ่มนวล แต่ยังรวมถึงความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็น... พลังชีวิตอันทรงพลังเฟิงเหยียน ลดสายตาลงและมองนิ้วสีขาวและบาง ๆ ของนางที่อยู่บนข้อมือของเขาแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าได้ปลุกพลังวิเศษ แห่งกำเนิดของตระกูลจั๋วแล้วจริง ๆ "“ใช่ วิญญาณไม้ ” จั๋วซือหรานหันมามองเขา “ข้าไม่เห็นมีอะไรพิเศษใด ๆ เลย ข

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 365

    จั๋วซือหรานไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่นางมั่นใจว่านางไม่พบคำตำหนิหรืออารมณ์เชิงลบใด ๆ ในน้ำเสียงของเฟิงเหยียนน้ำเสียงของเขาสงบเช่นเคย แต่ดูเหมือนเขา...วางใจอย่างมากจั๋วซือหรานไม่แน่ใจ นางจึงถาม " ท่านอ๋อง... คงไม่ได้กำลังห่วงข้าถูกตระกูลเหยียนเอาเปรียบหรอกนะ"เรียกข้าว่า ท่านอ๋อง เฟิงเหยียนคิดในใจ แสดงว่านางอารมณ์ดีเฟิงเหยียนเหลือบมองนาง "ข้าห่วงเจ้าถูกเอาเปรียบ ไม่ปกติหรือ"นั่นเป็นเรื่องปกติหรือ จั๋วซือหรานคิดสองสามวินาที นางคิดในใจ หากพูดว่ามันปกติ มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนางสามารถรักษาเขาได้เมื่อคิดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็จับข้อมือของเขาไว้และค่อย ๆ ส่งพลังวิเศษเข้าสู่ระบบเส้นลมปราณของเขาเพราะต้องทำท่านี้ตลอด ห้ามหยุดกลางทางดังนั้นกิริยาของคนสองคนนี้ดูเหมือนกำลังจูงมือและเดินเล่นหลังจากพวกเขาเดินมาได้ระยะหนึ่งเฟิงเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น “ วิญญาณไม้แตกต่างจากวิญญาณไฟ วิญญาณไม้โจมตีไม่เก่ง แต่มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง และเก่งในการรักษาและรักษาตัวเอง”จั๋วซือหรานคิด "ทำนาดีกว่า"อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรักษาและความสามารถในการรักษาตนเองของนางไม่ได้แย่นัก นี่ไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 366

    เดิมทีจั๋วซือหรานยังคิดอยู่ว่านางพูดตรงเกินไปหรือเปล่า แม้ว่าคำพูดของนางยังไม่ทำให้ชายคนนั้นโกรธ แต่อย่างน้อยคำพูดของนางก็ส่งผลต่ออารมณ์ของเขาดังนั้นคนที่เงียบขรึมอยู่แล้วจึงเงียบมากขึ้นในขณะที่จั๋วซือหรานรู้สึกว่าท่านอ๋องอาจจะโกรธมาก และเขาจะไม่คุยกับนางอีกแล้ว นางก็คิดอยู่ว่านางควรจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเกลี้ยกล่อมเขาหรือไม่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะให้นางเกลี้ยกล่อมศัตรู นางยอมตายมากกว่าแต่การเกลี้ยกล่อมเฟิงเหยียน...พูดตามตรง จั๋วซือหรานรู้สึกว่านางต้องไม่ใช่ข้อยกเว้น นางรู้สึกว่าตราบใดที่นางเห็นใบหน้าของเฟิงเหยียน และได้ยินเสียงของเขา ตราบใดที่เขาไม่ได้โกรธเกินไป นางก็จะทำตัวไม่สนใจได้ดังนั้นเมื่อมองใบหน้าของเขา จั๋วซือหรานสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้โดยไม่รู้สึกคับข้องใจใด ๆ เลยบางครั้งความหล่อเหลาของใบหน้าก็ไร้ยางอายมากเมื่อจั๋วซือหรานกำลังจะพูดอะไรเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา"เจ้า..."ก่อนที่นางจะพูดได้ เฟิงเหยียนก็พูดด้วยว่า "เจ้าไม่เหมือนข้า คุณลักษณะของพลังวิเศษของตระกูลจั๋วแตกต่างจากพลังวิเศษของตระกูลเฟิง และคุณลักษณะของพลังวิเศษโดยกำเนิดของตระกูลนั้นก็แตกต่างจากพลังศักดิ์

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 367

    ปกติเฟิงเหยียนมักจะเป็นคนเงียบขรึม ดังนั้นเมื่อบุคคลเช่นนี้เริ่มพูดอย่างจริงจังซึ่งจะทำให้ผู้อื่นตั้งใจรับฟังเพราะหาได้ยากจริง ๆ ที่เขาพูดด้วยความจริงจังจั๋วซือหรานเริ่มจริงจังโดยไม่รู้ตัวนางฟังเสียงที่น่าดึงดูดใจของชายผู้นี้ เสียงนี้ช่างหอมหวนและมีเสน่ห์ ราวกับสุหร่าชั้นเลิศ เมื่อจับคู่กับดวงตาของเขาที่ลึกซึ้งและน่าดึงดูดยิ่งขึ้นในตอนกลางคืน“...จริง ๆ แล้วสิ่งที่เจ้าพูดในก่อนหน้านี้ว่า ปลูกพืช พืชเติบโตได้เร็วขึ้นนั้นจริง ๆ ความจริงนี่ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตอันแข็งแกร่งของวิญญาณไม้เช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นในพืช แต่เนื่องจากความใกล้ชิดของสิ่งมีชีวิตนั้นได้สะท้อนให้เห็นในสัตว์จริง ๆ เช่นกัน”หลังจากได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานเริ่มเกิดความสนใจ นางถาม " ท่านอ๋องหมายถึง การควบคุมสัตว์ประหลาดเช่นนั้นหรือ แต่นั่นเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของตระกูลซางไม่ใช่หรือ""ใครกำหนดว่ามีเพียงตระกูลซางเท่านั้นที่สามารถควบคุมสัตว์ประหลาดได้... " หลังจากเฟิงเหยียนพูดจบ เขาก็ผิวปากเบา ๆ ซึ่งได้ยินอย่างชัดเจนในคืนที่เงียบสงบเดิมทีจั๋วซือหรานไม่ได้สังเกตถึงอะไรเลย แต่นางทราบดี เฟิงเหยียนจะไม่ทำอะไรที

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 950

    ต่งคังตอบ "องค์หญิงเนื่องจากยังไม่แต่งงาน ดังนั้นจึงยังไม่ได้ออกจากวังสร้างจวน ยังคงอยู่ในวัง ตำหนัวังของนางไม่ใช่กรมสืบสวนอาญาเข้าไปจัดการ แต่เป็นอ๋องเซี่ยนที่กำชับให้หน่วยงานในวังเข้าไปจัดการ แม่นางจิ่วหากสนใจล่ะก็ ข้าจะไปหาข่าวมาให้"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็โบกไม้โบกมือ "ไม่ต้องแล้ว"ในเมื่อเป็นการกำชับของซือคงเซี่ยน เช่นนั้นถ้าหากมีจุดไหนที่ผิดปกติ ก็น่าจะมาบอกนางจั๋วซือหรานกับต่งคังยืนอยู่หน้าประตูจวนชินอ๋องอวี้ที่ไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกแล้วนางหันตามองกลับไป โบกมือเล็กน้อย ป้ายชื่อหนาหนักที่เขียนอักษรสี่ตัวไว้ว่า 'จวนชินอ๋องอวี้' ก็ร่วงลงมาดังโครมจั๋วซือหรานกลับไปที่บ้านตนเอง แล้วไปกำชับกับเฉวียนคุนแล้วก็เหล่าองครักษ์เงา"ย้าย ย้ายบ้านหรือ?""แต่เรือนนี้ของแม่นางจิ่วเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นานเองนะ..."จั๋วซือหรานมองพวกเขาผาดหนึ่ง "ย้ายไปอยู่ที่ที่กว้างกว่าน่ะ"นางเอ่ยถึงเรื่องรางวัลพระราชทานขึ้นมาไม่ใช่ทุกคนที่จะฟังเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ ทุกคนล้วนดีอกดีใจกับรางวัลพระราชทานนี้พอหลังจากที่องครักษ์เงาลงไป พ่อลูกตระกูลเหยียนที่ไม่พูดอะไรอยู่ข้างๆ มาตลอด จึงเอ่ยปาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 949

    อ๋องเซี่ยนไม่ได้อยู่ในเรือนจั๋วซือหรานนานนัก เดิมทีที่มาก็เพราะตอนนี้มีเรื่องราวมากมายเรื่องซือคงอวี้ครั้งนี้ แม้จะจัดการไปเกือบหมดแล้วแต่ก็ยังเหลือปัญหามากมายที่ต้องมาจัดการ จำเป็นต้องให้เขาเข้าไปวุ่น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่นานนัก หลังรู้ว่าจั๋วซือหรานไม่ได้โกรธ เพียงไม่นานก็บอกลากับจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานคิดๆ ถามขึ้นว่า "จริงด้วย ท่านอ๋อง""อื๋อ?""เมื่อไรถึงจะเข้าไปตรวจยึดจวนอ๋องของซือคงอวี้?""พรุ่งนี้" ซือคงเซี่ยนตอบ จากนั้นจึงคิดได้ "จริงด้วย เจ้าจะไปดูด้วยไหม? ถึงอย่างไรที่นั่นภายหลังก็จะเป็นจวนของเจ้าแล้ว"จั๋วซือหรานครุ่นคิด พยักหน้าตอบว่า "ได้ เช่นนั้นก็ไปดูเสียหน่อยแล้วกัน"วันต่อมา จั๋วซือหรานก้ไปที่จวนชินอ๋องอวี้อย่างไม่รีบไม่ร้อนในอดีตจวนชินอ๋องอวี้ พูดได้ว่ามีแขกเหรื่อมากมาย แต่ตอนนี้กลับเหมือนกลายเป็นกรมสืบสวนพิเศษไปแล้ว เป็นตัวตนที่ทำให้คนอยากเลี่ยงออกไปให้ไกลดูเงียบๆ ไม่มีชีวิตชีวา เหมือนถ้าเดินผ่านที่นี่จะมีความซวยติดตัวไปด้วยอย่างไรอย่างนั้นตอนที่จั๋วซือหรานเดินเล่นในจวนชินอ๋องอวี้ ก็ดึงดูดความสนใจมาไม่น้อย ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนดังในเมืองหลวงดังนั้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 948

    ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยขึ้น "ข้าจะดำเนินการดูแลลงไปเอง"จั๋วซือหรานพยักหน้า "เช่นนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ ก็ให้ผู้อาวุโสห้ารับช่วงต่อจากข้าแล้วกัน ข้าเชื่อว่าเขาจะตัดสินอย่างยุติธรรม"จั๋วอวิ๋นฉีพอได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้นเขาเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานดี นางก็เป็นเหมือนกับเขา คนอื่นๆ ในตระกูลจั๋วไม่เคยเชื่อถือเพียงแต่ เขาเป็นคนที่นางดึงกลับมาจากในกลุ่มคนเถื่อน แล้วยัดกลับเข้ามาในตระกูลจั๋ว แล้วพอเทียบกับคนนั้นคนนี้ในตระกูลจั๋วความน่าเชื่อถือยังสูงกว่าหน่อย ที่สำคัญที่สุดคือ ด้วยประสบการณ์ของจั๋วอวิ๋นฉี ก็น่าจะไม่ต้องเจอคำพูดซ้ำซากที่แขวนอยู่ข้างปากตาแก่ตระกูลจั๋วพวกนั้นแล้ว นี่คือดีมากเลยจั๋วซือหรานเตรียมจะออกไป ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานจึงคิดจะไปส่งนางจั๋วซือหรานยังประหลาดใจหน่อยๆ จะอย่างไร ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้จากนั้นจู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ นางเลิกคิ้วขึ้น "โอ้ จริงด้วย"จั๋วซือหรานโยนขวดใบหนึ่งให้จั๋วอวิ๋นฉี "รับไว้"จั๋วอวิ๋นฉียกมือรับไว้ แล้วก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านี่คืออะไรเป็นสิ่งที่นางมอบให้ตระกูลจั๋วเช่นเดียวกับตระกุลฮั่ว ด้านในทั้งหมดล้วนเป็นยาลูกกลอนกู้หยวน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 947

    พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ทุกคนตระกูลจั๋วแม้จะไม่แสดงชัดบนใบหน้า ในใจกลับล้วนมีความผิดหวังขึ้นมารางๆถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้ยังคิดว่าจั๋วซือหรานมีหรือไม่มีการพระราชทานรางวัลเหล่านั้นตอนนี้พอมาคิด ถ้าทำให้นางกลับมาอยู่ในตระกูลได้ล่ะก็ รางวัลเหล่านั้นที่นางได้มา...ตระกูลจั๋วหรือว่าได้อาบแสงไปด้วยเลยหรือเปล่านะแต่ตอนนี้ จั๋วซือหรานกลับปฏิเสธที่จะกลับมาอยู่มีคนยังคิดจะกล่อมอีกหน่อย"คนคนหนึ่งอยู่ข้างนอก ไม่มีใครดูแล ไม่ค่อยสะดวกด้วยนะ...""จริงด้วย ผู้อาวุโสสามยังกลับมาอยู่เลย ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสตระกูล กลับมาอยู่ในตระกูลจะสะดวกให้ตระกูลดูแลกว่านะ"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็ดึงมุมปากขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชา "ก่อนหน้านี้ตอนข้าอยู่ในตระกูลจั๋ว ก็ได้รับการ 'ดูแล' ไม่น้อยเลยจริงๆ ที่มีชีวิตรอดออกไปจากจวนจั๋วได้ ถือว่าข้าดวงแข็งแล้ว"ทุกคนฟังออกถึงความหมายของจั๋วซือหราน กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันไปทันทีคนเหล่านั้นที่เสนอให้นางกลับมา ก็ไม่กล้าส่งเสียงอีกความคิดของพวกเขา เดาได้ไม่ยาก เดิมทีคือคิดว่า ถือโอกาสจั๋วซือหรานหลังจากถูกพระราชทานรางวัลแล้วอารมณ์ยังดีอยู่ อาจจะเห็นด้วยกับข้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 946

    และตอนที่ฮั่วจือโจวกำลังหารือเรื่องเปิดโรงเตี๊ยมอยู่กับเจี่ยงเทียนซิงและอินเจ๋ออัน ก็ได้รู้ข่าวการพระราชทานรางวัลนี้พวกเขาสามคนสบตากัน"จักรพรรดิเฒ่านี่ร้ายจริงๆ"จั๋วซือหรานไม่ได้ส่งเสียง หลังจากได้ยินคนวังประกาศราชโองการจบ นางก็ยืนนิ่งไม่ขยับคนวังเองก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรียกนางขึ้นคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว ขานรับราชโองการสิ"จั๋วซือหรานไม่ขยับ นางมองราชโองการฉบับนั้น อันที่จริงในใจกำลังพิจารณาจะรับดีไหมองค์จักรพรรดิเฒ่าดีดลูกคิดรอบนี้ ลูกคิดแทบจะกระเด็นมาโดนหน้านางอยู่แล้วพระราชทานเงิน พระราชทานจวน พระราชทานวังสวน สิทธิ์อำนาจพ่อค้าหลวง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ใกล้เคียงกับที่นางขอองค์จักรพรรดิเฒ่าไว้แต่การอวยยศ...แต่งตั้งขุนนางกับพื้นที่ศักดินา แบบนี้มันเกินไปจริงๆในสายตาคนนอก นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับยศมา เรียกได้ว่าจะกลายเป็นโหวหญิงชั้นสูงเพียงคนเดียวของเมืองหลวงไปเลยยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่ศักดินาให้ เรื่องดีจะตายนี่?แต่การแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแพทย์หลวง แม้จะชั่วคราว แต่ใครจะรุ้ว่าต้องนานแค่ไหน?ต้องไปเข้ากะอะไรแบบนั้น น่ารำคาญจะตายยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งข้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 945

    จั๋วซือหรานพอได้ยินเสียงนี้ ก็ไม่เร่งไม่ร้อน ชนแก้วกับจั๋วอวิ๋นฉีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ดื่มสุราในแก้วลงไปจนหมดตอนนี้ นางกับจั๋วอวิ๋นฉีก็กลายเป็นผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าของตระกูลจั๋วแล้วพอวางแก้วลง จั๋วอวิ๋นฉีก็หน้าเย็นชาลงมา เขาหน้าตาหล่อเหล่า แต่ตอนที่สีหน้าเย็นชา ก็ให้ความรู้สึกบีบคั้นที่เย็นเยียบมากเขามองไปทางผู้อาวุโสที่พูดเมื่อครู่นี้คนคนนั้นหดคอลง ไม่กล้าส่งเสียงอีกจั๋วซือหรานไม่ได้ใส่ใจ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วตอนที่อาหารกลางวันดำเนินไปครึ่งหนึ่ง ด้านนอกประตูจู่ๆ ก็มีรายงาน ว่าคนในวังมาแล้ว"คนในวัง?" ยังมีคนไม่เข้าใจ คนในวังมาบ้านตระกูลจั๋วทำไมเพียงไม่นานก็เห็นคนวังประกาศราชโองการในชุดเรียบร้อยเดินเข้ามา เพียงแต่ว่า ดูแล้วหายใจหอบอยู่ น่าจะรีบเข้ามาพอควรคนวังประกาศราชโองการพอเห็นจั๋วซือหราน ก็เผยรอยยิ้มออกมา "แม่นางจิ่วที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง ข้าน้อยหาตัวมาพักหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะพลาดฤกษ์ประกาศราชโองการ"สายตาของคนตระกูลจั๋ว ทยอยกันมองจั๋วซือหรานตอนนี้ คนวังประกาศราชโองการจึงลากเสียงขึ้นดังลั่น "จั๋วซือหราน...รับราชโองการ...!"จั๋วซือหรานลุกขึ้น เตรียมจะทำท่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 944

    ผู้อาวุโสสาม!?ครั้งที่แล้วที่นางกลับไปตระกูลจั๋ว คือเชิญนางไปเป็นผู้อาวุโสหรือ?!อย่าว่าแต่พวกที่มาดูมหรสพเลย กระทั่งเฉวียนคุนพอได้ยินคำเรียกนี้ก็ยังตะลึงไปและเพราะอารมณ์ในใจเขาตื่นเต้นเกินไป จึงสั่นไปทั้งตัว!เรียก เรียกว่าอะไรนะ?!นี่เรียกว่า! สะใจสินะ! เขาตอนนั้นยังจำได้ว่า คุณหนูจิ่วออกจากตระกูล ตอนนั้นคนมากมายล้วนรอดูนางเป็นตัวตลก หรือรู้สึกว่านางนี่ล่ะที่เป็นตัวตลกตอนนั้นส่งคนใช้มามากมายมาที่เรือนของนาง แต่ละคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกเนรเทศอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกว่าจะไม่มีวันได้กลับไปเชิดหน้าชูตาอีกแล้วมีแค่เขาที่อยู่รอด! นับจากตอนนั้นเขาก็เริ่มเชื่อมั่นว่านายท่านจะต้องก้าวหน้าแน่!จั๋วซือหรานได้ยินคำเรียกนี้ สีหน้าก็ดูสงบนิ่งมากทุกคนเห็นสีหน้านางก็รู้แล้ว นางคงรู้เรื่องนี้มานานแล้วพอคนใช้รายงานเสร็จ ก็มองจั๋วซือหรานอย่างตึงเครียดขึ้นมาราวกับ...กลัวว่านางจะปฏิเสธพวกเขาถูกส่งมาเชิญนาง ถ้าหากเชิญไม่ได้ กลับไปอาจจะถูกลงโทษก็ไม่แน่ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของจั๋วซือหราน เตรียมว่าถ้าหากเห็นเค้าลางการปฏิเสธในสีหน้า พวกเขาก็จะอ้อนวอนนางทันทีแต่จั๋วซือห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 943

    ตอนที่เฉวียนคุณเคาะประตูจั๋วซือหรนา นางเพิ่งจะวุ่นกับการหลอมยา...งานช่วงเช้าเสร็จเฉวียนคุนรีบเข้ามารินชาให้นางจั๋วซือหรานรับไปดื่มสองอึก "ทำไมหรือ?"เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นว่า "นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน"สีหน้าของเฉวียนคุณปั้นยาก "เดิมทีเรือนของพวกเราก็ไม่ได้เล็กอะไร ตามหลักการแล้วก็พออาศัยอยู่"เดิมทีก็มีแค่นายท่าน ข้า เด็กฉลาด เฮยหลิง นี่ก็ไม่ใช่ว่าพออยู่เหลือเฟือหรือ"แต่ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะมีใต้เท้าพวกนั้นที่ท่านช่วยกลับมาจากตระกูลเฟิง" เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นหมายถึงพวกเหล่าองครักษ์เงาของเฟิงเหยียนที่นางช่วยกลับมา"ตอนนี้ยังมีพ่อลูกสกุลเหยียนอีก" เฉวียนคุนเอ่ยต่อ "ดังนั้นห้องข้างจึงไม่ค่อยพอแล้วนะ"ห้องพักคนใช้นอกเรือนยังว่างอยู่ ปัญหาคือ เฉวียนคุนมองว่าคนเหล่านี้ นายท่านก็ไม่ได้มองพวกเขาเหมือนคนรับใช้ ดูคล้ายจะเป็นแขกมากกว่าจะให้แขกไปอยู่ในห้องพักคนใช้ก็ไม่ได้..."อา..." จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเฉวียนคุนแล้ว "อย่างนี้นี่เอง รู้แล้ว"เฉวียนคุนพยักหน้า "นายท่านเข้าใจบ้างก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังพอจัดให้ได้ถูไถ แต่หลังจากนี้ถ้าฮูหยินกับนายท่านกลับมา ก็น่าจะจัดไม่ลง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 942

    แต่หลังจากที่พวกเขาออกไป จั๋วซือหรานกลับไม่ได้ลงมาจากบนกำแพงล้อมแต่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก"นางปวดหัว เรื่องนึงสงบลงอีกเรื่องก็ผุดขึ้นมา นางสัมผัสได้นานแล้ว ต่อให้จะเป็นตอนที่คุมเชิงกับคนตระกูลเฟิงที่ไล่ตามเฟิงหร่านมา นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องแอบมองอยู่จากมุมหนึ่งมาโดยตลอดแล้วพอคนจากไป นางก็รออยู่อีกพักหนึ่ง สายตาที่แอบมองอยู่นั่นก็ยังอยู่นางเองก็ขี้เกียจมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว จึงส่งเสียงขึ้นมาตรงๆตอนนี้เอง ในมุมลับตา ก็มีเงาสองร่างเดินออกมาจั๋วซือหรานรู้จักหนึ่งในนี้ นางเลิกคิ้ว "วันนี้คึกคักเสียจริง"พอได้ยินคำนี้ เหยียนฉีก็รู้สึกเขินหน่อยๆ เขาประสานมือให้ "แม่นางจิ่ว ไม่เจอกันเสียนาน"จั๋วซือหรานพยักหน้า มองไปยังคนข้างๆ ผาดหนึ่งเหยียนฉีเอ่ยแนะนำว่า "นี่ นี่คือพ่อของข้าเหยียนเจิน"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เข้ามาสิ"นางไม่ได้กระโจนกลับจากกำแพงล้อมหรือกระโจนออกไป แต่ยืนขึ้นย้ำไปตามสันกำแพง เดินตรงไปยังประตูหน้าพร้อมพวกเขาตอนที่พวกเขาเดินมาถึงประตูเรือนหลัก จึงมีเงาแดงร่างหนึ่งร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status