คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นเล็กน้อย ผีน้อยตนนี้ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น แต่นางไม่มีอารมณ์จะสนใจ“พวกข้าไม่มีความแค้นใดกับท่าน ท่านกลับมาฝังของสิ่งนี้ไว้ในบ้านข้า ยังบอกว่าในร้อยปีนี้ห้ามขุดออกมา ผู้ใดเป็นคนบงการให้ท่านทำเช่นนี้กันแน่?”พอหลิ่วหรูเยียนสงบลงแล้วก็ตระหนักได้ว่ามีปัญหา พวกสิบแปดมงกุฎมักจะหลอกเอาเงินเท่านั้น แต่นางก็ให้ไปหนึ่งแสนตำลึงแล้ว ฝ่ายตรงข้ามไม่มีเหตุผลมาทำร้ายนาง เบื้องหลังจะต้องมีคนบงการอย่างแน่นอน!ประโยคนี้แม้จะคาดคั้นเทียนสุ่ย แต่ทุกคนในที่นั้นล้วนเข้าใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังก็คือฉินซวงซวง“ข้า ข้า...” เทียนสุ่ยเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก ถ้าเขาพูดออกมา เกรงว่าก็คงต้องจบชีวิตลงเหมือนกัน...“ถ้าท่านไม่พูดก็คงอยู่ไม่พ้นวันนี้ ทำเรื่องชั่วร้ายมากขนาดนี้ วันนี้ต้องตายแน่นอน ถ้าท่านพูดออกมา ข้าอาจพิจารณาช่วยเหลือท่านก็ได้” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเสียงต่ำเทียนสุ่ยย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่กลับพบว่าผีน้อยที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังจ้องตนเองอย่างมาดร้าย จากนั้นก็สัมผัสได้ว่าพลังงานชั่วร้ายกำลังแว้งกัด จนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งซ่งรั่วเจินคาดการณ์ไว้แต่แรก พูดประโ
“ห้ามแจ้งความนะ!”ฉินซวงซวงได้ยินว่าจะแจ้งความก็ร้อนรนขึ้นมา จับมือหลินจือเยว่ไว้แน่น “ท่านโหว ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ จะแจ้งความไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ!”หลินจือเยว่กำลังจะเอ่ยปาก แต่ถูกซ่งอี้อันตัดบทเสียก่อน “หลินโหว ข้าแนะนำว่าท่านอย่าพูดอะไรจะดีกว่า กระทำความผิดก็ต้องรับโทษ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะใช้อำนาจมาข่มพวกข้า”แม้สองตาของซ่งอี้อันจะมองไม่เห็น เวลาพูดจากลับแฝงความกดดันเต็มเปี่ยม แสดงความหยิ่งทะนงออกมาเต็มที่ ทำให้คนไม่กล้าดูแคลนหลินจือเยว่ไม่อาจใช้อำนาจมากดดันได้อยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลซ่งเดิมก็มีฐานะไม่ต่ำต้อย ยามนี้ยังมีฉู่อ๋องอยู่ด้วย หากเขากล้าทำเช่นนั้น คนเคราะห์ร้ายคงเป็นเขาแน่นอนจ้าวจือเต๋อ เจ้าเมืองประจำศาลาว่าการซุ่นเทียนเดิมนั้นกำลังดื่มชาอยู่ ครั้นได้ยินว่าเรื่องนี้ไม่เพียงพัวพันถึงหลินโหวและตระกูลซ่ง แม้แต่ฉู่อ๋องก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย ฉับพลันนั้นก็รีบนำกำลังคนห้อม้าออกไปโดยไม่มีแก่ใจไปสนอะไรอีกแล้วจนเมื่อได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบแล้วก็หันไปมองฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว“ท่านมองข้าทำไม? เรื่องเกิดขึ้นแล้วก็จัดการอย่างยุติธรรมเถอะ” ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าฉู่อ๋องจะเป็นคนเรียบง่ายเป็นกันเองเช่นนี้” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยชื่นชมซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หากท่านอ๋องไม่มา วันนี้เกรงว่าคงจะคลี่คลายไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้”“วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่ไปพบเรื่องนี้เข้าเสียก่อน เกรงว่าผลลัพธ์คงเลวร้ายสุดคาดคิด...บุตรีตระกูลฉินทำเรื่องชั่วร้ายพรรค์นี้ออกมาได้ ข้าจะต้องให้พวกเขามอบคำอธิบายมาให้ได้ จะรังแกกันเกินไปแล้ว!”“พวกเจ้าพักผ่อนที่บ้านไปก่อน ข้าจะไปเอาเรื่องที่จวนตระกูลฉินสักรอบ พรุ่งนี้กลับมาอ้างว่าป่วยจะได้มีเหตุผลเพิ่มมาอีกข้อ”หลิ่วหรูเยียนสุดจะกล้ำกลืนโทสะนี้ลงไปได้จริงๆ ยามนี้คนที่รอดูเรื่องขายหน้าของตระกูลซ่งมีจำนวนไม่น้อย ถ้านางไม่ฮึดสู้ วันหน้าเรื่องทำนองนี้คงมีมาไม่หยุดหย่อนสามีไม่อยู่ นางจะต้องปกป้องครอบครัวนี้ ไม่อาจปล่อยให้พวกลูก ๆ ได้รับความไม่เป็นธรรมโดยไร้เหตุผล!เห็นมารดาเรียกสาวใช้แล้วออกไปข้างนอก ซ่งรั่วเจินก็อดประหลาดใจไม่ได้ ในความทรงจำของนาง น้อยครั้งนักที่นางจะได้เห็นมารดามีท่าทีเช่นนี้“ท่านแม่แค่ถูกตระกูลหลิ่วรังแกจนชินชา ท่านตาท่านยายก็ไม่เคยจะเข้าข้างท่านแม่ แต่เวลาอยู่ข้างนอกมี
“ข้าไม่ให้ท่านทำเปล่า ๆ แน่นอน บ้านข้าอยู่ในเมืองหลวงนี่เอง ท่านไปสักรอบก็ไม่ไกลหรอก คนในครอบครัวข้าจะต้องตามหาข้าอยู่เป็นแน่ ขอเพียงท่านบอกเบาะแสของข้าต่อพวกเขา พวกเขาจะต้องตกรางวัลขอบคุณท่านแน่นอน”“หืม?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าแม้เจ้าผีน้อยจะอายุไม่มาก แต่กลับเข้าใจอะไรไม่น้อย “ไหนลองพูดมาซิ”ภายใต้คำบอกเล่าของผีน้อย ซ่งรั่วเจินถึงรู้ว่าที่แท้เจ้าผีน้อยตนนี้ก็มีนามว่าต่งเป๋ยอวี่ เป็นหลานชายต่งหลินชิงรองเจ้ากรมพิธีการหลายเดือนก่อน เขารังเกียจว่าอยู่บ้านน่าเบื่อเกินไป จึงติดตามท่านย่ากับอาสะใภ้กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านเดิม คิดไม่ถึงว่ากลับถูกอาสะใภ้ทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต สุดท้ายศพยังถูกโยนทิ้งลงในบ่อน้ำที่แห้งขอด“เหตุใดอาสะใภ้ของเจ้าต้องทำร้ายเจ้าด้วย?” ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้วแน่น เจ้าผีน้อยตรงหน้าดูแล้วก็อายุแค่หกเจ็ดขวบ ไยต้องลงมือโหดร้ายถึงเพียงนี้?ต่งเป๋ยอวี่ส่ายศีรษะน้อย ๆ “ข้า...ข้าก็ไม่รู้”“งั้นเจ้าเล่าเรื่องครอบครัวเจ้าให้ข้าฟังโดยละเอียดแทนก็แล้วกัน” ซ่งรั่วเจินไม่รีบร้อน ถึงจะตัดสินใจแล้วว่าจะช่วย แต่ก็ต้องรู้สาเหตุเสียก่อนตำแหน่งรองเจ้ากรมพิธีการนั้นไม่ต่ำต้อย ห
หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็นชา นางรู้ว่าฉินฮูหยินตรงหน้าเป็นภรรยาที่แต่งเข้าบ้านหลังภรรยาคนเก่าสิ้นบุญ แต่ชื่อเสียงกลับไม่ได้น่าฟังเหมือนภรรยาที่มาแต่งงานใหม่ทั่วไปเลยสักนิดได้ยินว่าสมัยที่ฮูหยินคนเก่ายังอยู่ แม่ทัพฉินก็แอบสานสัมพันธ์กับกู้อวิ๋นเวยแล้ว ต่อมาฮูหยินผู้นั้นสิ้นบุญ กู้อวิ๋นเวยจึงแต่งเข้ามา ยามนี้มาคิดดูแล้วพฤติกรรมของฉินซวงซวงก็เหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิดเพี้ยน!ไร้ยางอายสิ้นดี!“อวี้เอ๋อร์” หลิ่วหรูเยียนขานเรียกซ่งจืออวี้ยกฆ้องขึ้นตีโดยพลัน เสียงดังครึกโครมดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในชั่วพริบตา แม่ทัพไป๋ที่อยู่ในจวนก็ถูกเสียงดังดึงดูดความสนใจจนออกมาดูด้วยเช่นกัน“หรูเยียน เจ้ามาได้อย่างไร?” แม่ทัพไป๋ถามอย่างประหลาดใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเจ็บช้ำใจ “อาจารย์เจ้าคะ ตระกูลฉินชั่วร้ายเกินไปแล้ว สามีข้ายังไม่กลับมา พวกเขาก็คิดจะเอาชีวิตพวกข้าทุกคน...”เมื่อซ่งรั่วเจินมาถึงก็ได้เห็นฉากที่แสนจะครึกครื้นเช่นนี้เอง กู้อวิ๋นเวยยืนอธิบายอยู่ข้าง ๆ หากแต่ไร้คนเชื่อ มารดาของนางกุมสถานการณ์ไว้ได้อยู่หมัดถึงแม่ทัพไป๋จะเป็นอาจารย์ของบิดา แต่ปฏิบัติต่อบิดานางเสมือนเป็นลูกชายของตนเอง เ
ณ จวนฉู่อ๋องฉู่จวินถิงเพิ่งกลับมา องค์ชายห้าฉู่อวิ๋นกุยที่รออยู่นานแล้วก็รีบเข้ามาหาทันที “เสด็จพี่สาม วันนี้ท่านไปไหนมา? ข้าไปสถานที่ประจำของท่านตั้งหลายแห่งก็ไม่พบท่าน ให้ข้าตามหาเสียตั้งนาน”“มาหาข้ามีเรื่องอะไร?” ฉู่จวินถิงถามอย่างไม่เร็วไม่ช้า“พรุ่งนี้ท่านน้าจะจัดงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา [1] ที่ริมทะเลสาบอวิ๋นสุ่ย เสด็จแม่ให้ข้ามากำชับท่านว่าพรุ่งนี้ต้องไปให้ได้”“ริมทะเลสาบอวิ๋นสุ่ย?”เมื่อฉู่จวินถิงได้ยินคำว่าริมทะเลสาบอวิ๋นสุ่ย ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี ในหัวนึกถึงคำพูดที่ซ่งรั่วเจินบอกเขาว่าอย่าไปริมทะเลสาบขึ้นมาทันที เขายังคิดอยู่เลยว่าตนเองไม่มีความคิดจะไปเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าท่านน้าจะจัดงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวาริมทะเลสาบ ตกลงแล้วนี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าบังเอิญกันแน่?ฉู่อวิ๋นกุยเห็นฉู่จวินถิงเงียบงันไม่เอ่ยวาจาก็คิดว่าเขาเป็นเหมือนที่ผ่านมา จึงถอนหายใจยาว “พี่สาม งานมงคลของท่านแทบจะกลายเป็นปมในใจเสด็จแม่ไปแล้ว สองปีมานี้งานเลี้ยงชมดอกเหมย งานเลี้ยงชมบุปผา หรืองานเลี้ยงชมดอกอิงฮวาล้วนจัดมาหมดแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะส่งคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงมาตรงหน้าท่านหมดแล้ว ไม่มีสักคนที่ท่
“คุณหนู หากอยากได้ยันต์คุ้มกาย พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปขอที่วัดกว่างอวิ๋นมาสักอันดีไหมเจ้าคะ? ไยต้องลำบากเขียนเองด้วย?”ซ่งรั่วเจินตอบโดยไม่เหลือบสายตาขึ้นมอง “ยันต์ที่พวกเขาวาดสู้ของข้าไม่ได้”เฉินเซียงเผยอปาก พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่นางเห็นคุณหนูเขียนพู่กันอย่างหนักแน่น สัญลักษณ์ยันต์ที่ซับซ้อนยังวาดได้สมจริงมาก ถ้าไม่ได้มาเห็นคุณหนูเขียนด้วยตัวเอง บอกว่าไปขอมาจากที่วัดนางก็เชื่อหลังเขียนยันต์คุ้มกายหลายแผ่นติดต่อกัน ซ่งรั่วเจินก็หยิบหนึ่งแผ่นในนั้นส่งให้เฉินเซียง“แผ่นนี้ให้เจ้า เก็บไว้ให้ดี”“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ!” เฉินเซียงยินดีเหลือจะกล่าว เก็บยันต์แผ่นนั้นไว้ในอกเสื้อราวกับเป็นของล้ำค่า ไม่ว่าจะใช้ได้ผลหรือไม่ก็เป็นน้ำใจของคุณหนูหารู้ไม่ว่ายันต์คุ้มกายแผ่นนั้นเปล่งแสงสีทองจางๆ เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งวันถัดมา ซ่งรั่วเจินถูกหลิ่วหรูเยียนเรียกหาแต่เช้า“เจินเอ๋อร์ วันนี้ลู่ฮูหยินจัดงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา คุณหนูตระกูลใหญ่ที่ยังไม่ออกเรือนในเมืองหลวงล้วนไปกันหมด วันนี้เจ้าก็ไปด้วยเถิด!”หลิ่วหรูเยียนนำอาภรณ์และเครื่องประดับที่เตรียมไว้ออกมา “แม่ตั้งใจเลือกของพวกนี้ให้
ฉู่จวินถิงปรายตามองฉู่อวิ๋นกุยที่อยู่ข้างกาย “เจ้าสนใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้ คงไม่ได้มีคุณหนูที่พึงใจแล้วหรอกนะ? มิสู้ข้ากลับไปบอกเสด็จแม่ให้เจ้า ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้าแต่งงานไว ๆ มีหลานตัวน้อยให้เสด็จแม่อุ้ม ข้าเองก็จะได้ฟังคำบ่นน้อยลงหน่อย”“เสด็จพี่ ท่านจัดการเรื่องตัวเองไม่ได้ก็อย่ามาทำร้ายข้าสิ แม้จะมีสตรีชื่นชมข้ามากมาย แต่ไม่มีใครได้ใจข้าไปหรอกนะ ตราบใดที่ท่านยังไม่แต่งงาน เรื่องนี้อย่างไรก็เวียนมาไม่ถึงข้าหรอก”ฉู่อวิ๋นกุยกระหยิ่มยิ้มย่อง อย่างไรเสียเขาก็อยู่อันดับท้าย ๆ มีเสด็จพี่สามขวางอยู่ข้างหน้า เขาจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรี“หากข้าแต่งงาน คนต่อไปก็คือเจ้า เจ้าจะทุ่มเทเพื่องานมงคลของข้าไปทำไม?” ฉู่จวินถิงถามกลับฉู่อวิ๋นกุยอึ้งไป “จริงด้วย ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสด็จพี่ ท่านต้องต้านให้อยู่นะ ข้ายังไม่อยากแต่งงานตั้งแต่ยังหนุ่ม”“งั้นเจ้ากับข้าก็อยู่ตรงนี้ก่อน ไม่ต้องรีบร้อน”ฉู่จวินถิงทอดสายตามองผิวทะเลสาบซึ่งต้องแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับห่างไกลออกไป นึกถึงคำพูดที่ซ่งรั่วเจินบอกเขาว่าอย่าเข้าใกล้ริมทะเลสาบ รู้สึกว่าเชื่อว่ามีไว้ก่อนก็ยังดีกว่าไม่เช
รูม่านตาหัวหน้าตระกูลเจียงหดลง ฉู่อ๋องถึงขั้นรู้!ต่อให้เป็นจ้าวชิงหยวน จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกลงสาเหตุคืออันใด ทว่าวันนี้ฉู่อ๋องเพิ่งมาถึงก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อม...”เจียงฮูหยินและลูกๆ ล้วนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องมาแล้วจึงต้องการชีวิตพวกเขาทั้งหมด!“นายท่าน ท่านรีบพูดสิ! หรืออยากให้พวกเราต้องตายทั้งตระกูลเจ้าคะ?” เจียงฮูหยินร้อนใจตอนนี้เอง ฉู่จวินถิงเดินมาหยุดข้างกายซ่งรั่วเจิน เอ่ยปากเสียงนุ่มนวล “เจ้าไปเดินเล่นก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ สายตาเลื่อนตกลงบนตัวทุกคนในตระกูลเจียงก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วน คาดว่าภาพต่อจากนี้ไม่เหมาะให้นางเห็น พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง“เพคะ”หลังฝ่ายหญิงจากไป ฉู่จวินถิงหันหน้ากลับมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาดำดุจหมึกคู่นั้นเปี่ยมไออำมหิต เขายืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม คล้ายราชามารก็มิปานชวนให้คนอกสั่นขวัญแขวน“เดิมทีข้าก็ไม่มีความอดทนมากอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงเหล่มอง “อวิ๋นหยาง”อวิ๋นหยางดึงกระบี่ออก วางพาดบนชายคนหนึ่ง ก็คือคุณชายใหญ่สกุลเจียงไม่ฟังความคนนั้น“ฆ่า!”อวิ๋นหยางฟันลงไปอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้มองดูแล้วที่นี่ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขึ้น “ไม่มีไอมรณะ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้สืบข่าวได้ว่าสกุลเจียงเองก็ไม่มีคนเจ็บป่วย”สายตาฉู่จวินถิงเย็นชา “อาจจะ...สมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็ข่มขู่ธรรมดาก็เพียงพอให้พวกเขารับปากแล้ว”หัวหน้าตระกูลเจียงเร่งเดินทางออกมาอย่างว่องไว “คารวะฉู่อ๋อง!”ฉู่อ๋องมองหัวหน้าตระกูลเจียงแวบหนึ่ง เห็นข้างกายเขาไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย สายตาเจือแววนึกสนุก “หัวหน้าตระกูลเจียงอายุปูนนี้แล้ว คงไม่ใช่ยังไม่แต่งงานหรอกกระมัง?”“เรียนท่านอ๋อง บังเอิญยิ่งนัก ภรรยากระหม่อมพาลูกไปเยี่ยมญาติที่คูเมืองอื่นแล้ว บัดนี้ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าตระกูลเจียงยิ้มประสบเอาใจพลางอธิบาย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ “วันนี้ภรรยาและลูกของหัวหน้าตระกูลเจียงออกจากเมืองไปเยี่ยมญาติ บังเอิญตอนข้ามาถึง ได้เชิญพวกเขากลับมาพร้อมกันแล้ว”“คาดว่าหัวหน้าตระกูลเจียงคงไม่ถือสากระมัง?”เสียงฉู่จวินถิงเพิ่งจบลง หัวหน้าตระกูลเจียงพลันใจสั่น ได้เห็นฉู่จวินถิงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาทีหนึ่ง อวิ๋นหยางพาคนเข้ามาแล้ว“นายท่าน!”“ท่านพ่อ!”สีหน้าเจี
หัวหน้าตระกูลเจียงขมวดคิ้วแน่น พวกเขารู้ชื่อเสียงของฉู่อ๋องดีมาก นั่นคือเทพสังหารในสนามรบเชียวนะ!พวกเขาที่นี่อยู่ใกล้เมืองผิงหยาง ย่อมรู้จักบารมีของฉู่อ๋องดีที่สุด“พูดไปแล้วเรื่องนี้ยังต้องโทษท่าน เดิมทีฉู่อ๋องต้องการไปเมืองผิงหยาง ก็แค่แวะเติมเสบียงที่ท่าเรือเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับสร้างเรื่องที่ท่าเรือ ทำให้พวกเขาต้องอยู่ต่อ”สีหน้าหัวหน้าตระกูลหลี่ไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนไว้แล้ว ต่อให้ราชสำนักส่งคนมา นั่นจะต้องไปที่เมืองผิงหยางก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันมาที่เมืองไห่เทียนก่อนทันทีที่ได้รับข่าว พวกเขาก็สามารถหาทางป้องกันตนเองได้ มีเวลามากเพียงพอใครคาดคิดเล่าว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันเช่นนี้ ไม่มีโอกาสหนีตั้งแต่แรก“เรื่องนี้ไม่สามารถโทษข้าได้ ไฉนเลยข้าจะรู้ว่าเรื่องจะบังเอิญถึงเพียงนี้?”หัวหน้าตระกูลเจียงอึดอัดใจอย่างอดไม่ได้ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ก็ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น น่าเสียดายบนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง“บัดนี้โทษใครก็ไม่สำคัญ รีบคิดเถอะว่าจะทำเช่นไร ข้าส่งคนไปสืบข่าวแล้ว ฉู่อ๋องไปที่อำเภอนั้น น่ากลัวว่าอ
อิงตามที่ซ่งเยี่ยนโจวพูด สถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายมากอย่างแท้จริง หากไม่ใช่คนสกุลหลิงนำทหารเร่งเดินทางมาถึง เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วหลินจือเยว่กลับมีผลงานเพราะส่งข่าว หากไม่ได้เขาส่งข่าว สกุลหลิงไปไม่ทันเวลา น่ากลัวว่าจะต้องเสียชายแดนไปแล้วแน่ ไม่มีวันเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้!แม้พูดว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทั้งหมดนี้ แต่เพียงเรื่องที่บิดายังไม่ตาย กลับไม่ส่งข่าวมาโดยตลอด ก็สามารถตั้งข้อสันนิษฐานได้มากแล้วภายในนี้จะต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่แน่ทั้งหมด...ยังชี้ไปที่สกุลหลิงอีกด้วย!ยามฉู่จวินถิงมาถึงก็ได้เห็นพวกซ่งรั่วเจินสามพี่น้องกำลังนั่งรวมตัวกัน บรรยากาศตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด“ทำนายผลออกมาไม่ดีกระนั้นหรือ?” ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความกังวลซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “เปล่าเพคะ ก็แค่คิดบางเรื่อง ท่านและท่านตาเข้าใจสถานการณ์แล้วหรือ?”“อยากรู้เรื่องผู้อยู่เบื้องหลัง ยังต้องไปสกุลเจียงสักเที่ยวหนึ่ง จะได้พบหัวหน้าตระกูลเจียง” ฉู่จวินถิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “ง้างปากของเขา สามารถลดปัญหาลงได้มาก”ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “หม่อมฉันไปเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่?”ในเมื่อทางฝั่งจ้าวชิงหยวนพบไอม
ดูท่าแล้ว ท่านพ่อสังเกตเห็นความอันตราย มิหนำซ้ำยังพบสถานที่ปลอดภัย “บางที...พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหาท่านพ่อ ท่านพ่อก็จะมาหาพวกเราเอง”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว พวกซ่งจืออวี้ทั้งสองคนเผยสีหน้าตกตะลึง “นี่หมายความว่าอะไร? หรือท่านพ่อสามารถรู้ได้ว่าพวกเรามากระนั้น?”“ท่านพ่อย่อมไม่รู้ หากข้าเดาไม่ผิด เป็นไปได้มากว่าท่านพ่อกำลังสืบเรื่องอุทกภัยจึงเข้ามาใกล้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญพลางเอ่ยปาก “บัดนี้ตำแหน่งของท่านพ่อไม่ใช่ชายแดน ยิ่งไปกว่านั้นยังใกล้กับที่พวกเราอยู่ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”“พูดเช่นนี้แล้ว อาการบาดเจ็บของท่านพ่อหายดีแล้วกระนั้น?” ซ่งจืออวี้แปลกใจ หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็คือข่าวดีซ่งจิ่งเซินกลับไม่ดีใจมากนัก “ใช่หรือไม่ว่าถูกไล่ต้อนให้จากไป? ครั้งนี้ท่านพ่อเกือบต้องทิ้งชีวิตในสนามรบ ข้าคิดว่าจะต้องถูกคนทำร้ายแน่!”“คนที่ทำร้ายเขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จึงตามหาเขาทั่วสารทิศ”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มากทีเดียว นึกอยากตามหาคน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองนางอย่างกะทันหัน จะใช่คุณชายใหญ่สกุลหลิงหรือไม่?นับตั้งแต่คำรบแรกที่นางได้พบหลิงเชี่ยนเอ
“เจ้ารู้เกี่ยวกับสถานการณ์เหล่านี้มากน้อยเพียงใด? นอกจากเมืองไห่เทียนแล้ว ใช่หรือไม่ว่าคูเมืองใกล้เคียงเองก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกัน?”“พูดสิ่งที่เจ้ารู้ทั้งหมดออกมา พวกเราค่อยตัดสินใจว่าจะจัดการเยี่ยงไร”สีหน้าฉู่จวินถิงเคร่งขรึม ก่อนเดินทางมาคิดว่ามีขุนนางคดโกงลอบหาผลประโยชน์ส่วนตนตอนบรรเทาภัยพิบัติ ไม่คาดคิดเลยว่าหลังมาแล้วจึงได้รู้ว่าสถานการณ์ร้ายแรงกว่าที่คิดมากนักพ่อค้าผู้มั่งคั่งเหล่านี้ทำเรื่องชั่วทุกอย่างเพื่อเงิน ข่มขู่เพื่อผลประโยชน์ นอกจากรับปากคำขอของพวกเขา หาไม่แล้วแม้แต่ชีวิตก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ครอบครัวของจ้าวชิงหยวนก็คือตัวอย่างบัดนี้จ้าวชิงหยวนไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลอีก ทันใดนั้นพูดสิ่งที่รู้ทั้งหมดออกมา“อิงตามที่กระหม่อมรู้ ไม่เพียงแค่เมืองไห่เทียน คูเมืองละแวกใกล้เคียงอีกสองสามแห่งก็เป็นเช่นนี้ ทว่ามีบางคูเมืองที่ขุนนางและพ่อค้าสมรู้ร่วมคิดกัน สถานการณ์น่าจะไม่เหมือนกับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นจ้าวชิงหยวนก็จับพู่กันเขียนรายชื่อคนออกมา ฉู่จวินถิงและกู้หวยซวี่มองดู ตัดสินใจภายในใจ“กระหม่อมเคยพบนายอำเภอเมืองหวยหยางมาก่อน เขาเป็นขุนนางที่ดีมีใจรักร
จ้าวชิงหยวนเบิกตากว้าง นี่ถึงรับรู้ว่าสิ่งที่ลูกชายตนเองได้บอกกล่าวในช่วงหลายวันมานี้ไม่ใช่ภาพหลอน แต่เป็นความจริง แม่นางเบื้องหน้าท่านนี้ถึงขั้นสามารถมองเห็นได้“แม่นาง เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”บัดนี้ซ่งรั่วเจินได้รู้เรื่องทั้งหมดผ่านปากฉู่จวินถิงแล้ว หลังนางเล่าสาเหตุออกมา จ้าวชิงหยวนโมโหตัวสั่น“พวกเขา เหตุใดพวกเขาต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้! เพื่อหาเงินอย่างไร้จริยธรรม ก็ต้องการชีวิตคนมากถึงเพียงนี้!”เดิมทีจ้าวชิงหยวนอยากไปเชิญหมอมาเพื่อรักษาอาการจ้าวเฮ่าเจี๋ย แม้พูดว่าไอมรณะถูกกำจัดไปแล้ว แต่เขากลับมองดูแล้วอ่อนแอมากเกินไป กังวลว่าจะทนไม่ไหวอย่างแท้จริงทว่า ซ่งรั่วเจินบอกเขาไม่จำเป็นต้องกังวล ตนเองจะลงมือช่วยเหลือเองบัดนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือจัดการปัญหาเมืองไห่เทียน อย่างไรเสียก็ยังมีราษฎรกำลังตกทุกข์ได้ยากมากถึงเพียงนั้น จัดการเร็วขึ้น ก็สามารถช่วยได้มากขึ้นอีกสองคน“พี่หญิง อาการของข้าสามารถดีขึ้นได้จริงหรือขอรับ?” จ้าวเฮ่าเจี๋ยเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “แน่นอน เดิมทีร่างกายเจ้าก็แข็งแรงอยู่แล้ว หากไม่ถูกไอมรณะรุมเร้า ก็ไม่มีวันก
ซ่งรั่วเจินมองกลุ่มไอมรณะที่อยู่ภายในห้อง ดวงตาแข็งกร้าว คนสารเลวรกโลกพวกนี้ เรียนวิชาศาสตร์ลี้ลับมาใช้ทำร้ายผู้คน! ไอมรณะที่รุนแรงเช่นนี้ ไม่ว่าใครที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ พลังชีวิตก็ย่อมจะถูกกัดกร่อนทีละน้อย จนมีสภาพย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะจ้าวเฮ่าเจี๋ยเป็นชายหนุ่ม อีกทั้งยังอยู่ในวัยสิบเจ็ดปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่พลังหยางเพิ่งจะแข็งแกร่งถึงที่สุด หากเปลี่ยนเป็นหญิงสาวหรือผู้อาวุโส คงทนรับไม่ไหวและสิ้นใจไปนานแล้ว “พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ?” จ้าวชิงหยวนรีบรุดเข้ามาอย่างร้อนรน ทันทีที่ก้าวเข้าห้องก็พุ่งตรงไปอยู่ข้างกายจ้าวเฮ่าเจี๋ยทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย “เฮ่าเจี๋ย มีอะไรหรือ? เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” จ้าวเฮ่าเจี๋ยส่ายหน้า พลางมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกปลอดภัยเกิดขึ้น ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขารู้สึกเสมอว่าภายในห้องราวกับมีพลังงานมืดกลุ่มหนึ่งปกคลุมอยู่ แต่เมื่อเขาถามผู้อื่น ทุกคนต่างบอกว่าไม่มีอะไรแบบนั้น และถึงขั้นคิดว่าเขาป่วยหนักจนเสียสติไปแล้ว แต่เขาเห็นมันได้จริงๆ! ไม่เพียงแต่จะมองเห็น เขาถึงขั้นรู้สึ
เขาไม่อาจทนมองดูญาติคนสุดท้ายจากไปต่อหน้าต่อตาเพราะเหตุผลนี้ได้จริง ๆ จึงจำต้องยอมตกลง และแล้วอาการของบุตรชายก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เขาจนปัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องทุกอย่าง แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะสมคบคิดกับพวกคนชั่ว เพราะเหตุนี้จึงกลายเป็นดั่งเช่นในวันนี้ เขารู้สึกละอายต่อประชาชนทั้งเมือง หลังจากนั้น เขาเองก็เคยลองพยายามอีกครั้ง แต่กลับพบว่าไม่มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียว แม้จะส่งบุตรชายไปยังเมืองอื่น แต่ก็ยังคงป่วยหนักเช่นเดิม เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้หนทาง เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือนำทรัพย์สินที่สามารถบริจาคได้ทั้งหมดออกไปบริจาค… ฉู่จวินถิงและราชครูกู้ต่างตกอยู่ในความเงียบหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด พวกเขาเดาไว้ว่าจ้าวชิงหยวนต้องมีเรื่องลำบากใจ แต่กลับไม่คิดเลยว่าเรื่องลำบากใจของเขาจะเจ็บปวดถึงเพียงนี้ เมื่อชะตาชีวิตของครอบครัวต้องถูกนำมาแขวนไว้กับชีวิตของผู้คนทั้งเมือง กลับกัน ไม่ว่าใครก็คงจะเลือกได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น บุตรสาวของเขายังต้องสังเวยชีวิตไปแล้วเพราะเรื่องนี้ ผู้ที่วางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป