ความรักของจิ่นเอ๋อร์คนนี้เป็นความรักที่ขาดสติ นางเริ่มชอบฟู่หลานเหิงตั้งแต่เมืองตงโจว อีกทั้งในต้นฉบับ เดิมทีสองคนนี้จะต้องคู่กัน ในต้นฉบับเดิมหลังจากที่ซูจิ่งสิงตาย ซูจิ่นเอ๋อร์จะต้องถูกเนรเทศมายังเจดีย์หนิงกู่สุดท้ายฟู่หลานเหิงก็ได้ช่วยชีวิตนางออกมา ช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้นาง คอยดูแลอยู่ข้างกายในหนังสือ จิ่นเอ๋อร์ก็ยังคงลุ่มหลงในตัวเขาหากพลาดโอกาสนี้ไปก็คงน่าเสียดายไม่น้อยซูจิ่งสิงจนปัญญา “เจ้าจะทำอย่างไร?”เรื่องที่ภรรยาตัดสินใจ เขาไม่เคยคัดค้านเลยสักครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องทำตามยิ่งไปกว่านั้นจากมุมมองของผู้ชาย ฟู่หลานเหิงเป็นคนที่ไว้วางใจได้ บริสุทธิ์ ไม่เคยมีสตรีเข้ามายุ่งวุ่นวายข้างกาย“ข้าจะพูดให้เจ้าฟัง....”กู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างข้างหูของซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงปรายตามองด้วยความสงสัย “ทำเช่นนี้ได้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ เช้าวันที่สอง ซูจิ่นเอ๋อร์ออกจากบ้านเช้ากลับเร็วเหมือนต้องการหลบเลี่ยงใครบางคนฟู่หลานเหิงเองก็พยายามหลบ
“จิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อลานสัตว์ก็เกิดเรื่องแล้ว ข้าว่าเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าดีกว่า”หร่านเหยียนแสดงท่าทีหวังดีซูจิ่นเอ๋อร์เหมือนกำลังถูกนางโน้มน้าว แต่นัยน์ตากลับยังคงแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ “หากม้าศึกและนักรบหมาป่าเหล่านี้เป็นอะไรขึ้นมา จะต้องเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล พี่สะใภ้ใหญ่จะต้องเสียใจมาก นางกำลังตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าจะควบคุมไหวหรือไม่”หร่านเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “พี่ใหญ่เจ้า คงปลอบใจได้กระมัง?” ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่คิดอะไร “พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านหลายวันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าค่ะ”นางแสดงความเจ็บปวดและรู้สึกผิด “ข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ ทั้งจวนมีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ที่พึ่งได้”ทันทีที่ประโยคนี้ดังเข้าไปในหูของหร่านเหยียน สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมลง“ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงซูฮูหยินเช่นนี้ก็ตามนางไปดูเถอะ”นางกล่าวเอาใจ “ข้าและพี่ใหญ่ไม่เป็นไร พวกเราจะรอเจ้าเสร็จงานอยู่ที่นี่”ซูจิ่นเอ๋อร์รูสึกซาบซึ้งขึ้นมาทันที “หร่านเหยียน เจ้าช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีของข้ายิ่งนัก ข้าจะจำเจ้าไว้ รอข้าเสร็จงาน ข้าจะมาหาเจ้า”กล่าวจบก็จับชายกระโปรงแล้ววิ่งออก
กู้หว่านเยว่พยายามอดกลั้นที่จะไม่อาเจียนออกมา ก่อนจะกลอกตามองบน “คุณชายหร่านจะช่วยข้าอย่างไร?”“สตรีผู้งามเลิศอย่างซูฮูหยิน ควรได้รับการทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ มิเช่นนั้นหากเกิดริ้วรอยขึ้นมา คงดูไม่จืด” หร่านถิงค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมากใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดค่อย ๆ กล่าวโน้มน้าว “ข้าดีดฉินเป็น เสียงฉินปลอบประโลมใจคน ข้าเต็มใจปลอบประโลมใจฮูหยิน”กู้หว่านเยว่ “.....”หงจาว “.....”จะไม่ให้อาเจียนได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่แผนการ หมัดเล็ก ๆ ของหงจาวคงชกหน้าของเขาไปแล้วกู้หว่านเยว่พยายามข่มความสะอิดสะเอียน อยากรู้ว่าหร่านถิงจะทำอะไรจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ในห้องตำรามีฉิน ไปกันเถอะ”หร่านถิงยิ้มหวานการะชากใจ โปรยเสน่ห์ตามใจชอบ ไม่นานก็มาถึงห้องตำรา“เป็นฉินที่ดีจริง ๆ นี่คือฉินของฮูหยินหรือ ดูจากตัวฉินแล้วน่าจะถูกใช้มาหลายครั้ง ฮูหยินมักจะดีดฉินอยู่บ่อย ๆ กระมัง”หร่านถิงทำการดึงสาย กู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างสงบเงียบ “นี่คือฉินที่ข้าขโมยมาจากคลังส่วนตัวของบุรุษผู้หนึ่ง”ทั้งยังเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นขุนนางเก่าหร่านถิง “.....” ทั
หร่านถิงที่ยังปากแข็งอยู่เมื่อครู่ก็พลันระเบิดอารมณ์ออกมา “ตอนข้าหรือ? อย่า อย่าตอนข้า”การตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกทรมานสิบประการเสียอีก!เขาเป็นหนุ่มเจ้าชู้ที่ควบหญิงงามไม่เลือกหน้า สิ่งนั้นคือชีวิตเขาเป็นส่วนที่สร้างความสุขให้กับเขาหากไม่มีสิ่งนั้นแล้ว เขายอมตายดีกว่าลู่จิงตั้งใจหยิบมีดตะขอเล็กเล่มหนึ่งออกมา “นายท่านดูมีดเล่มนี้ของข้าสิ นี่คือมีดสำหรับตอนขันทีที่ลูกสมุนของข้านำออกมาจากวังหลวง รับรองเลยว่ามันสามารถตัดน้องชายของเจ้าจนสะอาดเกลี้ยง ฮ่าๆ!”“เจ้าอย่าเข้ามา อ๊าก!” หร่านถิงไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน เขาไม่อยากขาดลูกสิ้นหลาน ลู่จิงจับเขากระชากขึ้นมา จากนั้นก็ถลกกางเกงของเขาอาจเพราะหร่านถิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งสองคนจึงได้ยินเขาสารภาพผ่านประตู“ข้าพูดแล้ว ข้าสารภาพแล้ว!”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้น “ลากเขาเข้ามา”หร่านถิงดึงกางเกงไว้ จากนั้นก็คลานไปบนพื้นอย่างจนตรอก “หร่านเหยียน นางไม่ใช่น้องสาวของข้า”“ข้าแค่รับเงิน มาหลอกล่อเจ้า”ไม่รู้ว่าเขาเข้าถึงบทบาทมากเกินไปหรือเปล่า หร่านถิงถึงได้มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาหลงใหล“เจ้าเป็นคนแรกที่ต่อต้านเสียงฉินของข้า เ
“อ๊าก ช่วยด้วย!”หนูตัวนั้นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก ทั้งยังปีนป่ายขึ้นมาบนตัวของนาง ซูจิ่นเอ๋อร์ตื่นตกใจจนร้องกรีด สีหน้าซีดเผือด“หนูสกปรก ออกไปเดี๋ยวนี้!” หนูตัวนี้มีขนสีเขียวหม่นทั้งตัว ดวงตาสีแดงเลือด มองยังไงก็ดูแปลกประหลาดไม่เพียงแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ตื่นตกใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจมากเช่นกันทั้งสองคนรู้ว่าอุจจาระของหนูตัวนั้นทำให้หนูติดโรคระบาดจะให้ซูจิ่นเอ๋อร์โดนมันกัดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นซูจิ่นเอ๋อร์ก็อาจจะติดเชื้ออย่างไม่อาจหนีพ้น“ซูจิ่นเอ๋อร์ อย่าแตะต้องมัน!”เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้น จากนั้นฟู่หลานเหิงก็พุ่งออกมาจากความมืด จับหนูที่เกาะอยู่บนหน้าอกของซูจิ่นเอ๋อร์ออกอย่างไม่ลังเลเหตุการณ์เพียงสั้น ๆ ได้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทั้งตัวของนางทรุดลงไปนั่งบนพื้นเด็กผู้หญิงมักจะกลัวหนูอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหนูที่มีขนสีเขียวทั้งตัวและเป็นโรคระบาดมือและเท้าของนางเย็นเยือก สายตาที่มองไปทางฟู่หลานเหิงฉายแววสับสนฟู่หลานเหิงทำให้นางตกใจ จากนั้นก็เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”ส่วนองครักษ์จันทราที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ฟู่หลานเหิงค่อย ๆ สงบลง “ข้าถูกหนูที่ติดเชื้อกัด ข้าต้องติดโรคระบาดอย่างแน่นอน พวกเจ้าห้ามเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด ทางที่ดีควรพาข้าออกไปกักตัวนอกเมือง”หนูที่ติดเชื้อมีนิสัยดุร้าย ฟู่หลานเหิงต้องคำนึงถึงชาวบ้านเป็นหลักยิ่งไปกว่านั้นทางราชสำนักได้จับตาดูอย่างเคร่งครัด หากมีโรคระบาดแพร่กระจาย เช่นนี้ไม่เป็นการแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มศึกอย่างนั้นหรือ?ซูจิ่นเอ๋อร์จะได้ไหวหรือ?นางร้องไห้พลางส่ายหน้า “ไม่เอา หนูที่ติดเชื้อน่ากลัวมาก หากไม่ระวังอาจจะคร่าชีวิตได้ การส่งท่านไปนอกเมือง ไม่เป็นการปล่อยให้ท่านรอความตายอยู่เพียงลำพังหรอกหรือ?”นางปาดน้ำตา “ใต้เท้าฟู่ ข้ารู้ว่าท่านไม่สนใจข้า แต่เพื่อช่วยข้า ท่านจึงต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้ หากท่านตาย ข้าก็จะขอตายไปพร้อมท่านด้วยเจ้าค่ะ”ซูจิ่งสิงเมินหน้าไปทางอื่น ทำเป็นมองไม่เห็น“ตายด้วยกัน ชีวิตเจ้าอาภัพนักหรือถึงได้อยากตายเช่นนี้!” กู้หว่านเยว่ดีดหน้าผากของนาง จากนั้นก็หันไปกล่าวกับฟู่หลานเหิง“เจ้าสองคนลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นหมอ กว่าโรคระบาดจะแสดงอาการต้องใช้เวลา ท่านเพิ่งโดนหนูกัดไม่นาน แม้ว่าจะติดเชื้อแล้ว บัดนี้มันก็ยังอยู่ในช่วงฟักตัว ไม่
ฟู่เยียนหรานยังอยากปิดบัง แต่เมื่อเห็นว่าหน้ากากถูกกระชากออกมาแล้ว จึงไม่สนใจอะไรอีก“กู้หว่านเยว่ เจ้าก็รู้ว่าข้าอยากฆ่าเจ้าขนาดไหน ทำไมสวรรค์มักจะช่วยเจ้าอยู่เรื่อย?!”สายตาของนางฉายแววดุดัน “เดิมทีข้าคือฮองเฮา คือมารดาแห่งใต้หล้า เจ้า ทำลายข้า!”เจ้าฆ่ามู่หรงอวี้ เจ้าฆ่าเขา!เจ้าสมควรตาย เจ้าแย่งทุกอย่างไปจากข้า!”ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ จู่ ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์อีกครั้ง กรีดร้องเสียงดังใส่ประตูห้องขัง ออกแรงทุบประตูไม่ยั้งกู้หว่านเยว่หรี่ตาลง “เจ้าเคยเจอเถาเอ๋อร์แล้วสินะ?”นอกจากนางแล้ว มีเพียงเถาเอ๋อร์ที่รู้ว่าฟู่เยียนหรานคือฮองเฮาตามต้นฉบับเดิมท่าทางเถาเอ๋อร์จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เยียนหรานฟังแล้ว“น้องหญิงระวัง กำลังวังชาของนางไม่ธรรมดา” ซูจิ่งสิงโพล่งออกมาท่าทางของเถาเอ๋อร์ในตอนนี้ บ้าคลั่งเกินจะพรรณนา“นางคงจะถูกใครควบคุมอยู่”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะมาถึง นางได้ส่งคนไปรายงานหวงเหล่าแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้เขากับปรมาจารย์แพทย์เป็นหมอการกุศลให้ชาวบ้านอยู่ที่เมืองอวี้พอดี“ลากนางออกมาจากคุกเดี๋ยวนี้”ชิงเหลียนมัดมือของเถาเอ๋อร์ไว้ แล้วนั่งรถม้าไปหาหวงเหล่าด้วยกันทันทีท
“ถูกต้อง” หวงเหล่าส่งสายตาที่กำลังบอกว่า ‘เด็กคนนี้ชักจะรู้มากเกินไป’ ให้นางกู้หว่านเยว่จึงกล่าวถาม “แล้วข้าจะหาเจ้าของตัวกู่ผู้นี้เจอได้อย่างไร?”ลูกกู่และแม่กู่คือสายเลือดเดียวกัน ลูกกู่ถูกควบคุมโดยแม่กู่ หากพบเจอกับอันตราย มันจะบินกลับไปหาแม่กู่ ให้แม่กู่ช่วยปกป้องมัน ตราบใดที่จับลูกกู่ได้ ก็จะสามารถตามหาแม่กู่ได้” หวงเหล่ากล่าว“แต่ทว่าพวกเจ้าต้องระวังตัว ลูกกู่ตัวนี้ดุร้ายมาก อาจจะถือโอกาสที่พวกเจ้าไม่ทันสังเกตแทรกตัวเข้าไปในร่างกายของพวกเจ้าผ่านรูทวารทั้งเจ็ด ทำเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมัน”สิ่งที่หวงเหล่าพูดทำให้พวกเขาถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัวกู้หว่านเยว่ยังคงถามต่อ “ในเมื่อลูกกู่ตัวนี้อยู่ในร่างกายนาง หวงเหล่าคงจะมีวิธีเอาลูกกู่ออกมาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ฟู่เยียนหรานก่อกรรมทำชั่วมากมาย กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเก็บนางไว้เพียงเพราะตัวกู่แน่นอนหากสามารถเอาลูกกู่ออกมาจากตัวนางได้ก็จะสามารถตามหาเจ้าของแม่กู่เจอได้เช่นกัน“มียาประเภทหนึ่ง สามารถบีบให้ตัวกู่ออกมาจากร่างกายที่มันอาศัยอยู่ได้”หวงเหล่ายังคงลูบเครา ก่อนจะคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “บังเอิญว่าข้ามียาชนิด
จางเอ้อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“แต่ว่า ข้าทำได้เพียงพูดต่อหน้าพระชายาเท่านั้น”“ทำอย่างสุดความสามารถก็พอ” หวังหรานเอ๋อร์ก็ไม่บีบบังคับเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองพูดจบ จางเอ้อร์ก็ไปหากู้หว่านเยว่เพื่อพูดคุยเรื่องนี้กู้หว่านเยว่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องใช้คนพอดี ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้วและเมื่อก่อนบนเส้นทางที่ถูกเนรเทศ จางเอ้อร์ก็ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี กู้หว่านเยว่หาโอกาสตอบแทนมาโดยตลอดบัดนี้ได้เวลาตอบแทนน้ำใจพอดี“ชิงเหลียน เจ้าพาจางเอ้อร์และหวังหรานเอ๋อร์ไปหาคุณชายอวิ๋น แล้วบอกว่าข้าให้พวกเขาไป”งานพลาธิการแนวหลังของการสู้รบ ทั้งหมดอวิ๋นมู่เป็นผู้รับผิดชอบอยู่ขอเพียงพาคนไปและบอกกับอวิ๋นมู่เช่นนี้ อวิ๋นมู่ก็เข้าใจแล้วชิงเหลียนยิ้มกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าคุณชายอวิ๋นกำลังดื่มสุราอยู่กับคุณชายไป๋หลี่ ทำไมไม่รอให้งานเลี้ยงเลิก แล้วค่อยพาพวกเขาไปหา”จางเอ้อร์กล่าวอย่างมีไหวพริบ “ไม่รีบ ไม่รีบ จะได้ไม่ทำลายอารมณ์อันสุนทรีย์ของคุณชายอวิ๋น”ฉู่เฟิงเอ่ยด้วยความอิจฉา “ท่านนี่ช่างรักคุณชายอวิ๋นนัก ข้ายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว ไม่เห็นท่านเรียกข้าไปดื่มสุราสักอึกสองอึกบ้างเลย”ทำให้ชิงเหลีย
หวังหรานเอ๋อร์ปาดน้ำตาพลางพยักหน้า “ข้าก็รู้แล้ว”“ขอโทษด้วยคุณหนูใหญ่ ข้าไม่ได้ปกป้องหัวหน้าสำนักคุ้มภัยให้ดีจางเอ้อร์ก้มหน้าลง หัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี“พี่น้องมากมายที่ออกไปคุ้มกันตายหมดเลย มีเพียงข้าที่ยังเอาตัวรอดมาได้”เขารู้สึกผิดอยู่ภายในใจ“พี่จางเอ้อร์ ท่านอย่าพูดจาเหลวไหล!”หวังหรานเอ๋อร์มองไปที่เขา พลางเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้ารู้ว่าท่านทำดีที่สุดแล้ว ที่พวกเราสองคนมีชีวิตรอดมาได้ ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องโทษกันอีกต่อไป”นางเป็นคนเข้าใจอะไรถ่องแท้ ในใจของจางเอ้อร์ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิมแม้ว่ารอบ ๆ จะโหมบรรเลงดนตรี แต่คนเจ็บปวดรวดร้าวทั้งสองก็ไม่มีความคิดที่จะกินดื่มสนุกสนานอะไรนัก“คุณหนูใหญ่ ท่านวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป?”ความหมายของจางเอ้อร์ก็คือ ถ้าหากหวังหรานเอ๋อร์ยังวางแผนที่จะกลับไปสร้างสำนักคุ้มภัยของสกุลหวังขึ้นมาใหม่ เขาก็จะกลับไปด้วยกันเพื่อช่วยเหลือและยังถือได้ว่าไม่ทำให้หัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังผิดหวังที่ได้ฝากฝังไว้ก่อนตายหวังหรานเอ๋อร์เหลือบมองกู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกล “พี่จางเอ้อร์ ท่านกับพระชายาเป็นสหายเก่า
หลี่เยว่กำลังปลอบโยนเจียงม่าน“อืม”เจียงม่านพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ผ่านมา นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับสถานะของตัวเองมาบัดนี้ได้รับการปกป้องและความรักจากฮั่วจี๋ ก็มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ไม่เอาแต่ตกเป็นรองเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปนางหยิบกระดาษและพู่กันออกมา แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษสีแดง“พี่หญิง ท่านกำลังเขียนอะไรอยู่?”“เมื่อวานนี้แม่ทัพน้อยมอบกลอนให้ข้าวรรคหนึ่ง ให้ข้าต่อวรรคต่อไป เมื่อคืนข้าคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก ตอนนี้เกิดความคิดขึ้นมาพอดี”เจียงม่านยกพู่กันขึ้นมา ตัวอักษรของนางสวยงามมาก เป็นแบบอักษรจานฮวาตัวคัดบรรจงหลี่เยว่แอบยิ้มอยู่ข้างหลัง ในที่สุดวันนี้นางก็รู้แล้วว่า อะไรคือคู่สามีภรรยากิ่งทองใบหยกที่รักใคร่และให้เกียรติกัน“เอาล่ะ ๆ ฮูหยินน้อยรีบสวมผ้าคลุมหน้าแดงเร็วเข้า เกี้ยวเจ้าสาวข้างนอกมารับท่านแล้ว”ใบหน้าของแม่สื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เดินเข้ามาจากด้านนอกประตูอย่างรีบร้อน พลางเอ่ยปากเร่งรัด“ใช่แล้ว ๆ รีบสวมผ้าคลุมหน้าแดงเร็วเข้า จะพลาดฤกษ์มงคลไม่ได้นะ”หลี่เยว่หันหลังกลับไป แล้วหยิบผ้าคลุมหน้าแดงบนราวแขวนลงมา พลางคลุมลงบนศีรษะของเจียงม่านอย่างระมัดระว
“เอ่อ!”กู้หว่านเยว่ลูบจมูก นี่นางกำลังหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหม?“ท่านพี่ กงซุนฉิงตามมาหรือยังเจ้าคะ?”นางถามซูจิ่งสิงอย่างเงียบ ๆ หลังจากฝ่ายหลังพยักหน้ายืนยันแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอกกงซุนฉิงมาก็ดีแล้ว ถึงเวลานั้นทิ้งหลี่เหมียนหยางให้อยู่กับนางก็สิ้นเรื่อง“อย่าเพิ่งไปกวนพระชายา”ไป๋หลี่ชิงซีผลักหลี่เหมียนหยางออกไปข้าง ๆ แล้วมองไปที่กู้หว่านเยว่“ความจริงแล้วครั้งนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นที่อยากขอร้องอีก”ดังคำกล่าวที่ว่าไม่มีเรื่องเดือดร้อนก็ไม่มาหาถ้าไม่มีกิจธุระอะไร ไป๋หลี่ชิงซีจะมอบหมายให้ใครนำของมาส่งให้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองเลยจริง ๆ“เรื่องอะไร ท่านแค่พูดมาตามตรงก็พอ”กู้หว่านเยว่ให้ไป๋หลี่ชิงซีนั่งลงก่อน“อาจารย์ของข้ามีน้องชายอยู่คนหนึ่ง เขาถูกพิษ เดิมทีต้องการไปหาปรมาจารย์ที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ได้ยินมาว่าปรมาจารย์แพทย์ออกไปค้นหายาพอดีรอเขากลับมา ก็ยังไม่รู้ว่าอีกกี่เดือน”ไป๋หลี่ชิงซีกะพริบตาหงส์อันเรียวยาว พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ดังนั้น ข้าจึงแบกหน้ามาหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นอาเล็กของท่าน และท่านก็ได้จ่ายเงินค่าตรวจรักษาจำนวนมากไว้ล่วงหน้าแล้ว
กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังทั้งสองคนไม่ได้พบกันนาน เมื่อพูดคุยกันจบ ก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป โอบกอดกันและกันซูจิ่งสิงประคองใบหน้าของกู้หว่านเยว่ขึ้นมาจุมพิตความรู้สึกที่แปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนั้น ทำให้นางตัวสั่นเล็กน้อยนางไม่อาจปฏิเสธได้ โอบเอวของบุรุษตอบจุมพิตอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น“น้องหญิง คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”เขาจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง พัวพันอยู่ที่ข้างหูของนาง ทำให้นางรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัวทั้งสองคนโอบกอดกันและกัน และค่อย ๆ เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม“เราออกไปกันให้หมดเถอะ”ชิงเหลียนยิ้มอย่างรู้ใจ ดึงหงเจาปิดประตูเรือนแล้วเดินออกไปบังเอิญพบกับฉู่เฟิงที่เดินมาพอดี“ชิงเหลียนไม่เจอกันนานเลยนะ ช่วงนี้เจ้าดูผิวคล้ำขึ้นแล้ว”ทันทีที่เปิดปากพูด ก็ทำให้ชิงเหลียนลงมือทุบตี“ปากสุนัขพูดจาดี ๆ ไม่ได้ ไม่รู้จักทักทายก็ไม่ต้องทัก”“โอ๊ย เจ็บ ๆ อย่าตี”ฉู่เฟิงกุมศีรษะร้องขอความเมตตา“แม่นาง ข้ามีธุระจะเข้าไปหาท่านอ๋อง โปรดปล่อยข้าไปเถิด”ชิงเหลียนหยุดมือ แค่นเสียงหัวเราะ“ตอนนี้ท่านอ๋องกับพระชายากำลังยุ่งอยู่ แนะนำให้เจ้ารออีกครึ่งชั่วยามค่อยเข้าไป”“ยุ่งอยู่หรือ?”อ้อ แม้ว่าฉู่
เฉิงทั่วมองไปยังลูกธนูที่อยู่บนไหล่“กำลังรบของเมืองเหยาไม่อาจดูแคลนได้”เขากัดฟัน ดึงลูกธนูที่อยู่บนไหล่ออกมา ถือไว้ในมือแล้วพิจารณา“ลูกธนูนี้ ไม่เหมือนกับของในกองทัพเรา”ระยะยิง กลับไกลกว่าของคนทูเจวี๋ยเสียอีก“รีบห้ามเลือดให้ท่านแม่ทัพเร็วเข้า”รองแม่ทัพหันกลับไปหาหมอทหาร แต่กลับพบว่าหมอทหารถูกจับเป็นเชลยแล้ว พี่น้องที่หลบหนีออกมาได้เหลืออยู่ไม่มากเขาจึงทำได้เพียงลงมือด้วยตนเอง ทำแผลให้กับเฉิงทั่ว“เราสู้พวกเขาไม่ได้ ยอมจำนนเถอะ”เฉิงทั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเป็นแม่ทัพเก่า ย่อมรู้ดีว่า เวลานี้หากต่อต้านไป ก็เป็นเพียงการดิ้นรนก่อนตายเท่านั้นยอมจำนนไม่ได้น่าอับอายพาชาวเมืองซุ่ยโจวไปสู่ความตาย นั่นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย“ท่านแม่ทัพ เราจะยอมจำนนจริง ๆ หรือ?”“จริง!”เฉิงทั่วพยักหน้าอย่างแรงสามวันต่อมา หนังสือยอมจำนนถูกส่งมาถึงกู้หว่านเยว่ผู้ที่มาส่งหนังสือยอมจำนนเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง สวมชุดเกราะ ท่าทางองอาจผึ่งผายอย่างยิ่ง“เจ้าคือเฉิงเหลียน?”กู้หว่านเยว่พลิกหนังสือยอมจำนนที่อยู่ในมือเฉิงทั่วมีลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายเฉิงซินยังอยู่ในมือของนาง“
บังเอิญว่าช่วงนี้เฉิงทั่วยุ่งอยู่กับการเตรียมบุกโจมตีเมืองเหยา จึงไม่มีเวลามาสนใจเฉิงซินเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า บุตรชายแอบหนีออกไปนานแล้วเฉิงทั่วยึดหลักการที่ว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี จึงนำทหารไปโจมตีเมืองเหยาอย่างรวดเร็วเดิมทีเขาคิดว่า เมืองเหยาในตอนนี้น่าจะเหลือเพียงกลุ่มทหารชรา อ่อนแอ และทหารที่บาดเจ็บเขาไม่ต้องเปลืองแรง ก็สามารถยึดเมืองเหยาได้อย่างง่ายดายทว่าเมื่อบุกโจมตี เฉิงทั่วก็ตกตะลึงสิ่งที่ยิงลงมาจากบนกำแพงเมืองกลับไม่ใช่ธนู แต่เป็นปืนใหญ่ปืนใหญ่มีอานุภาพรุนแรง รัศมีทำลายล้างกว้างถึงสามสิบเมตรเมื่อปืนใหญ่หนึ่งลูกตกลงพื้น ทหารหลายสิบนายก็ถูกระเบิดกระเด็นขึ้นฟ้ายังไม่หมดแค่นี้เมืองเหยานี้ดูเหมือนจะรู้กระบวนทัพของพวกเขาล่วงหน้าแล้ว กดดันพวกเขาอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่ข้างหน้าไปจนถึงข้างหลัง ไม่เหลือช่องว่างให้ตอบโต้แม้แต่น้อยแทบจะเป็นการบดขยี้ฝ่ายเดียวจริง ๆ “ถอยทัพ รีบถอยทัพ”เฉิงทั่วรู้ดีว่าการรบครั้งนี้ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ จึงรีบสั่งให้คนวิ่งหนีทว่ากู้หว่านเยว่เตรียมการไว้พร้อมแล้ว จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้อย่างไร?นางสั่งให้คนขุดคูยาวตามเส้นทางหลบหนีของ
มู่หรงฉางเล่อหันหลังกลับไป แล้วเตะคนที่อยู่ด้านหลังออกมา“โอ๊ย”บุรุษผู้นั้นล้มลงกับพื้น ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“คุณหนูโปรดไว้ชีวิตด้วย คุณหนูปล่อยข้าไปเถิด”กู้หว่านเยว่เห็นเขาถูกรังแกจนน่าสงสาร อีกทั้งยังเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“คนผู้นี้คือ?”“พี่สะใภ้ เขาคือบุตรชายสุดที่รักของเฉิงทั่ว แม่ทัพผู้รักษาการเมืองซุ่ยโจว”มู่หรงฉางเล่อแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ กู้หว่านเยว่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ ถึงกับจับบุตรชายของเฉิงทั่วมาได้“จริงหรือ?”“แน่นอนว่าจริง” มู่หรงฉางเล่อถูจมูก “พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้ดูถูกข้า ข้ารู้จักเขา เขาชื่อเฉิงซิน”“เขาเป็นบุตรชายของเฉิงทั่วหรือ เหตุใดดูแล้ว ไม่เหมือนบุตรชายของแม่ทัพเลยสักนิด”ขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ กลับเหมือนพวกไร้ประโยชน์เสียมากกว่า“นี่มีสาเหตุ ท่านฟังข้าอธิบาย”มู่หรงฉางเล่อเอียงศีรษะอธิบายที่แท้เฉิงซินผู้นี้เป็นบุตรชายสุดที่รักของเฉิงทั่ว ท่านแม่ทัพเฉิงมีบุตรชายเพียงคนเดียวหวังจะให้เขาสืบสกุล จึงทะนุถนอมราวกับแก้วตาดวงใจเมื่อเขาร้องว่าลำบาก ก็ไม่ให้เขาไปฝึกฝนในค่ายทหารเมื่อเขาร้องว่าเหนื่
“คนแปลกหน้า เจียงม่าน เหตุใดเจ้าถึงพูดออกมาได้ง่ายดายเช่นนี้?”เมื่อเห็นว่าเจียงม่านจะไป เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดึงนางเข้ามา แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากของนางอย่างแรงเจียงม่านเบิกตากว้างนางอยากจะผลักฮั่วจี๋ออก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจมดิ่งลงไป“ฟังข้า ข้าไม่สนใจฐานะของเจ้า และไม่สนใจอดีตของเจ้า ข้าสนใจเพียงคนที่อยู่ตรงหน้าข้า”ฮั่วจี๋โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนด้วยความทะนุถนอม“ท่านพ่อท่านแม่และพวกพี่ชายไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ คนเดียวที่เกี่ยวข้องกับข้าก็มีแค่เจ้า”เขาจะไม่มีวันลืมว่า เจียงม่านแบกเขาออกมาจากกองศพได้อย่างไรการกลายเป็นหญิงคณิกา ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางเต็มใจเขาเชื่อว่าด้วยนิสัยใจคอของนาง หากเลือกได้ นางไม่มีทางยอมตกเป็นของหอนางโลมอย่างแน่นอน“ฟังข้านะ กลับไปกับข้า ให้ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา ปกป้องเจ้าไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่”ฮั่วจี๋ประคองใบหน้าของเจียงม่าน ในเวลานี้ เขามองเห็นหัวใจของตนเองอย่างชัดเจนเจียงม่านจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา “ทะ ท่านจะไม่เสียใจหรือ?”“มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง”เจียงม่านโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาในทันที กอดเอวที่แข็งแรงของเขาแน่น ให้นางได้เดิมพันอีกสักครั้งเถิด